พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 571 การปรากฏตัวของนิรุตติ์
นัทธีประเมินอยู่สักพัก หลังจากแน่ใจว่าเจ้าตัวน้อยสงบลงแล้ว ก็เอามือออก แล้วก็ยิ้มเบาๆ “เด็กน้อยเรี่ยวแรงไม่ได้น้อยเลยนะ”
ถึงแม้ว่าฝ่ามือที่โดนทิ้งเมื่อกี้จะไม่ได้เจ็บอะไร แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ว่า เด็กน้อยนี้มีเรี่ยวแรงเยอะจริงๆ
“ใช่สิ ไม่อย่างนั้นฉันจะเจ็บได้ยังไงกันล่ะ”วารุณีจับท้องของตัวเองแล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูดออกมา
หลังจากที่นัทธีได้ยินดังนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่ท้องของเธอ “ลูกรัก ต่อไปเวลาขยับอ่อนโยนในนะ ไม่อย่างนั้นหม่ามี๊จะเจ็บเข้าใจไหม ?”
พอเห็นผู้ชายคนนั้นเกี่ยวกล่อมท้องของเธอด้วยท่าทางที่จริงจัง วารุณีก็รู้สึกว่ามันน่าขำ แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งใจในเวลาเดียวกัน
“เอาน่านัทธี ไม่มีอะไรหรอก ความเจ็บปวดเล็กน้อยแบบนี้ฉันทนได้ แล้วอีกอย่างนี้มันหมายความว่าลูกน้อยของพวกเราแข็งแรงดีนะ” เธอดึงมือของเขามาจาก
นัทธีมองมาที่เธอ “ทนไหวจริงๆหรอ?”
“แน่นอนสิ ลูกน้อยก็ไม่ได้ขยับบ่อยขนาดนั้น”วารุณีพยักหน้า
พอเห็นดังนี้ นัทธีก็ไม่ได้พูดอะไรต่อมากมาย วางแท็บเล็ตไว้ข้างๆ โอบแขนรอบเอวของเธอ ปิดไฟแล้วก็พักผ่อน
วันที่สอง ลีน่าไม่รู้ว่าไปซื้อตั๋วมาจากไหน เป็นตัวนิทรรศการเครื่องประดับสองสามใบ ในงานนิทรรศการนั้นมีเครื่องประดับครบชุดที่ทำจากหินออบซิเดียน ดังนั้นก็เลยเชิญวารุณีกับเชอรีนไปดูด้วย
วารุณีเอ็งก็อยากไปมากเหมือนกัน เพราะว่าเธออ่านโบชัวร์แล้วมันบอกว่า ในงานนิทรรศการนี้ยังมีชุดราตรีชั้นสูงอยู่หลายชุด เธอก็เลยอยากจะไปดูหน่อย
ครั้งนี้นัทธีก็ไปด้วยเหมือนกัน การปรากฏตัวขึ้นเมื่อวานของนวิยา ทำให้เขาตระหนักใดบ้างนวิยากับนิรุตติ์มีการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ ช่วงนี้เขาก็เลยไม่กล้าแยกห่างจากวารุณี
เขากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอตอนที่เขาไม่อยู่
สำหรับลูกทั้งสองคนนั้น พวกเขาก็ไม่ได้พาไปด้วย ผู้คนที่อยู่ในเขตคฤหาสน์แห่งนี้มีแต่คนที่มีสถานะในรัฐ และก็มียามอยู่ทุกแทบมุมในคฤหาสน์นี้
เด็กทั้งสองคนอยู่ที่บ้านจะปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก
พวกนิรุตติ์เองก็ไม่กล้ามาทำกำเริบเสิบสานแถวคฤหาสน์ดอก เว้นเสียแต่ว่าต้องการยั่วความเกลียดชังที่เกิดขึ้นจากเขตขนาดนี้
พอมาถึงงานนิทรรศการ ลีน่ากับเชอรีนก็ไปดูเครื่องประดับด้วยกัน ส่วนวารุณีกับนัทธีก็ไปดูชุดราตรี
การออกแบบชุดเหล่านี้มันดีมาก โดยเฉพาะแบบของลายพิมพ์ วารุณีชอบมาก เธออดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ คิดว่าเดี๋ยวกลับไปจะให้อาจารย์มาลองศึกษาดู
สองปีมานี้การออกแบบของอาจารย์มาถึงจุดสิ้นสุด ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาขึ้นเลย ดังนั้นก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับลายพิมพ์
เชื่อว่าถ้าเกิดว่าอาจารย์เห็นลายพิมพ์ของนักออกแบบคนนี้แล้ว จะต้องดีใจแน่ๆ
หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว วารุณีเซฟรูปให้เรียบร้อย แล้วก็หันหน้าไปพูดกับผู้ชายข้างๆว่า “นัทธี ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ”
คนท้องก็เป็นอย่างนี้แหละ วันนึงไปเข้าห้องน้ำตั้งหลายครั้ง ประมาณชั่วโมงละครั้งได้
บางทีเธอก็รู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน” นัทธีพูดพร้อมกับสะพายกระเป๋าให้เธอ
วารุณีส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก อยู่แค่ด้านหลังนี่เอง ไม่นานเดี๋ยวฉันก็กลับมา”
พอพูดจบ เธอก็เดินออกนอกประตูหลังไป
ในห้องน้ำไม่ได้มีคน พอวารุณีเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วเดินออกมานั้น ก็ได้ยินเสียงคนเรียกตัวเอง “วารุณี”
เสียงนี้มัน……
รูม่านตาของวารุณีหดลงในทันที เราก็รีบหันหน้าไปมอง ตรงสุดทางเดินนั้น นิรุตติ์ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายให้กับเธอ “วารุณี ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ!”
“นิรุตติ์! คุณปรากฏตัวขึ้นจริงๆด้วย!”วารุณีมองเขา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะโทรเรียกคนมา
เหมือนกับว่านิรุตติ์ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ตอนที่เธอหยิบโทรศัพท์ออกมานั้น หลังจากที่ยิ้มให้เธออีกครั้งก็หันหลังแล้วก็วิ่งออกไป
วารุณีเห็นดังนั้น ก็รีบตามไปโดยอัตโนมัติ “อย่าหนี หยุดอยู่ตรงนั้น!”
นิรุตติ์ไม่หยุด เมื่อเธอไล่ตามเขาไปถึงจุดที่เขายืนอยู่ ก็เห็นว่าเขาวิ่งเข้าไปในลิฟต์
วารุณีกัดฟันแน่น แล้วก็รีบตามไปในทันที เห็นว่าลิฟต์กำลังขึ้นไปชั้นบน ไม่รู้ว่าไปชั้นไหน
ไม่มีทางเลือก เธอต่อสายโทรหานัทธี น้ำเสียงดูรีบร้อนเป็นอย่างมาก “นัทธี เร็ว นิรุตติ์อยู่นี่ ตอนนี้เขาอยู่ในลิฟต์ กำลังขึ้นไปชั้นบนแล้ว รีบให้คนมาตามเร็ว!”
“เข้าใจแล้ว” หลังจากที่นัทธีได้ยินดังนั้น ในดวงตาของเขาก็กลายเป็นน้ำแข็งทันที เขารีบๆบอดี้การ์ดมาเพื่อไล่ตาม แล้วตัวเขาเองก็ตามไปเหมือนกัน
แต่ว่าพวกเขายังไม่ทันจะไปถึงลิฟต์ นัทธีก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังเข้ามาจากด้านนอก
ใบหน้าของนัทธีมืดมนลงในทันที แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทำงานที่ใกล้ที่สุด หลังจากนั้นก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าต่างในห้องทำงานแล้วก็มองขึ้นไป เขาเห็นเฮลิคอปเตอร์บินอยู่บนท้องฟ้า นิรุตติ์ก็กำลังเหยียบอยู่บนบันไดที่เฮลิคอปเตอร์ปล่อยลงมา พร้อมกับโบกมือให้กับเขา
“นิรุตติ์!”นัทธีกำหมัดแน่น เขากัดฟันกรอดแล้วก็ตะโกนเรียกชื่อออกมา
เหมือนกับว่านิรุตติ์ได้ยินสิ่งที่เขาเรียก ก็เลยยิ้มให้เขาอย่างเดียวเลย แล้วก็ทำท่าทางส่งสัญญาณให้กับเฮลิคอปเตอร์
เฮลิคอปเตอร์นั้นก็เริ่มขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วก็บินออกไปไกล ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะมองไม่เห็นเงาของเฮลิคอปเตอร์แล้ว
นัทธีมองไปยังทิศทางที่เฮลิคอปเตอร์จากไป แล้วสายตาเขาก็ยิ่งเย็นจนน่ากลัว
“สามี นิรุตติ์หนีไปแล้ว” วารุณีมาหยุดอยู่ข้างๆเขา พร้อมกับขมวดคิ้วแน่นและพูดออกมา
นัทธีหลับตาลง ถึงจะสามารถระงับความโกรธภายในใจได้ แล้วก็พยักหน้า “ใช่”
วารุณีอุทานออกมา “คุณพูดถูกจริงๆด้วย ว่านิรุตติ์จะมาแสดงตัว ครั้งก่อนเป็นนวิยา ครั้งนี้ก็เป็นเขา ครั้งต่อไปอาจจะเป็นพวกเขาทั้งสองคนมาพร้อมกันก็ได้ สรุปแล้วพวกเขาวางแผนอะไรกันแน่ !”
“เมื่อกี้นิรุตติ์ดูมีบางอย่างผิดปกติ” ทันใดนั้น นัทธีก็พูดในสิ่งที่น่าประหลาดใจ
วารุณีมองเขาด้วยความสงสัย “ผิดปกติตรงไหนหรอ?”
“ดวงตา”นัทธีหรี่ตาลง พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ทุ่มต่ำ “เขาสายตาสั้น แต่ว่าเมื่อกี้ตอนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ เขาไม่ได้ใส่แว่นตาก็สามารถมองเห็นผม มันแปลกมาก”
“เรื่องนี้มันไม่มีอะไรหรอกมั้ง เขาอาจจะใส่คอนแทคเลนส์ก็ได้” วารุณีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบเขา “เขาขึ้นไปชั้นบนสุดและก็หลบหนีด้วยเฮลิคอปเตอร์ จะเห็นได้ชัดว่าเขาได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขารู้ว่าตัวเองต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ก็เลยใส่คอนแทคเลนส์ มันก็ดูสมเหตุสมผลอยู่นะ”
“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล”นัทธีค่อยๆเชิดหน้าขึ้น
สิ่งที่วารุณีพูดมันมีความเป็นไปได้จริงๆ แต่ว่าเขากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
แต่ว่ามันคืออะไรนั้น เขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน
“กลับกันก่อนเถอะ”นัทธีจูงมือวารุณี
ในเมื่อนิรุตติ์ปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้แล้ว ต่อไปน่าจะไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว
ต่อให้นิรุตติ์จะมีเฮลิคอปเตอร์ แต่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกจากประเทศนี้ได้ เข้าร่วมมือกับผู้ว่าการสตีฟ และกองทัพอากาศที่ผู้ว่าการสตีฟได้จัดเตรียมไว้ให้ก็กำลังตรวจสอบอยู่ นิรุตติ์หนีไปไม่ได้หรอก
งานนิทรรศการครั้งนี้ จบลงที่การปรากฏตัวของนิรุตติ์
วารุณีไม่ได้บอกลีน่ากับเชอรีนว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่อยากจะไปรบกวนอารมณ์ของพวกเธอ หลังจากทีมบอดี้การ์ดสองคนไว้เพื่อดูแลพวกเธอแล้ว ก็กลับไปพร้อมกับนัทธี
“ท่านประธาน”เพิ่งจะเข้ามาที่คฤหาสน์ มารุตก็เข้ามา
นัทธีเทน้ำให้วารุณีหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นก็พูดว่า “ว่ามา”
“บอดี้การ์ดหลายคนเมื่อวานนี้ ได้เจอรถที่นวิยาใช้หนีออกไปที่มหาลัยแห่งหนึ่ง นวิยาทิ้งรถเอาไว้และหนีไปจริงๆด้วยครับ” มารุตตอบ
นัทธีดื่มน้ำลงไป พร้อมกลับหัวเราะอย่างเย็นชา “เธอก็ต้องทิ้งรถอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเป้าหมายที่ใหญ่ขนาดนี้ นอกจากว่าเธอจะทำลายกล้องวงจรปิดทั้งหมดในรัฐแห่งนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ทิ้งหรอก”
“แล้วอีกอย่างครับ ผู้ว่าการสตีฟเอ็งก็บอกว่า จะช่วยท่านประธานตามหาเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น”มารุตพูดอีกครั้ง
นัทธีตอบรับอย่างเรียบง่าย
วารุณีพูดด้วยความเป็นกังวลว่า “ดูจากอาการของนวิยาเมื่อวานแล้ว สุดท้ายอาจจะเหมือนกันใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำก็ได้ สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว”
หลังจากที่ได้ยินดังนั้น นัทธีกับมารุตก็เงียบลงในทันที
เพราะว่าในใจของพวกเขาดูดีอยู่แล้วว่า สิ่งที่เธอพูดมันคือเรื่องจริง
ถึงแม้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่ไม่อยากให้คนจับได้ ก็มีตั้งหลายวิธีที่จะทำได้
“ไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็ต้องลองดู ไปเถอะ”นัทธีสมุดคิวแน่น
มารุตพยักหน้าแล้วก็เดินออกไป
วารุณีมองเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของผู้ชายคนนั้น ก็รู้สึกปวดใจ