พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 602 เบาะแสของนัทธี
ไม่นาน ผู้ดูแลก็พาวารุณีกับอารัณมาถึงสถานที่ที่นัทธีกระโดดลงไปในแม่น้ำ
วารุณีก้มหน้ามองลงไป เบื้องล่างกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก และมีก้อนหินใหญ่ตระหง่านพ้นน้ำ แค่เห็นภาพก็น่ากลัวแล้ว หากไม่ระวังก็อาจจะล้มพาดเข้ากับหินพวกนั้น จนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้
วารุณีไม่รู้ว่าตอนนั้นร่างของนัทธีพาดเข้ากับหินนั้นไหม แต่แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวแบบนี้ ก็อันตรายมากพอแล้ว
“หม่ามี๊ จะเป็นไปได้ไหมครับที่พ่อจะสำลักน้ำแล้วจมลงไป ?” อารัณจูงมือของวารุณีแล้วถามออกไป
วารุณีส่ายหัว “หม่ามี๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อารัณหลุบตาลง และไม่ได้ถามต่อ
วารุณีหันไปหาผู้ดูแล “ไปกันเถอะ พาฉันเดินไปตามแม่น้ำสายนี้”
“ได้ครับคุณผู้หญิง ”ผู้ดูแลพยักหน้า
ทุกคนเดินอ้อมเขตอุตสาหกรรม และมาถึงที่ปลายแม่น้ำสายนี้ และเดินลัดเลาะไปตามแม่น้ำเรื่อยๆ
ตลอดทางที่วารุณีเดินมา ก็มองสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆบริเวณไปด้วย เพื่อดูว่าพอจะมีเบาะแสอะไรไหม
“หลายวันมานี้มีฝนตกหรือเปล่า ?”วารุณีถาม
ผู้ดูแลส่ายหัว “ไม่มีครับ ช่วงนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มมาก แต่ฝนก็ไม่ได้ตกครับ”
“หม่ามี๊ ถามเรื่องพวกนี้ทำไมครับ ?”อารัณสงสัย
วารุณีเม้มปากแดงๆ“ฉันแค่กำลังคิดว่า หากตอนนั้นนัทธีขึ้นมาจากแม่น้ำได้ บนบกก็น่าจะมีร่องรอยอะไรบ้าง ขอแค่ฝนไม่ตก ร่องรอยพวกนั้นก็น่าจะยังอยู่ได้สักระยะ แน่นอนว่า มันเป็นเพียงการคาดเดาของฉันเท่านั้น จะเป็นอย่างที่พูดไหมก็ไม่รู้เหมือนกัน ”
“ลองดูครับ”มารุตตอบ “จุดนี้ ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน แต่ความเป็นไปได้ก็สูงมาก เพราะทั้งสองฝั่งของแม่น้ำล้วนเป็นดินโคลน หากท่านประธานขึ้นฝั่งมาได้จริงๆ ด้วยรองเท้าที่เปียกปอน ก็จะทิ้งรอยเท้าไว้บนโคลนพวกนั้น”
“ใช่จริงๆด้วย ”ผู้ดูแลทุบไปที่ฝ่ามือ “งั้นคุณผู้หญิง ผมจะให้คนเดินลัดเลาะตามริมแม่น้ำ เพื่อค้นหาร่องรอยเลยนะครับ ”
“ดี”วารุณีพยักหน้า
มารุตก็ไปช่วยเหลือ วารุณีจูงมืออารัณแล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ
เมื่อใกล้จะถึงที่ปลายแม่น้ำ ก็ได้ยินเสียงของมารุตที่ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ“คุณผู้หญิงเจอเบาะแสแล้วครับ !”
มารุตกวักมือเรียกอย่างตื่นเต้น
หัวใจของวารุณีก็เต้นรัวยิ่งขึ้น
อารัณก็จับมือเธอแน่น “หม่ามี๊ คุณอามารุตพูดว่า เจอร่องรอยของพ่อแล้วเหรอครับ ? ”
“น่าจะใช่” วารุณีตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ใบหน้าซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด
มารุตพายเรือกู้ภัยขนาดเล็กเข้าไปหาวารุณีสองคนแม่ลูก
“คุณผู้หญิง คุณชายน้อย รีบขึ้นมาเร็ว ผมจะพาไป” มารุตกล่าวอย่างเร่งรีบ
วารุณีรับคำ จากนั้นก็อุ้มอารัณแล้วพากันลงไปในเรือกู้ภัย
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสามคนก็พายเรือข้ามแม่น้ำอันกว้าง มาถึงยังอีกฝั่งของแม่น้ำ
ผู้ดูแลกำลังรอวารุณีกันอยู่
เมื่อวารุณีมาถึง ผู้ดูแลก็ชี้ไปยังพื้นหญ้าที่แบนราบแนบลงกับกองดินแล้วพูดว่า“คุณผู้หญิง ผมสงสัยว่ารอยของหญ้านี้น่าจะเป็นท่านประธานที่ทำเอาไว้ คุณดูหญ้าบริเวณโดยรอบสิ ตั้งตรง ไม่มีร่องรอยอะไร มีแต่ที่ตรงนี้ที่แบนราบ เห็นชัดว่ามีบางอย่างกดทับพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ และทับไว้อยู่เป็นเวลานาน ดังนั้นหญ้าตรงนี้จึงได้มีรูปร่างแบบนี้ ”
“นัทธี!”สองมือของวารุณีสั่นสะท้าน ดวงตามีประกายแสงแห่งความหวัง
มารุตก็รีบพูดขึ้นเช่นกันว่า “ใช่ครับ เราสงสัยว่าเป็นท่านประธาน เพราะดูจากร่องรอยของพื้นที่หญ้าตรงนี้แล้ว มันมีขนาดเท่ากับตัวของคนคนหนึ่ง หรือบางทีตอนนั้นท่านประธานอาจจะถูกซัดมาที่บริเวณนี้ อยากจะขึ้นฝั่ง แต่เพราะไม่มีเรี่ยวแรง เลยล้มลงนอนอยู่ตรงนี้”
“แต่หลังจากนั้นพวกคุณก็หาตัวนัทธีไม่เจอนี่นา แล้วนัทธีหายไปไหน?” วารุณีขบริมฝีปาก
เธอกำลังคาดเดาบางอย่างในใจ หรือนัทธีจะถูกใครพาตัวไป
ไม่รู้ว่าจะเป็นนิรุตติ์ หรือคนอื่น
ตอนนั้นนิรุตติ์วางแผนทำร้ายนัทธี ต้องการชีวิตของนัทธี ดังนั้นก็ต้องคิดได้อยู่แล้วว่านัทธีจะต้องกระโดดหนีลงแม่น้ำเพื่อเอาตัวรอด หลังจากนั้นก็ส่งคนมาดักรอที่ริมฝั่ง แล้วพาตัวนัทธีไป
หากเป็นไปตามที่คิด นัทธีตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขา ยังจะอยู่ดีได้อีกเหรอ?
วารุณีอดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้ กังวลใจอย่างมาก แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจได้เรื่องหนึ่ง นั้นก็คือ เธอมั่นใจได้ว่านัทธียังมีชีวิตอยู่
“ท่านประธานน่าจะถูกพาตัวไปแล้ว ”ในขณะที่วารุณีกำลังครุ่นคิดอยู่ มารุตก็ตอบออกมา
คำตอบของเขา เหมือนกันกับที่เธอคิด
วารุณีขบริมฝีปาก“ ตอนนี้ฉันกังวลกลัวว่าคนที่พานัทธีไป จะเป็นพวกนิรุตติ์”
มารุตส่ายหัว “น่าจะไม่ใช่ครับ”
“คุณมั่นใจได้อย่างไร ? ”ดวงตาวารุณีเป็นประกาย จ้องมองไปยังเขาอย่างตื่นตัว
อารัณก็ถามขึ้นเช่นกัน “ใช่ครับคุณอามารุต คุณอามั่นใจได้ยังไงว่าคุณพ่อไม่ได้ถูกพวกนิรุตติ์เอาตัวไป?”
“เพราะรอยล้อรถนี้ครับ ”มารุตชี้ไปยังที่ไม่ไกลนัก รอยล้อรถที่ห่างออกไปประมาณสองสามเมตรได้
วารุณีมองตาม “รอยล้อรถสามทาง รถสามล้อเหรอ ?”
“ครับ”มารุตพยักหน้า “เมื่อครู่ผมเพิ่งตรวจสอบ รอยของล้อรถนี้เป็นรอยใหม่ ซึ่งก็น่าจะเป็นรอยที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ และจากขนาดของรอยล้อรถนี้ เป็นรถสามล้อในการเกษตรของชาวบ้านทั่วไป เป็นรถที่เอาไว้คอยลากพืชผลทางการเกษตร พวกนิรุตติ์จะมาขับรถแบบนี้ได้ยังไงกัน ดังนั้นผมจึงสงสัยว่า ท่านประธานน่าจะได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าของรถสามล้อคันนี้ครับ ”
เมื่อได้ยินคำนี้ วารุณีร้องไห้ด้วยความดีใจ“ หากเป็นอย่างที่พูด ถ้าเราหาเจ้าของรถสามล้อคันนี้เจอ ก็จะเจอตัวนัทธีใช่ไหม ? ”
“ใช่ครับ แต่รถสามล้อแบบนี้มีจำนวนมาก หาไม่ง่ายเลยครับ ” มารุตถอนหายใจ
จู่ๆผู้ดูแลก็พูดขึ้นมา“ ในเมื่อเป็นรถสามล้อที่ใช้ในการเกษตร งั้นเจ้าของรถสามล้อก็น่าเป็นชาวไร่ชาวนาธรรมดา และรถสามล้อก็ขับเข้าเมืองไม่ได้ และขับไปไกลไม่ได้ ไม่แน่ว่าท่านประธานก็อาจอยู่ในละแวกบ้านของชาวนาแถวๆนี้ก็ได้ ”
“แต่ครั้งที่แล้ว ครอบครัวชาวไร่ชาวนาละแวกนี้ เราก็ได้ไปสอบถามกันมาหมดแล้ว และได้เข้าไปดูภายในบ้านมาแล้วด้วย ”มารุตขมวดคิ้ว
วารุณีหรี่ตาลง “งั้นก็ขยายพื้นที่ให้กว้างออกไปอีก โดยเฉพาะในโรงพยาบาลละแวกใกล้เคียง ใครที่ช่วยนัทธีเอาไว้ อาจจะพาตัวนัทธีไปส่งที่โรงพยาบาลก็เป็นได้”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็ตระหนักเรื่องสำคัญอะไรขึ้นมาได้
นั่นก็คือ เป็นไปได้ไหมที่นัทธีจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา ?
หากเขาฟื้น เขาย่อมต้องติดต่อมาหาผู้ดูแลและคนอื่นๆ ไม่มีทางที่จะหายเงียบไปหลายวันแบบนี้
ดังนั้นเป็นไปได้มาก ว่านัทธียังไม่ฟื้นขึ้นมา
และจากวันที่เกิดอุบัติเหตุก็ผ่านมานานหลายวันแล้ว เขายังไม่ฟื้น ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ ว่าตอนนี้สภาพของเขาต้องสาหัสมากแน่ๆ
สองมือของวารุณี กำกันแน่น ภายในใจร้อนรนมากขึ้น
“นัทธี คุณจะต้องไม่เป็นอะไรนะ!” เธอพึมพำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยขอร้องอ้อนวอน
ทางด้านข้าง มารุตกับผู้ดูแลก็ได้พูดคุยหารือกัน แบ่งเป็นสองทีมเพื่อค้นหานัทธี
ทีมหนึ่งไปหาตามบ้านของชาวนา และอีกทีมไปหาที่โรงพยาบาลและคลินิกทั้งหมดภายในรัศมีสิบกิโลเมตร
ส่วนวารุณี ก็พาอารัณกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ก่อน
เพราะแผลที่ท้องของเธอยังไม่สมานดี เดินไกลไม่ได้และออกกำลังกายนานไม่ได้ จึงทำได้เพียงกลับไปรอฟังข่าวเท่านั้น
การรอคอยนี้ ล่วงเลยไปจนถึงตอนค่ำ มารุตกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ด้วยความตื่นเต้น“คุณผู้หญิง เจอตัวแล้วครับ ”
วารุณีกำลังทานอาหารค่ำอยู่ เมื่อได้ยินคำนี้ ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จ้องมองเขาด้วยความตื่นเต้น “เจอนัทธีแล้วเหรอ ?”
อารัณก็กุมมือเล็กๆแน่นอย่างดีใจ
แต่มารุตกลับส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ ยังไม่เจอท่านประธาน แต่เจอเบาะแสของท่านประธานแล้วครับ ”
นัยน์ตาของวารุณีก็มืดมัวลงสีหน้าก็ผิดหวังเล็กน้อย
แต่ไม่นาน เธอก็ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง หายใจเข้าลึก แล้วถามว่า “เจอที่ไหน?”
หาตัวนัทธีไม่เจอ เธอรู้สึกผิดหวังมาก
แต่เจอเบาะแสที่เกี่ยวกับนัทธี ในใจเธอก็พอจะรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย
มารุตดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง ก็ผ่อนลมหายใจออกมา แล้วตอบกลับว่า“ ท่านประธานได้รับการช่วยเหลือจริงๆครับ ถูกช่วยไว้โดยหญิงสาวคนหนึ่ง”