พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 629 เอาเธอเป็นตัวแทน
พงศกรจูบปาจรีย์
ปาจรีย์อึ้งอยู่กับที่ ในหัวเหมือนมีระเบิดดังตุ้ม ร่างกายแข็งทื่อขยับไม่ได้
พงศกร……กำลังจูบเธอ!
ชายที่เธอรัก กำลังจูบเธอ!
ปาจรีย์ตั้งสติได้ ก็เงยหน้ามองพงศกร
พงศกรหลับตาสองข้างไว้ ยังไม่ตื่นขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า เขาอาจจะไม่รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่
พอนึกถึงสาเหตุที่คืนนี้พงศกรเมา เป็นเพราะเห็นงานแต่งของวารุณีกับตา งั้นคนที่พงศกรจะจูบในครั้งนี้ ไม่ใช่เธอ แต่เป็นวารุณีต่างหาก
ในความฝันของเขา เขาคิดว่าเธอเป็นวารุณี!
พอคิดได้แล้ว ปาจรีย์ก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก เธอรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลอเบ้า
เธอผลักตัวของพงศกรออกไป ไม่อยากทำต่อไปกับเขาแล้ว เพราะยังไงความรู้สึกที่ถูกคนอื่นเอาไปเป็นตัวแทนของใคร มันรู้สึกไม่ดีเลย!
แต่ทว่าตอนที่ปาจรีย์ผลักพงศกรออกไป วินาทีต่อไปพงศกรก็พุ่งมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาใช้แรงเยอะขึ้นกว่าเดิม ล็อกตัวปาจรีย์ไว้ในอ้อมกอดตัวเองแน่นๆ ทำให้เธอขยับตัวไปไหนไม่ได้
เขาบีบคางเธอไว้แล้วจูบลงไปอีกครั้ง
จูบครั้งนี้รุนแรงกว่าเมื่อกี้มาก เขาใช้แรงบดขยี้ลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างดุเดือดและร้อนแรง
“อื้อ……” ปาจรีย์ถูกเขาจูบจนเจ็บลิ้นไปหมด และยังหายใจไม่ออกด้วย
เธอตบแผงอกของเขาไม่หยุด อยากให้เขาหยุดเรื่องนี้เดี๋ยวนี้
แต่มืออีกข้างของพงศกรกลับจับมือเธอไว้แน่น ทำให้เธอขยับไม่ได้อีกครั้ง
พอเป็นแบบนี้แล้ว ปาจรีย์ก็ขยับตัวไม่ได้อีกเลย เธอถูกพงศกรล็อกตัวไว้แล้วถูกกดหัวจูบอย่างดุเดือด
สักพัก ปาจรีย์ก็เริ่มชินกับการจูบของพงศกร ร่างกายก็เริ่มอ่อนระทวยลงมา
พงศกรก็เหมือนรู้สึกได้ เขาจูบเธอเบาลงและอ่อนโยนมากขึ้น
บรรยากาศภายในรถอบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในรถก็มีแต่เสียงลมหายใจหอบถี่ของหนุ่มสาว รวมไปถึงเสียงน้ำลายที่กระทบกัน
ปาจรีย์รู้สึกได้ถึงมือของชายหนุ่มที่ลูบไล้เข้าไปในเสื้อของตัวเอง เธอตกใจและรีบดึงสติตัวเองกลับมา
เธอหยุดมือของชายหนุ่มไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ มือใหญ่ปลดตะขอเสื้อของเธอออกแล้ว
ปาจรีย์หัวใจเต้นเร็วตึกตักจนแทบจะกระเด็นออกมาได้
สุดท้าย เธอจึงต้องจำใจกัดริมฝีปากของชายหนุ่มแรงๆ
ชายหนุ่มร้องเจ็บแล้วปล่อยเธอออก
ปาจรีย์รีบหดตัวกลับไปที่นั่งคนขับ “พงศกร ขอโทษนะ ฉันไม่ใช่วารุณี ฉันคือปาจรีย์ นายคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ!”
การจูบเมื่อกี้ทำให้เธอคล้อยตามไปแล้ว เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ เธอไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
พงศกรไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่าลืมตาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากำลังจ้องปาจรีย์ด้วยแววตาที่ลึกซึ้งอยู่
ปาจรีย์หดตัวแล้วหดตัวอีก “นายตื่นแล้วเหรอ?”
พงศกรไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องเธอไว้อย่างนั้น
ปาจรีย์คิดว่าเขาตื่นแล้ว ก็เลยก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยนะ คือฉัน……อื้อ…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ พงศกรก็จับข้อมือเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปกอดอีกครั้ง จากนั้นก็กัดไปที่ต้นคอเธอแรงๆ
ปาจรีย์เจ็บมาก จนอดไม่ได้ร้องออกมา
เสียงร้องของเธอเหมือนทำให้เขาคึกคักขึ้น เขาก้มหน้าลงไปกัดตลอดทั้งทาง สุดท้ายกัดไปถึงกระดูกไหปลาร้าของเธอ
ปาจรีย์เห็นเขาจะกัดลงไปต่อ ก็รีบบอกให้เขาหยุดทันที
แต่เห็นได้ชัดว่าพงศกรไม่ได้ยิน เขาซบลงไปบนหน้าอกอันอวบอั๋นของเธอ
ในวินาที ปาจรีย์ก็เข้าใจแล้วว่า เขายังไม่ตื่นและยังคงตกอยู่ในฝันหวานของตัวเอง เป็นความใคร่ที่สั่งให้เขาทำแบบนี้
เขาอยากทำแบบนี้กับวารุณี ดังนั้นเลยคิดว่าเธอเป็นวารุณีแทน
คิดถึงตรงนี้แล้ว ปาจรีย์ก็แสยะยิ้ม น้ำตาหยดหนึ่งไหล่ออกมาจากหางตา จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัยของพงศกรออก แล้วพาตัวเขาลงจากรถ จากนั้นก็เดินไปที่โรงแรมหนึ่ง
บาร์สตาร์บูลเป็นร้านที่ดังมาก มีคนมากมายที่ดื่มจนเมาแล้วกลับไม่ไหว แล้วนอนริมถนนก็มี เพราะเหตุนี้ข้างๆจึงมีโรงแรมสร้างขึ้น
ปาจรีย์พาพงศกรเข้าไปในโรงแรมแล้วเปิดห้อง
พอมาถึงห้อง เธอก็โยนพงศกรทิ้งไว้บนเตียง จากนั้นก็เตรียมตักน้ำมาเช็ดหน้าให้เขา ให้เขาสบายตัวขึ้น
แต่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไร พงศกรก็ดึงเธอลงมานอนบนเตียงด้วย จากนั้นก็พลิกตัวคร่อมตัวเธอเอาไว้
ปาจรีย์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
พงศกรก้มหน้าลงมาจูบอีกครั้ง มืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในเสื้อของเธออีกครั้งเหมือนกัน
ครั้งนี้ ปาจรีย์ไม่ได้ขัดขืนอีก เธอปล่อยให้ชายหนุ่มแสวงหาสิ่งที่เขาต้องการบนร่างกายของตัวเอง
เธอรักชายคนนี้มาก เธอรักเขาตั้งแต่ตอนที่เริ่มเป็นสาว สิบกว่าปีแล้ว ยังรักไม่เคยเปลี่ยนเลย
แต่เรื่องเข้าใจผิดที่อยู่ล้อมรอบตัวพวกเขา ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เขาเลย
และตอนนี้ เขาเข้าใจเธอ จูบเธอ เธอคิดว่าคงเป็นฟ้าสวรรค์ที่เห็นเธอแอบรักข้างเดียวมานานถึงสิบกว่าปี ตั้งใจให้โอกาสนี้กับเธอ ได้มีโอกาสเข้าใกล้เขาครั้งแรก
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอคิดว่า เธอไม่รับก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
แม้เขาจะเอาเธอเป็นตัวแทนของวารุณี แต่คนที่อยู่กับเขา เป็นเธอนี่
คิดได้แบบนี้แล้ว ปาจรีย์ก็หลับตาลงช้าๆ……
เช้าวันที่สอง ตอนฟ้าเริ่มสว่าง ปาจรีย์ตื่นขึ้นมา
เธออดทนกับความเมื่อยล้าบนร่างกายแล้วลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าบนพื้นแล้วเดินไปที่ห้องอาบน้ำ
สิบนาทีให้หลัง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาจากห้องน้ำ เดินย่องกลับไปข้างเตียง มองดูชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนเตียง เธออดไม่ได้ลูบไล้ใบหน้าของเขาเบาๆ จากนั้นก็ลดมือลงแล้วหยิบกระเป๋าข้างๆ แล้วก็ค่อยเดินออกจากห้องไป
เรื่องของเมื่อคืน เธอทำไปด้วยความเต็มใจ และเป็นสิ่งที่เธอขโมยมาเหมือนกัน
ยิ่งกว่านั้นก็ยังเป็นการตัดสินใจตัดใจจากการแอบรักครั้งนี้
คืนนี้ได้ทำอะไรแบบนี้กับเขา เธอคิดว่า ความรักที่ไม่สมหวังในครั้งนี้ของเธอ ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้วล่ะ
ปาจรีย์ออกไปได้ไม่นาน พงศกรก็ตื่นขึ้นมา
เขามองดูร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเอง แล้วมองผ้าปูที่นอนที่ยุ่งเหยิง รวมไปถึงกลิ่นแปลกๆที่อยู่เต็มห้อง จะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น
สีหน้าของเขามืดมนลง รอบตัวของเขาแผ่ซ่านไปด้วยความกดดันที่ทำให้คนกลัว
เขานอนกับผู้หญิงแปลกหน้างั้นเหรอ!
ผู้หญิงคนนั้นคือใคร!
พงศกรมองดูเสื้อผ้าบนพื้น เขาโน้มตัวลงไปเก็บ จากนั้นก็ไปอาบน้ำในห้องน้ำ อดทนกับความสกปรกของเสื้อผ้าเมื่อวาน แล้วเปิดประตูออกไป
พอออกไปแล้ว เขามองดูเลขประตูห้องแล้วจำเอาไว้ จากนั้นก็ลงไปถามข้อมูลคนเปิดห้องที่เคาน์เตอร์โรงแรม
เคาน์เตอร์ก็บอกข้อมูลคนเปิดห้องให้กับเขา
พอได้ยินแล้ว เขาก็เบิกตาโพลง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เป็นเธอเองเหรอ!”
เป็นปาจรีย์นี่เอง!
วินาทีนั้น พงศกรรู้สึกพูดไม่ออกมันคับอกไปหมด ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้หญิงแปลกหน้า ก็เลยโกรธมาก อยากจะไปด่าสักหน่อย
แต่พอได้ยินว่าเป็นปาจรีย์ ความโกรธในใจเขาก็ลดน้อยลงไป ความรู้สึกที่มาแทนที่คือ ความรู้สึกสับสนจนพูดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนถึงเป็นเธอ
แต่ว่า……
พงศกรหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาปาจรีย์
อีกด้าน ปาจรีย์มาถึงบริษัทด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวและเหนื่อยล้า ท่าเดินก็ยังแปลกมากด้วย ทำให้คนที่เห็นคิดว่าเธอเป็นโจรเลย
“รองประธานปาจรีย์ อรุณสวัสดิ์ค่ะ!” มีพนักงานคนหนึ่งทักทายเธอ
ปาจรีย์ก็รีบตอบกลับไปว่า “อรุณสวัสดิ์ ฉันไปห้องทำงานก่อนนะ”
พูดจบ เธอก็รีบเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
ตอนที่เดินผ่านห้องทำงานของวารุณี วารุณีก็เดินออกมาพอดี
พอเห็นปาจรีย์มา วารุณีก็พูดขึ้นว่า “ปาจรีย์ เธอมาสักทีนะ วันนี้เธอมาสายนะเนี้ย”
“นั่น……นั่นสิ” ปาจรีย์ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอวารุณีพอดี พอนึกถึงเมื่อคืนที่พงศกรคิดว่าเธอคือวารุณี จากนั้นยังนัวเนียกับตัวเองทั้งคืนอีก เธอก็รู้สึกมองหน้าวารุณีไม่ติดเลย
“วารุณี เธอมีอะไรเหรอ?” ปาจรีย์ก้มหน้าลงแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด