พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 572 แผนการจับกุม
“นัทธี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”วารุณีลุกขึ้น เดินอ้อมโซฟาไปหยุดอยู่ข้างหลังของนัทธี แล้วก็ช่วยนวดขมับให้กับเขา
นัทธีหลับตาลง “ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็ต้องจับพวกเขาได้อย่างแน่นอน” วารุณีหลุบตาลง แล้วก็ปลอบด้วยเสียงเบา
ส่วนความจริงนั้นการที่จะจับพวกเขาได้หรือไม่ เธอไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ว่ามันจะเป็นต้องพูดแบบนี้
นัทธียกมือขึ้นมา ลูบหลังมือของเธอเบาๆ “ผมรู้ พอแล้วล่ะไม่ต้องนวดแล้ว คุณเองก็เหนื่อยมากแล้วไปพักผ่อนเถอะ”
วารุณีตอบรับ แล้วก็หยุดการกระทำของเธอแล้วก็กลับมาอยู่ข้างๆเขา
นัทธีจับศีรษะของเธอเบาๆ แล้วก็ดึงให้เธอมานอนดึกของเขา
วารุณีก็นอนลงไปบนตักเขาอยากเชื่อฟัง
ผู้หญิงท้องจะขี้เซา ผ่านไปไม่นานเธอก็หลับไปแล้ว
นัทธีก็ยังคงรูปผมสั้นของเธอเบาๆไปเรื่อยๆ
ใช่ ผมสั้น
เมื่อตอนตั้งท้องได้ 4 เดือน เธอก็ตัดผมยาวๆของเธอออกไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ผมของเธอเลยสั้นประบ่า
เพราะว่าเส้นผมต้องการสารอาหาร เพื่อที่จะแน่ใจว่าเด็กในท้องจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอ วารุณีก็เลยต้องตัดผมออก
อันที่จริงตอนที่เธอตั้งท้องอารัณกับไอริณ เธอก็ตัดผมเหมือนกัน ดังนั้นสำหรับการตัดผมแล้ว เธอไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่สามารถรับได้หรอก แล้วอีกอย่างก็มีสไตลิสต์มืออาชีพที่สามารถตัดผมของเธอออกมาให้สวยงามได้
วารุณีในตอนนี้นั้น พอตัดผมยาวๆของเธอออก ความสวยหยาดเยิ้มก็ลดลง แต่ว่ากลับดูองอาจถึงทายมากขึ้น ทำให้เธอดูดีมากกว่าเดิม
ทันใดนั้นนัทธีก็เห็นว่าท้องของวารุณีเริ่มขยับ
มือของเขาที่ลูบหัวของเธอนั้นก็หยุดลง เดาว่าเด็กในท้องกำลังขยับอยู่ ก็เลยเอามือไปลูบเท้าของเธอ
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เด็กในท้องกำลังเตะมือของเขาอยู่ แรงเยอะเลยทีเดียว
นัทธีเอามือออก แล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ลูกรัก หยุดขยับได้แล้ว หม่ามี๊กำลังนอนหลับอยู่ อย่าปลุกหม่ามี๊ เชื่อฟังหน่อย”
เหมือนกับว่าเด็กน้อยได้ยินในสิ่งที่เขาพูดยังไงอย่างนั้น เขาสงบลงในทันที
นัทธีล๔บไปที่ท้องอีกครั้ง เด็กน้อยก็ไม่ขยับอีกแล้ว แล้วเขาก็ตบตรงตำแหน่งที่เด็กน้อยพึ่งขยับเบาๆ “เป็นเด็กดีมาก”
สมแล้วที่เป็นลูกของเขา
หลังจากนั้นนัทธีก็อุ้มวารุณีขึ้นมาและเดินตรงไปที่บันได
ถึงแม้ว่าวารุณีจะตั้งท้อง แต่ว่าน้ำหนักของเธอไม่ได้ขึ้นมาเท่าไหร่นัก รูปร่างของเธอยังคงดูดีเหมือนเดิม มีเพียงแค่หน้าท้องที่นูนขึ้นเท่านั้นเอง
สิ่งนี้ทำให้นักออกแบบหญิงที่เคยมีลูกมาแล้วคนอื่นๆ รู้สึกอิจฉาตาร้อนเป็นอย่างมาก
ตอนที่พวกชายต้องท้องนั้น น้ำหนักของพวกเธอเกิน แล้วก็อ้วนขึ้นมาก
แต่ว่าวารุณี เธอยังคงผอมเพรียวและรูปร่างก็ยังคงดีอยู่
และก็เพราะแบบนี้ วารุณีก็มาขอโทษพวกเธอถามเกี่ยวกับการดูแลร่างกายของตัวเอง
ความจริงแล้วสำหรับเรื่องนี้นั้น วารุณีก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง เพราะว่าเธอไม่เคยดูแลอะไรมาก่อนเลย ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ
ตอนที่ตั้งท้องอารัณกับไอริณ รูปร่างของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไป และทั้งหมดนี้มันก็เป็นไปตามธรรมชาติ
“หม่ามี๊?” พอมาถึงชั้นสาม นัทธี กำลังจะเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากห้องด้านหลัง อารัณเดินออกมาจากด้านใน เพราะเห็นพ่อกับแม่ก็รีบเอ่ยปากเรียกทันที
นัทธีหยุดเดินแล้วก็หันหน้ามา “หม่ามี๊นอนอยู่ อย่าปลุกหม่ามี๊”
อารัณมองวารุณี แล้วก็รีบพยักหน้าในทันที
นัทธีผลักประตูเข้าไปด้านใน เด็กน้อยก็ตามเข้าไปเหมือนกัน
นัทธีวางวารุณีลงบนเตียง ให้เธอนอนตะแคงข้าง หลังจากนั้นก็ห่มผ้าให้กับเธอ แล้วก็ลุกขึ้นหันไปมองเด็กที่อยู่ข้างๆ “ลูกเข้ามาทำไม?”
“ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพ่อ”อารัณเงยหน้าเล็กๆของเขาขึ้นมามอง
นัทธีตอบรับอย่างเรียบง่าย “ออกไปคุยข้างนอกแล้วกัน”
แล้วสอบพ่อลูกก็เดินออกไป
พอมาถึงด้านนอก นัทธีก็ปิดประตูเบาๆแล้วถามว่า “น้องสาวล่ะ?”
“เมื่อกี้ไอริณดูการ์ตูนแล้วก็หลับไปแล้ว” อารัณตอบคำถามของเขา
นัทธีก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น “ลูกมีอะไรอยากพูดกับพ่องั้นหรอ?”
เพราะว่าอารัณมีความเป็นผู้ใหญ่มาก ในหลายๆครั้ง เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติกับอารัณเหมือนกับเด็กคนอื่น
เหมือนกับตอนนี้ มีเพียงแค่ตอนที่พวกเขาสองคนพ่อลูกคุยกัน เขาก็จะคุยกับอารัณเหมือนกับที่คุยกับคนในระดับเดียวกับตัวเอง และความเฉลียวฉลาดของอารัณ ความรู้ทั้งหมดของเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเห็นว่าอารัณเป็นคนที่ระดับเท่าเทียมกับเขา
แน่นอน ตอนที่อยู่ในช่วงเวลาครอบครัวสุขสันต์นั้น เขาก็จะทำกับอารัณเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
“วันนี้ผมเห็นคนลงด้วย อยู่ที่งานนิทรรศการที่พ่อกับหม่ามี๊ไปด้วยกัน”อารัณเงยหน้าขึ้นมองนัทธีแล้วก็ตอบคำถามของเขา
นัทธีไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของเขา เขาพยักหน้า “พ่อรู้ พวกเราก็เห็นเหมือนกัน สุดท้ายเขาก็ใช้เฮลิคอปเตอร์และหนีไป มีกองทัพอากาศของสตีฟกำลังตามหาเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นอยู่”
“เฮลิคอปเตอร์ลำน้ำถูกเช่ามา ตอนนี้มันถูกขับกลับไปที่ศูนย์เช่าแล้ว”อารัณตอบ
นัทธีขมวดคิ้ว “ถูกเช่ามานั้นหรอ?”
ดูจากทรัพย์สินของนิรุตติ์แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไม่สามารถซื้อเฮลิคอปเตอร์ได้
“ใช่ครับ หลังจากที่ผมใช้กล้องวงจรปิดแล้วก็เห็นว่าเขาหนีไปโดยเฮลิคอปเตอร์ ก็ตามรอยเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไป ผมแฮ็คเข้าไปในระบบของเฮลิคอปเตอร์นั้น ก็พบว่ามันมาจากศูนย์เช่าจริงๆ แต่พอมันกลับมาที่ศูนย์เช่าแล้วนั้น จากการที่ตรวจสอบเส้นทางการบินของเฮลิคอปเตอร์ ผมก็พบว่ามันได้จอดอยู่ที่บนยอดภูเขาลูกหนึ่งระหว่างทาง”อารัณขยับหน้าแล้วก็พูดอีกครั้ง
นัทธีหรี่ตาลง “ดังนั้น นิรุตติ์อยู่บนภูเขาลูกนั้นอย่างนั้นหรอ?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นน่าจะจอดประมาณ10กว่านาทีแล้วก็บินออกไป และเวลาที่เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นถูกเช่าไป มันถูกจอดอยู่สองครั้ง ครั้งแรกคือที่งานนิทรรศการ ส่วนอีกที่หนึ่งคือยอดเขา ดังนั้นหากนิรุตติ์จะหนีไปไหนได้ ก็มีแต่ยอดเขาเท่านั้น” อารัณพูดอย่างมั่นใจมาก
แต่ว่านัทธีกลับส่ายหน้า “ไม่ นี่มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเขาจงใจสร้างสถานการณ์ขึ้นมา จงใจให้พวกเราจับจ้องไปแต่ที่ยอดเขานั้น ทำให้พวกเขานึกว่า เขาต้องไปที่ยอดเขานั้นแน่ๆ แต่ว่ามันมีโอกาสมากมายที่เขาจะยอดจากเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไปตอนที่มันไม่ได้จอดอยู่ เข้าใจไหม?”
“พ่อกำลังพูดถึง…..กระโดดร่ม?” อารัณขมวดคิ้วน้อยๆเข้าหากัน
นัทธีพยักหน้า “ใช่แล้ว ขอแค่เตรียมร่มชูชีพไว้บนเฮลิคอปเตอร์ก่อนแล้ว แค่รอให้เฮลิคอปเตอร์ขับไปถึงจุดบอดของกล้องวงจรปิด เขาก็สามารถกระโดดลงมาได้แล้ว”
“ผมนึกไม่ถึงข้อนี้เลย” อารัณทำหน้ามุ่ยด้วยความโมโห
นัทธีก้มตัวลง แล้วก็ลูบหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก แค่นี้ลูกก็ทำดีมากแล้ว ตอนที่คนของพ่อยังไม่สามารถตามหาเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นเจอ แต่ว่าลูกกลับรู้แล้วว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกลับไปที่ศูนย์เช่าแล้ว ดังนั้นถ้าเทียบกับพวกเขาแล้ว ลูกเก่งมากเลย”
มีลูกชายที่ฉลาดเฉลียวขนาดนี้ เขาก็สามารถคาดการณ์ไว้ได้เลย ต่อไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เมื่ออยู่ในมือของอารัณ มันต้องพัฒนาเติบโตไปอย่างมากแน่นอน
พอได้ยินคำชมจากพ่อของตัวเอง ใบหน้าเล็กๆของอารัณก็แดงขึ้นมาในทันที
นัทธียืนขึ้น “โอเค กลับไปที่ห้องได้แล้ว พ่อต้องไปประชุมที่ห้องทำงานหน่อย”
“ครับ” อารัณพยักหน้าเล็กๆของเขา แล้วก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง
สองสามวันหลังจากนั้น นวิยากับนิรุตติ์ก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นให้เห็นบ่อยๆ
แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แต่ว่าผลัดกันปรากฏคัว เดิมสถานที่ที่ปรากฏตัวนั้น จะเป็นต่อหน้าพวกวารุณีเสมอ
แต่หลังจากนั้นสถานที่ที่พวกเขาออกมา ก็เริ่มเปลี่ยนไป ไกลจากพวกวารุณีเยอะมาก เดี๋ยวก็เป็นท่าเรือ เดี๋ยวก็เป็นสถานีรถไฟ เดี๋ยวก็เป็นป้ายรถเมล์ของสนามบิน
สถานที่พวกนี้ต่างเป็นอารัณที่พบจากกล้องวงจรปิด พอคนของนัทธีตามไปถึงนั้น นวิยากับนิรุตติ์ก็หนีหายไป ไม่เหลือแม้แต่เงา
แต่ว่าจากสถานที่ที่พวกเขาปรากฏตัวในสองสามครั้งนี้ก็สามารถคาดเดาได้ว่า พวกเขาอยากจะออกจากรัฐนี่ อาจจะปรากฏตัวขึ้นที่นั่น เพื่อหาช่องโหว่และดูว่าสามารถขึ้นรถเหล่านี้เพื่อหนีออกไปได้หรือไม่
ดังนั้น นัทธีก็ได้เตรียมบอดี้การ์ดไวัหลายคนโดยเฉพาะ เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง เดินไปรอบๆทางออกเหล่านี้และแสร้งทำเป็นผู้โดยสารธรรมดาๆ ซุ่มโจมตีล่วงหน้า ถ้าเกิดว่านวิยากับนิรุตติ์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็จะสามารถจับพวกเขาได้ในทันที และไม่ต้องเป็นเหมือนครั้งก่อนๆ ที่จะต้องตามไปในสถานที่ไกลๆทุกครั้ง