พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 624 งานแต่ง
ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงการตอบกลับของเธอ ก็ชะงักไปก่อน จากนั้นก็เหมือนได้รับกำลังใจแล้วอุ้มเธอขึ้นมาทันที ให้เธอนั่งบนตักตัวเองแล้วจูบขยี้หนักกว่าเดิม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว นานจนวารุณีหายใจไม่ออก ผลักชายหนุ่มออกไปเบาๆ
ชายหนุ่มรู้ตัวก็ค่อยปล่อยตัวเธอออก และใช้มือนิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากเธอเบาๆ
วารุณีก็ซบอยู่ในอ้อมกอดเขา และหายใจถี่
สองนาทีผ่านไป วารุณีก็ใจเย็นลง และคลอเคลียอยู่บนหน้าอกเขา “มีเรื่องหนึ่ง ฉันคุยกับนายก่อน”
“ว่ามาสิ” นัทธีม้วนผมเธอเล่น
วารุณีลุกขึ้นนั่งตรงในอ้อมกอดเขา จากนั้นก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นให้เขา
นัทธีรับมาอย่างงุนงง “นี่คือ?”
“เงินปันผลของนายไง!” วารุณีมองเขาด้วยรอยยิ้ม
นัทธีได้ยินที่เธอพูด เขาก็เข้าใจทุกอย่างทันที และรีบหันหน้าไปทางอื่นอย่างรู้สึกผิด
จากนั้นวารุณีก็บิดหน้าเขาหันมาที่ตัวเอง “มองฉัน ห้ามหลบ!”
“ฉันไม่ได้หลบนะ!” แต่สายตาของเขากลับมองไปที่อื่น
วารุณีหัวเราะแล้วพูดว่า “นายไม่กล้ามองฉันเลย นี่เรียกว่าไม่หลบอีกเหรอ?”
นัทธีมุมปากกระตุก ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปหลายวินาที เขาก็พูดขึ้นว่า “เธอรู้เมื่อไหร่?”
“ก็วันนี้แหละ วันนี้ปาจรีย์บอกว่าติดต่อเลขาฯเสกข์ไม่ได้ เลยโอนเงินปันผลให้ประธานจรณ์ไม่ได้ ต่อมาอารัณก็บอกฉันว่า นายก็คือประธานจรณ์”
ว่าแล้ว วารุณีก็จับใบหน้าของชายหนุ่มไว้ด้วยสองมือ “ถ้าไม่ใช่เพราะอารัณบอกฉัน นายคิดจะปิดบังฉันไปตลอดชีวิตหรือไง?”
นัทธีขยับริมฝีปาก ยอมรับในสิ่งที่เธอพูด
วารุณีถอนหายใจ “ทำไมล่ะ?”
“ไม่อยากให้เธอรู้สึกลำบากใจไง!” ในที่สุดนัทธีก็มองหน้าเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยน “ตอนแรกที่ฉันลงทุน ยังไม่ได้คบกับเธอเลย เธอไม่ยอมรับการลงทุนจากฉันแน่นอน ต่อมาพวกเราก็แต่งงานกันแล้ว ฉันไม่บอกเธอ ก็แค่ไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าต้องพึ่งฉันถึงจะก่อตั้งบริษัทได้ ฉันไม่อยากให้เธอรู้สึกกดดัน”
ผู้หญิงมากมายทั้งที่เก่งและมีความสามารถจริง แต่เพราะมีสามีช่วย ทุกคนก็จะปฏิเสธในความสามารถของผู้หญิงคนนั้น คิดว่าที่หน้าที่การงานของผู้หญิงคนนั้นประสบความสำเร็จได้ เป็นเพราะมีสามีคอยช่วยเหลือทั้งนั้น
ก็เหมือนกับประธานขยานีของวงการนี้ ประธานขยานีเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง เธอยืมเงินสามีตัวเองเพื่อก่อตั้งบริษัทตัวเอง จากนั้นทุกคนก็ต่างคิดว่าที่ประธานขยานีก่อตั้งบริษัทได้ เป็นเพราะมีสามีคอยช่วย พวกเขาไม่คิดเลยว่า สามีแค่ออกแรงเรื่องเงิน ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของประธานขยานีล้วนๆ
เขาไม่อยากให้ภรรยาตัวเอง ถูกสายตาที่คับแคบของคนนอกมองแบบนี้
วารุณีแค่มองแววตาของนัทธี ก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกอบอุ่นใจแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้วล่ะ ขอบใจนะที่รัก”
นัทธีลูบผมเธอเบาๆ “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะ”
วารุณียิ้มและพยักหน้าตอบ
นัทธียื่นบัตรคืนให้เธอ “เงินนี้เธอรับไว้เถอะ”
“ไม่ได้ นี่เป็นของ……”
“เป็นเงินเดือนที่ต้องให้ภรรยาไง” นัทธีพูดแทรกเธอ
วารุณีชะงักไม่ได้พูดอะไรต่อ สักพัก เธอก็รีบบัตรไว้ “ก็ได้ ในเมื่อเป็นเงินเดือนที่นายให้ งั้นฉันก็จะรับไว้แล้วกัน”
“อืม” นัทธีพยักหน้า
สองสามีภรรยาอยู่ในห้องทำงานนานมาก จนกระทั่งคนรับใช้เข้ามาเรียกไปกินอาหารค่ำ ทั้งสองถึงเดินลงไป
ไม่นาน สองคืนผ่านไปไวมาก ในที่สุดก็ถึงวันแต่งงานของวารุณีและนัทธี
วารุณีและนัทธีไม่ได้เชิญแขกมากเยอะเลย รวมๆแล้วก็แค่ร้อยกว่าคน
นอกจากนี้แล้ว พวกเขาไม่ได้เชิญนักข่าวมา และไม่ได้ป่าวประกาศออกไปด้วย
อย่างแรกคือไม่จำเป็น ที่จริงพวกเขากลัวว่านักข่าวที่เชิญมา จะมีพวกนิรุตติ์ปนอยู่ด้วย
ดังนั้นงานแต่งครั้งนี้จัดโดยไม่เป็นที่สนใจมาก
และนี่ก็เป็นสิ่งที่วารุณีต้องการด้วย เธอไม่อยากให้งานแต่งตัวเองเป็นข่าวใหญ่ แม้งานแต่งที่มีผู้คนทั่วโลกคอยจับตามองจะเป็นเรื่องดี และยิ่งใหญ่ แต่คำอวยพรที่ได้รับกลับมีน้อยมาก เพราะคนส่วนใหญ่จะไม่อวยพร และยังจะพูดประชดประชันในโลกออนไลน์อีก สู้เชิญแต่คนสนิทก็พอ อย่างน้อยคำอวยพรที่ได้รับ ก็มาจากใจจริงทั้งหมด
ในห้องแต่งหน้า ปาจรีย์ลีน่าและเชอรีนกำลังแต่งหน้าและพูดคุยอยู่กับวารุณี
พวกเธอสามคนไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาวของวารุณีแต่อย่างใด เพราะทางฝ่ายนัทธีไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าว ดังนั้นวารุณีก็เลยตัดส่วนเพื่อนเจ้าสาวไป มีแค่อารัณและไอริณสองพี่น้องเป็นเด็กถือดอกไม้
แม้ปาจรีย์ลีน่าและเชอรีนจะรู้สึกเสียดาย แต่พวกเธอก็เข้าใจดี แค่รู้สึกเสียดายเท่านั้นเอง
“วารุณี วันนี้เธอสวยจังเลย” ปาจรีย์ยืนอยู่ด้านหลังวารุณี มองดูวารุณีที่อยู่หน้ากระจก และเอ่ยชมอย่างจริงใจ
ลีน่ากับเชอรีนก็ต่างพยักหน้ากัน “นั่นสิ ฉันยังไม่เคยเจอเจ้าสาวคนไหนสวยเท่าเธอเลย”
วารุณีถูกพวกเธอชมจนหน้าแดงระเรื่อ เธอพูดอย่างเขินอายว่า “รอถึงตอนที่พวกเธอแต่งงาน ก็สวยแบบนี้เหมือนกันแหละ”
“ฮ่าๆ งั้นก็ต้องขอบใจสำหรับคำอวยพรล่วงหน้านะ” ทั้งสามคนพูดแล้วก็หัวเราะ
วารุณีก็หัวเราะไปพร้อมพวกเธอด้วย
ข้างๆมีช่างทำเล็บกำลังทำเล็บให้เธออยู่ ดังนั้นเธอเลยไม่กล้าหัวเราะตัวโยกเกินไป ไม่งั้นเดี๋ยวจะทาเบี้ยวเอา
ที่ไหนสักแห่งด้านนอกนั้น จุ๊บแจงสวมชุดพนักงานทำความสะอาด ในมือของเธอถือผ้าขี้ริ้วไว้แล้วเช็ดเก้าอี้อย่างใจลอย
เธอเช็ดไปด้วย และคอยสังเกตดูงานแต่งไปด้วย
งานแต่งก็ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ตกแต่งได้หรูหราอลังการดี แขกที่มาแล้วเหมือนได้อยู่ในโลกความฝัน มันสวยจนผู้คนละสายตาไม่ได้จริงๆ
นี่มันงานแต่งในความฝันเธอเลย และเจ้าบ่าวยังเป็นคนที่เธอรักด้วย แต่น่าเสียดายที่เจ้าสาวไม่ใช่เธอ
คิดแล้ว จุ๊บแจงก็ก้มหน้าลง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเสียใจ
หัวหน้าแผนกทำความสะอาดเห็นแล้ว ก็มองด้วยแววตาที่รำคาญ แล้วเดินเข้าไปพูดว่า “จุ๊บแจง ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ วันนี้งานแต่งของท่านประธาน ทางที่ดีอย่าคิดก่อเรื่องเลย ไม่งั้นถ้าฉันถูกไล่ออก ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เข้าใจไหม!”
เธอตะคอกด่าเสียงดัง
ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้คนไม่พอ เธอก็ไม่ให้จุ๊บแจงมาที่นี่หรอก เพราะว่าจุ๊บแจงคิดยังไงกับท่านประธาน พนักงานทุกคนในบริษัทรู้ดี
ให้จุ๊บแจงมาที่นี่ ถ้าเกิดก่อเรื่องขึ้นมา เธอได้เสียงานนี้ไปแน่
ดังนั้นตอนนี้เธอต้องจับตาดูจุ๊บแจงเอาไว้ จะให้จุ๊บแจงหายไปจากสายตาเธอไม่ได้เด็ดขาด
“รับ……รับทราบค่ะ” จุ๊บแจงถูกหัวหน้าด่าจนตัวสั่น และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันสั่นคลอน
สองวันนี้ ไม่รู้ว่าหัวหน้าเป็นอะไรไป ถึงได้สั่งงานให้เธอทำเยอะขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ถ้าเธอทำไม่เสร็จ ก็จะถูกไล่ออกจากบริษัททันที
เพื่อต่อไปจะได้เจอนัทธีทุกวัน เธอจึงต้องจำใจกัดฟันทำทุกอย่างให้เสร็จ แต่หัวหน้ากลับตั้งใจหาเรื่องเธอ บอกว่าเธอทำจุดนั้นไม่สะอาด ให้เธอไปทำใหม่ตลอด
สรุปคือสองวันที่ผ่านมานี้ หัวหน้าเป็นปมในใจของเธอเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่เห็นหัวหน้า เธอก็จะกลัวตลอด
“ได้ยินแล้วก็ดี ตอนนี้ยังไม่รีบไปเช็ดอีก ถ้าเช็ดเก้าอี้สะอาดแล้ว ก็เอาที่คลุมเก้าอี้ไปคลุมไว้ด้วย เดี๋ยวพวกแขกจะมากันแล้ว” หัวหน้าพูดจบ ก็กลับหลังหันเดินไปที่เดิม แล้วไปสั่งงานคนอื่นต่อ
จุ๊บแจงมองดูผ้าขี้ริ้วในมือตัวเอง เธอน้อยใจจนขอบตาแดงก่ำ
คนพวกนี้ทำกันเกินไปแล้ว เธอเป็นถึงผู้มีพระคุณของท่านประธานเลยนะ พวกเขากล้าทำแบบนี้กับตัวเองได้ยังไง
คอยดูเถอะ ต้องมีสักวัน เธอจะทำให้พวกเขาเสียใจที่ทำแบบนี้ วันนี้พวกเขารังแกเธอ ต่อไปอยากจะประจบก็ประจบไม่ได้หรอกนะ!
จุ๊บแจงสูดจมูก และเช็ดเก้าอี้แรงเหมือนกำลังระบายความแค้น
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องแต่งหน้า วารุณีก็แต่งหน้าเสร็จพอดี
ปาจรีย์เชอรีนและลีน่าช่วยกันดันหุ่นชุดแต่งงานออกมา
“วารุณี ใกล้ถึงเวลาแล้ว เปลี่ยนชุดแต่งงานกันดีกว่า” ปาจรีย์ชี้ชุดแต่งงานแล้วพูดกับวารุณีด้วยรอยยิ้ม