พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 614 รุ่นน้อง
จุ๊บแจงกัดปากแน่น มือทั้งสองกำแน่น ร่างสั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้
แต่เธอจะทำอะไรได้ เธอจำเป็นต้องไป ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถเจอนัทธีได้ และก็ไม่อาจทำภารกิจของนิรุตติ์ได้สำเร็จ
คิดถึงตรงนี้แล้ว จุ๊บแจงก็เงยหน้าขึ้น ตอบอืออย่างเสียงแหบ“ฉันไปค่ะ!”
ถึงแม้ที่แผนกทำความสะอาดจะได้เจอนัทธีน้อย แต่ก็อยู่อาคารเดียวกัน แค่ตัวเองหาโอกาส ก็เจอเขาได้
แค่ได้เจอเขา เธอก็จะไปพูดกับเขาด้วยตัวเองว่า เธอคือผู้มีพระคุณของเขา ให้เขาย้ายเธอไปตำแหน่งอื่น
เชื่อว่าเขาทำแน่ ไม่แน่เขาอาจจะเสียใจด้วยที่ส่งเธอไปแผนกทำความสะอาด
คิดแบบนี้ ในใจของจุ๊บแจงก็ดีขึ้นเยอะทันที และยังฉีกยิ้มไปให้มารุตอีก“ผู้ช่วยมารุต ขอโทษนะคะประ……ประธานนัทธีพักอยู่ที่ไหน?”
“คุณถามทำไมเหรอ?”มารุตมองเธออย่างระมัดระวัง
สายตาของจุ๊บแจงระยิบระยับ บิดนิ้วตอบกลับว่า:“ฉัน……ฉันอยากไปขอบคุณเขาด้วยตัวเองที่จัดหางานให้ฉัน”
มารุตมองบนใส่จนตาแทบเหลือก
สรุปว่าอยากขอบคุณ หรืออยากเจอประธาน
“ขอโทษด้วย ที่อยู่ของประธานเป็นความลับครับ ผมบอกใครไม่ได้”มารุตดันแว่นแล้วตอบ
เขาไม่ได้โกหก นี่เป็นความจริง
คนที่มีตัวตนอย่างประธานนี้ ที่อยู่นั้นเป็นความลับ ยังไงศัตรูก็เยอะ หมดหนทาง
จุ๊บแจงกลับคิดว่ามารุตไม่อยากบอกตัวเอง ในใจทั้งโกรธทั้งแค้น แต่ก็หมดหนทาง ได้แต่ปล่อยไป“แบบนี้นี่เอง งั้นก็ช่าง”
อย่างมาก ต่อไปเธอก็สอบถามเอง
“งั้นคุณจุ๊บแจงก็พักเยอะๆ พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่ ผมขอตัวก่อน”มารุตพูด
จุ๊บแจงพยักหน้า“ผู้ช่วยมารุตเดินทางปลอดภัยค่ะ”
มารุตไม่ตอบ ก้าวเท้าเดินออกไป
ที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ นัทธีกับวารุณีถ่ายภาพแต่งงานของวันนี้เสร็จก็กลับไปที่บ้าน
นัทธีมีประชุมวิดีโอคอล จึงเดินไปชั้นบนไม่หยุด ไปประชุมที่ห้องทำงาน
วารุณีนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก เด็กสองคนนี้คนหนึ่งทุบหลังให้เธอ อีกคนบีบขาของเธอ กตัญญูมาก
ตอนที่ปาจรีย์มาถึง ก็เห็นฉากนี้พอดี จึงหัวเราะไปอย่างหยอกล้อ“โหย อารัณกับไอริณกตัญญูจริงๆ”
“แม่บุญธรรม”เด็กทั้งสองคนเงยหน้าไป เรียกเธอด้วยเสียงหวาน
ปาจรีย์เข้ามาจุ๊บทีละคน“เด็กดีจริงๆ!”
“เธอมาได้ไง?”วารุณีชี้ไปที่โซฟา บอกเป็นนัยว่าให้เธอนั่ง
ปาจรีย์นั่งลง“ตอนนี้เธอไม่มีการแข่งขันแล้ว งั้นก็ต้องกลับไปทำงานที่บริษัทต่อสิ ดังนั้นฉันเลยเอาเสื้อผ้าที่ดีไซเนอร์ชั้นล่างออกแบบ เตรียมมาให้เธอแก้”
“พรุ่งนี้ฉันไปบริษัทค่อยเอาให้ฉันก็ได้นี่?ทำไมต้องเอามาให้เองด้วย?”วารุณีพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ปาจรีย์ถอนหายใจ“ฉันก็อยาก แต่รอพรุ่งนี้ไม่ไหว ภาพออกแบบพวกนี้ต้องการด่วน ตอนฉันเอาไปโรงงาน ทางโรงงานบอกว่ามีปัญหาเล็กน้อย และฉันก็ไม่ใช่ดีไซเนอร์ ดูไม่ออกว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ดังนั้นได้แต่เอามาให้เธอดู ดูเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันต้องเอาไปส่งที่โรงงานอีก
“แบบนี้นี่เอง ฉันดูสิ”วารุณีส่ายมือ สื่อว่าให้ลูกทั้งสองคนไม่ต้องนวด ให้ไปเล่น
เด็กทั้งสองคนจูงมือกันขึ้นข้างบน วารุณีรับออกแบบที่ปาจรีย์ยื่นมา ตรวจดูทีละใบอย่างตั้งใจ
ดูเสร็จ ก็ยิ้ม“ปัญหาของสไตล์น่ะ การออกแบบด้านบนค่อนข้างซับซ้อน ไม่สามารถใช้สไตล์ธรรมดาของโรงงานเราผลิตได้ ไม่งั้นเสื้อผ้าที่ผลิตออกมา จะเปลี่ยนทรงไป ต้องใช้สไตล์อื่น”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”ปาจรีย์พยักหน้าทันที“ฉันก็บอกว่าดีไซน์นี้แปลกใหม่ เอาขายต้องขายดีแน่นอน แต่ทำไมโรงงานถึงบอกว่ามีปัญหา ที่แท้สไตล์ผิดไปนี่เอง”
วารุณีหยิบดินสอขึ้นมาปรับเปลี่ยนด้านบนเล็กน้อย“ใช่ ดีไซน์นี้มีชีวิตชีวา ฉันเพิ่งดูไปก็รู้สึกว่าดวงตาเป็นประกาย ดีไซเนอร์มาใหม่เหรอ?”
ดีไซเนอร์ในบริษัทเธอรู้จัดหมด ไม่มีใครที่ออกแบบสไตล์นี้
ดีไซเนอร์พวกนั้นน่าจะรู้ว่าพรสวรรค์ตัวเองไม่โดดเด่น ดังนั้นการออกแบบจึงเสถียรภาพมาตลอด น้อยครั้งที่จะทำให้คนตรงหน้าเปล่งประกาย
แต่การออกแบบพวกนี้ต่างกัน ทุกภาพต่างมีลักษณะการออกแบบที่ทำให้คนตะลึง สีและเนื้อผ้าก็ดูโดดเด่นมาก ไม่ใช่การออกแบบของดีไซเนอร์เหล่านั้นในบริษัทเลย
ปาจรีย์ตอบอือๆ“คนมาใหม่ หลังจากเธอไปแข่งขันที่ต่างประเทศไม่นาน ก็มีดีไซเนอร์คนหนึ่งลาออกกลับบ้านมาคลอดลูก ดังนั้นฉันเลยรับไว้ ดีไซเนอร์คนนี้เรียนจบจากโรงเรียนออกแบบ แต่การออกแบบนั้นโดดเด่นมาก เรียกได้ว่าทุกเดือน การออกแบบของเธอถูกเลือกมากสุดทุกครั้ง อ้อใช่สิ เธอเป็นรุ่นน้องของเธอ จบมาจากราชวิทยาลัยการออกแบบซาชิโอเช่นกัน”
“เหรอ?”วารุณีตกใจก่อน จากนั้นหัวเราะออกมา“เข้าซาชิโอได้ ต่างเป็นดีไซเนอร์ที่มีพรสวรรค์ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเราจะได้ของล้ำค่ามาแล้ว ไม่น่าล่ะสไตล์การออกแบบของเธอในประเทศมีน้อย เป็นของทางต่างประเทศ”
“พรุ่งนี้เธอไปบริษัทก็เห็นเธอเอง เธอเป็นแฟนคลับเธอด้วยนะ”ปาจรีย์พูดยิ้มๆ
วารุณีเลิกคิ้ว“แฟนคลับฉัน?”
“ใช่ ตอนเธอมาสมัคร ก็เคยบอกว่า เป็นแฟนคลับของเธอ”ปาจรีย์พยักหน้า
วารุณียื่นภาพออกแบบที่แก้แล้วให้เธอ“งั้นฉันชักจะสนใจแล้วสิ ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปดูเธอ อันนี้เธอเอาไปที่โรงงานละกัน ให้พวกเขาเปลี่ยนสไตล์ก็พอ”
“โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ”ปาจรีย์เก็บภาพออกแบบเสร็จ ก็ลุกขึ้นออกไป
วารุณีบิดขี้เกียจ เตรียมขึ้นไปข้างบน
วันถัดมา เธอไปบริษัท เห็นรุ่นน้องคนนั้น
อย่างที่ปาจรีย์บอก เป็นแฟนคลับของเธอ มองสายตาของเธอแล้ว ก็เหมือนกับมองไอดอล เป็นประกาย ทำให้วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างมาก
แต่ตอนอยู่ที่ซาชิโอ วารุณีไม่เคยเห็นรุ่นน้องคนนี้
แต่วารุณีก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร ถึงแม้นักเรียนของซาชิโอรวมแล้วมีสามร้อยคนได้ แต่ทุกคนมีที่ปรึกษาต่างกัน ไม่เคยเห็นสิปกติ
บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป จุ๊บแจงก็มารายงานตัวอย่างเป็นทางการ
ทางฝ่ายบุคคลมีมารุตบอกเรียบร้อยแล้ว แป๊บเดียวจุ๊บแจงก็ได้บัตรพนักงานของตัวเองมา จากนั้นก็ถูกพนักงานของฝ่ายบุคคลพาไปแผนกทำความสะอาด
พูดตรงๆแล้ว พนักงานคนนั้นแปลกใจมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงอายุน้อยคนนี้ต้องมาเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นี่ด้วย ออกไปทำงานเป็นเสมียนก็ได้ หรือว่าไม่สบายไปกว่าพนักงานทำความสะอาดเหรอ?
แน่นอนว่า ความคิดพวกนี้พนักงานได้แต่คิดในใจ ไม่ได้พูดออกมาต่อหน้าจุ๊บแจง
พนักงานพาไป ก็พูดกับเธอเรื่องที่ต้องระวังในบริษัท
ตอนจุ๊บแจงได้ยินว่าพนักงานทำความสะอาดขึ้นไปชั้นบนสุดไม่ได้ ก็อดไม่ได้ที่จะพูด“พนักงานทำความสะอาดขึ้นไปชั้นบนสุดไม่ได้ งั้นห้องทำงานของประธานใครเป็นคนทำความสะอาดเหรอ?”
พนักงานได้ยินเธอพูดถึงห้องทำงานของประธาน ทันใดนั้นก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่แท้ผู้หญิงคนนี้เป็นพนักงานทำความสะอาดไม่จริง มาเพราะประธานต่างหากล่ะ
พนักงานอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ ท่าทีก็ดูลวกๆขึ้นมา พูดนิ่งๆ:“ตรงนี้คุณไม่ต้องห่วงหรอก ห้องทำงานของประธานคือสถานที่สำคัญ มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเฉพาะ คุณแค่เป็นพนักงานธรรมดาของแผนกทำความสะอาด นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องห่วง ในเมื่อคุณมาทำงานที่นี่ ก็หวังว่าคุณจะทำงานให้ดี อย่ามีความคิดอะไรที่ไม่ควรจะมี เข้าใจไหม?”
มองสายตาที่ลึกซึ้งของพนักงาน จุ๊บแจงก็เหมือนกับว่าในใจของตัวเองถูกเขามองออก ก้มหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว ตอบกลับเบาๆ:“เข้าใจแล้ว”
พนักงานจึงละสายตากลับ พาไปต่อ
ในขณะเดียวกัน ห้องทำงานประธานชั้นบนสุด
นัทธีรู้เรื่องที่จุ๊บแจงมารายงานตัวแล้ว ก็ไม่ได้มีการตอบสนองมากนัก แค่ให้คนคอยจับตาดูเธอดีๆ อย่าให้เธอไปในที่ที่ไม่ควรจะไป