พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 607 ผู้หญิงบูชาเงิน
แม้วารุณีจะยังรู้สึกขุ่นเคืองพิชิตอยู่ แต่ตอนนี้นัทธีก็ต้องพึ่งพาเขา เธอจึงไม่สมควรที่จะเย็นชาใส่ ฝืนยิ้มออกมา “ ได้ ฉันรู้แล้ว เรื่องนัทธีต้องรบกวนคุณแล้ว ”
“วางใจเถอะ”พิชิตสวมหน้ากาก และเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด
วารุณีกับมารุต และป้าส้มที่ยังนั่งอยู่บนรถเข็นก็กำลังรอกันอยู่ที่ด้านนอก
ในตอนนี้เอง วารุณีก็คิดอะไรขึ้นมาได้ หันมองไปหามารุต“ผู้ช่วยมารุต รบกวนคุณไปต่างประเทศ รับไอริณกลับมาให้ที ฉันรับปากแกไว้ หากเจอตัวนัทธี จะรีบไปรับแกกลับมาทันที”
เธออยากจะอยู่ดูแลนัทธี ก็จึงปลีกตัวไปไหนไม่ได้ และไม่วางใจให้คนอื่นไปรับเช่นกัน
คงต้องไหว้วานมารุตเท่านั้นแล้ว
“ได้ครับ งั้นผมไปเลยนะครับ ”มารุตพยักหน้า หันหลังแล้วเดินออกไป
วารุณีก็หันมองไปยังป้าส้ม “ป้าส้มค่ะ อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ หานัทธีเจอแล้ว รอสลายลิ่มเลือดในสมองได้ เขาก็จะฟื้นขึ้นเอง และหนูเชื่อว่า นัทธีเขาก็ไม่โทษป้าเหมือนกัน”
อันที่จริงแล้ว ไม่ว่ายังไง ที่นัทธีเกิดเรื่องขึ้น ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับป้าส้มเลย
ต่อให้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับป้าส้ม และนัทธีไม่กลับมาที่นี่ นิรุตติ์ก็จะหาวิธีจัดการกับนัทธีอยู่ดี เพียงแค่ต่างวิธีการ ต่างเวลา และต่างสถานที่ก็เท่านั้น
ป้าส้มมองไปที่ประตูของห้องผ่าตัด “พระเจ้าคุ้มครองด้วย ต่อจากนี้ขออย่าให้คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง กับลูกน้อยอีกสามคน เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเลย หัวใจคนแก่อย่างฉันทนรับกับความสะเทือนใจอีกต่อไปไม่ได้แล้ว”
เมื่อวารุณีได้ฟังคำพูดของหญิงสูงวัย ก็ยกยิ้มขึ้นมา วางมือไปบนไหล่ของเธอ “ แน่นอนค่ะ เราจะไม่เป็นอะไรกันอีก”
ป้าส้มสะอื้นตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ จะเป็นอย่างที่คุณผู้หญิงพูดค่ะ”
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก นั่งรอนัทธีออกมากันอย่างเงียบๆ
เพราะไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่อะไร ดังนั้นผ่านไปสองชั่วโมง การผ่าตัดก็แล้วเสร็จ
นัทธีถูกนำตัวออกมา วารุณีที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ก็ดีดตัวลุกขึ้นทันที “นัทธี”
ป้าส้มเองก็รีบเลื่อนรถเข็นเข้าไปหา
วารุณียืนอยู่ข้างเตียง มองไปยังใบหน้าของนัทธีที่ซีดเซียว ปวดใจมากจนต้องยื่นมือไป แล้วลูบที่ใบหน้าของเขา“คุณหมอพิชิต ทุกอย่างของนัทธีเรียบร้อยดีไหมคะ?”
“ลิ่มเลือดในสมองของเขาหายไปหมดแล้ว ภายในสองวันก็น่าจะฟื้น ” พิชิตตอบ
ป้าส้มร้องไห้ด้วยความดีใจ “ดีเลยค่ะ ดีเลย”
วารุณีก็โล่งใจ ยกยิ้มออกมาเช่นกัน
“เอาล่ะ ตอนนี้พานัทธีไปส่งที่ห้องผู้ป่วยก่อน พวกคุณก็อยู่ดูแลเขาในห้องพักได้เลย ” พิชิตกล่าว
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง เดินหลบทางให้ ไม่ขวางทางการเข็นเตียงของเจ้าหน้าที่พยาบาล
เจ้าหน้าที่พยาบาลเข็นเตียงของนัทธีไปยังห้องพักผู้ป่วย วารุณีก็เข็นรถเข็นของป้าส้มตามหลังไป
ในตอนบ่าย ปาจรีย์ก็ตามมา และพาอารัณมาด้วย
ในตอนเช้า เธอกลัวว่าเด็กน้อยอยู่บ้านคนเดียวจะเบื่อ ระหว่างทางที่ไปรับนัทธี เธอได้โทรไปหาปาจรีย์ ให้ปาจรีย์ไปที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์เพื่ออยู่เป็นเพื่อนอารัณ
ดังนั้นปาจรีย์ก็จึงเป็นอีกคนที่รู้ว่าเจอตัวนัทธีแล้ว
อารัณนอนอยู่ข้างเตียง จ้องมองดูนัทธีไม่วางตา
วารุณีกับปาจรีย์ก็ยืนอยู่ข้างกำแพง
ปาจรีย์ถามเรื่องราวความเป็นมาในการเจอตัวนัทธี
วารุณีไม่ได้ปิดบัง บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนอยู่กับจุ๊บแจงให้ฟัง
“อะไรนะ?”หลังจากที่ปาจรีย์ฟังจบ ก็รู้สึกไม่ดี“ผู้หญิงคนนั้นก็ช่างไร้ยางอายจริงๆ ตกหลุมรักประธานนัทธี ถึงขั้นปิดบังที่อยู่ของประธานนัทธีเอาไว้ จริงๆเลย……ยังนามสกุลเดียวกับเธออีก นี่ฉันรู้สึกว่าเขากำลังทำนามสกุลนี้เสื่อมเสียนะนี่ ”
ปาจรีย์โกรธมาก
วารุณีดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง“ ช่างมันเถอะ รับตัวนัทธีมาแล้ว ฉันไม่โกรธอะไรแล้ว”
“วารุณี เธอเชื่อไหมว่าผู้หญิงคนนั้นไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ”ปาจรีย์พูดแล้วเม้มริมฝีปาก
วารุณีมองเธอ“เธอรู้ได้ยังไง ?”
“ฟังจากที่เธอพูดเรื่องของจุ๊บแจงเมื่อกี้ ฉันพอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เป็นคนประเภทที่ปากก็บอกว่าพึ่งตนเองบากบั่นไม่ท้อถอย แต่แท้จริงแล้วเป็นพวกบูชาเงิน คนแบบนี้ไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองนั้นบูชาเงิน แต่เขาจะชอบเข้าหาคนรวยๆ รอดูแล้วกัน เขาจะต้องมาหาอีกแน่ๆ”
ปาจรีย์พูดอย่างมั่นใจ
วารุณีคิ้วขมวด จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไร แต่เรื่องที่เราติดหนี้บุญคุณเขามันเป็นเรื่องจริง หากเขาจะมาหาก็ให้เขามาเถอะ ดีเลยจะได้ชดใช้หนี้บุญคุณนี้ให้เขาซะ ”
“พูดกันตามตรง ต่อให้เขาจะไม่ช่วยประธานนัทธีเอาไว้ ประธานนัทธีก็ไม่ตายหรอก ไม่แน่ว่าทางผู้ดูแลเขาก็อาจจะหาตัวเจอแล้วส่งต่อไปที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ป่านนี้ก็คงฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอก็ไม่ต้อง……เฮ้อ มันเป็นความผิดของผู้หญิงคนนั้นคนเดียว !”ปาจรีย์พูดอย่างโกรธเคือง
วารุณีหลุบตาลง
ใช่ หากจุ๊บแจงไม่ปรากฏตัว ผู้ดูแลและคนอื่นๆก็คงเจอนัทธีไปนานแล้ว และเธอก็ไม่ต้องมาคลอดสุขใจก่อนกำหนด เพราะได้รับสายว่านัทธีหายตัวไป
แต่เธอจะโทษจุ๊บแจงทั้งหมดก็ไม่ได้ เรื่องที่จุ๊บแจงช่วยเหลือคนมันเป็นสิ่งที่ดี คงพูดได้เพียงว่า ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว
ปาจรีย์อยู่เป็นเพื่อนกับวารุณีราวๆสามชั่วโมงได้ก็จึงขอตัวกลับไป
เพราะตอนนี้ที่บริษัทเธอดูแลอยู่คนเดียว เวลาเพียงน้อยนิดนี้ก็ต้องเจียดมันมา ก็จึงอยู่นานไม่ได้
หลังจากที่ปาจรีย์ไปแล้ว วารุณีก็ให้บอดี้การ์ด ไปส่งป้าส้มที่ห้องพักผู้ป่วยของตัวเอง
ไม่นาน ภายในห้องพักก็จึงเหลือเพียงวารุณีแม่ลูกกับนัทธี
ส่วนบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ก็เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
“หม่ามี๊ เมื่อกี้ผมเช็กประวัติของจุ๊บแจงมา”จู่ๆอารัณก็พูดขึ้นมา
วารุณีมองไปที่เด็กน้อย“ ไปเช็กประวัติเขาทำไม ? ”
อารัณหัวเราะ“เมื่อกี้หม่ามี๊กับแม่บุญธรรมพูดเรื่องของคนที่ชื่อจุ๊บแจง ผมก็เลยเช็กประวัติของเขา ที่แม่บุญธรรมพูดถูกทุกอย่าง เธอเป็นผู้หญิงที่บูชาเงินจริงๆ”
“โอ้?”วารุณีเลิกคิ้ว “คือยังไง ? ”
“ผมเห็นประวัติของเธอ เธอมีเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนของเธอเป็นครอบครัวที่รวยที่สุดในหมู่บ้าน เธอชอบเล่นกับเพื่อนของเธอคนนี้ และเพื่อนคนนี้ของเธอก็มักจะให้ของอะไรต่อมิอะไรกับเธอมากมาย แต่หลังจากที่ขึ้นมัธยม เธอมีเพื่อนคนหนึ่งที่รวยกว่าเพื่อนคนนี้ เธอก็เลยตีตัวออกห่างจากเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วไปตีสนิทกับเพื่อนใหม่คนนั้นที่รวยกว่าแทน ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ปากน้อยๆของอารัณก็เบะออกอย่างดูถูก “เมื่อเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กคนนั้นเห็น ก็บอกให้เธออยู่ให้ห่างกับเพื่อนใหม่คนนั้น แต่เธอไม่ยอม และยังบอกอีกว่าเพื่อนใหม่คนนั้นน่าคบหากว่าเพื่อนเก่าอย่างเขา แต่เหตุผลที่แท้จริงคือเพื่อนใหม่คนนั้นให้ของที่มีค่ากว่าเพื่อนเก่า เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็คบหากับเพื่อนร่วมชั้นที่มีฐานะร่ำรวย ดังนั้นทุกคนต่างก็ดูออกว่าเธอเป็นพวกหน้าเงิน มีตัวเธอเองเท่านั้นที่ไม่ยอมรับ บอกว่าเพื่อนร่วมชั้นที่ร่ำรวยเหล่านั้นเป็นเพื่อน……”
วารุณีฟังเข้าใจแล้ว หัวเราะออกมา“ พอแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นพวกบูชาเงินหรือเปล่า มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา ถึงตอนนั้นหากเธอต้องการเงิน ก็ให้เธอ ตอบแทนบุญคุณนี้ และไม่จำเป็นต้องติดต่อกันอีก ”
“หม่ามี๊พูดถูก”ศีรษะเล็กของอารัณพยักหน้ารับ
วารุณีมองตาเขาเหมือนจะง่วง จึงลูบไปที่ศีรษะ“ง่วงไหม ? หม่ามี๊อุ้มไปที่เตียงนะ ไปนอนข้างๆพ่อ”
“ครับ”อารัณรับคำ
วารุณีอุ้มเขาไปที่เตียงของคนป่วย แล้วถอดรองเท้าของเขาออก
เขากลิ้งตัวลงบนเตียงคนป่วย จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่ม แล้วนอนลงตรงข้างๆของนัทธี
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้นอนข้างๆคนเป็นพ่อ รู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน
อารัณยิ้มอย่างมีความสุข จากนั้นก็หลับตาแล้วผล็อยหลับไป
วารุณีห่มผ้าให้คนเป็นพ่อกับลูกชาย หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเดินไปที่ระเบียง โทรหาเชอรีน เพื่อถามเรื่องของไอริณกับสุชใจ
เมื่อได้ยินว่าไอริณกำลังหลับอยู่ และสุขใจก็สบายดี วารุณีก็ถึงได้เบาใจ
“วารุณี เจอประธานนัทธีหรือยัง ?”เชอรีนถาม
วารุณีหันหน้ามองไปยังห้องพักผู้ป่วย พยักหน้าเบาๆ “เจอแล้ว”
“เยี่ยมไปเลย”เชอรีนดีใจแทนเธอ
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง “ใช่ มันเยี่ยมมาก ฉันให้มารุตไปรับไอริณกลับมาแล้ว เธอจะกลับมาพร้อมกันเลยไหม ?”
“ตอนนี้ฉันยังกลับไปไม่ได้ รับปากจะเป็นนางแบบให้ลีน่า ก่อนหน้านั้นเขาบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าจะเปิดงานโชว์ผลงานการออกแบบของตัวเอง?”เชอรีนตอบ
วารุณีนึกขึ้นได้ ว่ามีเรื่องแบบนั้นจริงๆ
“ก็ได้ รอนัทธีฟื้น ฉันจะขอเขาให้มารุตหยุดยาว แล้วไปอยู่เป็นเพื่อนเธอนะ” วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม