พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 635 ไอดอลคือใคร
เขาว่ายไปที่ข้างกายของวารุณี กอดเธอเอาไว้ หันหน้าเธอมาแล้วจูบลงไปเลย
“อืมมมม……”วารุณีเบิกตากว้าง
ผู้ชายคนนี้นี่มันอะไรกัน ทำไมจูบอีกแล้ว?
วารุณีใช้แรงผลักนัทธีออก และถามด้วยเสียงหอบหืด “คุณทำอะไรอีก?”
นัทธีมองเธอด้วยแววตามืดมน “ช่วยไม่ได้ ภรรยาของผมเย้ายวนใจเกินไป ผมก็เลยอดไม่ได้”
พอพูดจบ เขาได้จับคางเธอไว้แล้วจูบลงไปอีก
ครั้งนี้ วารุณีไม่สามารถผลักเขาออกอีก เพราะเขาได้พาเธอว่ายมาที่ริมสระ กดเธอไว้ที่ขอบสระ ทำให้เธอไม่สามารถกระดุกกระดิกตัวได้
ในสระว่ายน้ำที่กว้างใหญ่ นอกจากเสียงคลื่นน้ำกระเพื่อมแล้ว ก็มีแค่เสียงจ๊วบจ๊าบที่ชายหญิงประกบปากจูบกัน
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ นัทธีรู้สึกได้ว่าวารุณีมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วถึงปล่อยเธอ
เขานอกจากจูบวารุณีไปทั่วทั้งร่างแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรเธออย่างอื่นอีก
ที่สำคัญคือเมื่อคืนเธอก็เหนื่อยแล้ว ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูเลย
วารุณีหมอบอยู่ที่ทรวงอกของนัทธีคอยหอบอยู่เบาๆ พร้อมเงยหน้ามองเขาด้วยความแค้นเคืองแว๊บนึง “ต้องโทษคุณคนเดียว ตอนนี้แม้แต่น้ำฉันก็เล่นไม่ได้แล้ว”
ตอนนี้เธอเหนื่อยจนแทบไม่อยากจะขยับเลย แล้วยังมาเล่นน้ำอะไรอีก
ออกมาท่องเที่ยวกับผู้ชายคนนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดจริงๆ
นัทธีโอบวารุณีไว้ ฟังคำบ่นของเธอแล้วหัวเราะเสียงต่ำสองที “ไม่เป็นไร ผมอุ้มคุณไว้ คุณสาดน้ำสองที ก็ถือว่าได้เล่นน้ำแล้ว”
วารุณีถูกคำพูดของเขาหยอกจนขำ “คุณนี่มัน……”
“ผมอะไร?” นัทธีก้มหน้ามองเธอ
วารุณีกลอกตาขาวใส่เขาทีนึง “โดดเด่นไม่เหมือนใครเลยจริงๆ!”
พอเธอพูดจบก็ได้ผลักเขาออก จากนั้นได้ว่ายไปอีกทาง
นัทธีเอามือสองข้างยันขอบสระแล้วโดดขึ้นไปนั่งที่บนขอบสระ จากนั้นได้มองผู้หญิงว่ายน้ำอยู่ในสระอย่างมีความสุข เธอแหวกว่ายเหมือนนางเงือกตัวนึงที่สวยงามมาก
วารุณีรู้สึกได้ถึงสายตาอันเร่าร้อนของนัทธี ได้โผล่ขึ้นมาจากในน้ำแล้วกวักมือให้เขา “คุณไม่ว่ายเหรอคะ?”
“ผมดูคุณว่ายก็พอแล้ว”นัทธีตอบ
วารุณีก็ไม่โน้มน้าวเขาต่อ ได้มุดเข้าไปในน้ำอย่างไว
ว่ายไปประมาณเกือบสองชั่วโมง ว่ายจนวารุณีเหนื่อยแทบไม่ไหวแล้ว ทีนี้ถึงขึ้นมาจากสระว่ายน้ำอย่างอาลัยอาวรณ์
เธอไม่ได้ว่ายน้ำมาหลายปีแล้ว ครั้งนี้ถือว่าได้ว่ายจนหนำใจแล้วจริงๆ
“พึงพอใจหรือยัง?”นัทธีเห็นเธอขึ้นมาแล้ว ได้เอาผ้าขนหนูมาคลุมให้เธอ
วารุณีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “พึงพอใจแล้วค่ะ”
“งั้นกลับไปพักผ่อนสักพัก เดี๋ยวช่วงค่ำจะไปดูคอนเสิร์ตอีกไม่ใช่เหรอ?”นัทธีคอยเช็ดผมให้เธอแล้วพูดไปด้วย
วารุณีตอบอืมๆสองที
ทั้งสองกลับมาที่ห้อง หลังจากอาบน้ำอาบท่าและเช็ดผมให้แห้งเสร็จ ก็ได้นอนหลับพักผ่อน
พอถึงช่วงค่ำ วารุณีถูกนัทธีปลุกให้ลุกขึ้นมาทานข้าวเย็น
พอทานข้าวเย็นเสร็จ ทั้งสองก็ได้เดินทางไปยังสถานที่ๆจัดคอนเสิร์ตแล้ว
คอนเสิร์ตได้จัดขึ้นที่อาคารแลนด์มาร์ครูปทรงกลมในเมืองนี้
อาคารแลนด์มาร์ครูปทรงกลมอันนี้คือเอาไว้จัดพวกงานยิ่งใหญ่ตระการตาโดยเฉพาะ อย่างเช่นพิธีเปิดโอลิมปิก และคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ของพวกดารา
เพราะอาคารแลนด์มาร์ครูปทรงกลมใหญ่พอ สามารถจุผู้ชมได้ประมาณหนึ่งแสนคน ดังนั้นดาราดังมากมายของโลกจึงล้วนชอบมาจัดคอนเสิร์ตที่นี่
บนรถ วารุณีได้หยิบมือถือออกมาโทรหาปาจรีย์ “ปาจรีย์ พวกเธอถึงหรือยัง?”
“พวกเราถึงแล้ว ได้นั่งอยู่ที่ๆนั่งเรียบร้อยแล้ว วารุณี เธอกับประธานนัทธีอยู่ไหน ทำไมไม่เห็นพวกเธอเลย?”ปาจรีย์ที่อยู่ในสายตะโกนตอบเสียงดัง
ฝั่งเธอเสียงดังเกินไป จึงต้องพูดจาตะโกนเสียงดัง
เธอกลัวพูดเสียงเบาแล้ววารุณีจะไม่ได้ยิน
วารุณีเอามือถือออกมาจากข้างหูเล็กน้อย ทีนี้ถึงตอบว่า:“พวกเรายังไม่ถึงเลย ยังอยู่บนถนนอยู่เลย อีกสิบกว่านาทีน่าจะถึง”
“แบบนี้เหรอ งั้นพวกเธอเร็วหน่อยนะ เชอรีนกับลีน่าต่างก็อยู่” ปาจรีย์พูด
วารุณีตอบอืมคำนึง “ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวเจอกันนะ”
“เดี๋ยวเจอกัน!”
หลังจากจบสายสนทนา วารุณีก็ได้วางมือถือลง
ถูกต้อง ปาจรีย์พวกเธอก็มาดูคอนเสิร์ตเหมือนกัน เพราะตอนนั้นทางนิตยสารได้ให้บัตรคอนเสิร์ตไว้หลายใบ เธอก็ต้องให้พวกปาจรีย์อยู่แล้ว
ปาจรีย์และเพื่อนอีกสองคนมาประเทศนี้เมื่อวาน แต่ไม่ได้มาพร้อมกับเธอและนัทธี แต่พวกเธอนั่งเครื่องมาเอง
เพราะไม่อยากรบกวนฮันนีมูนของเธอกับนัทธี
แต่ที่พักของพวกเธอ นัทธีเป็นคนให้มารุตจัดเตรียมไว้ให้ ได้จัดเตรียมให้อีกโรงแรมนึง ห่างกันก็ไม่ได้เยอะมาก
เห็นวารุณีวางมือถือลง นัทธีได้เปิดปากถาม:“ปาจรีย์พวกเธอถึงแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” วารุณีพยักหน้า
นัทธีหัวเราะเยาะ “พวกเธอกระตือรือร้นจริงๆ”
วารุณีตอบ:“นั่นเป็นเพราะว่าในงานคอนเสิร์ตของวันนี้ มีซุปตาร์หลายคนล้วนเป็นไอดอลของพวกเธอ พวกเธอจะไม่กระตือรือร้นได้ยังไงล่ะ”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็ค่อนข้างอยากหัวเราะเหมือนกัน
ทันใดนั้นนัทธีได้หรี่ตา “แล้วคุณล่ะ?”
“ฉัน?”วารุณีชี้ตัวเองด้วยความข้องใจ “ฉันทำไมคะ?”
“แล้วคุณมีไอดอลหรือเปล่า?”นัทธีจ้องเธอไว้
วารุณีเอียงศีรษะคิดดูแล้ว สุดท้ายได้พยักหน้า “มีค่ะ!”
นัทธีสีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที ได้เม้มปาก น้ำเสียงแฝงด้วยความหึงหวงที่ไม่ปกปิดเลย “ใคร?ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
วารุณีรู้ว่าเขาหึงหวงอีกแล้ว ในขณะที่ส่ายหัวอย่างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ก็นึกสนุกอยากจะแกล้งเขา
เธอตอบด้วยเสียงหัวเราะ:“ก็ต้องผู้ชายสิคะ ไอดอลที่ผู้หญิงชอบ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ล้วนเป็นผู้ชายทั้งนั้น”
พอพูดจบ เธอได้มองหน้านัทธี
เห็นสีหน้าของผู้ชายยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่จริงๆด้วย คงามหึงหวงที่รอบตัวฟุ้งกระจายออกมายิ่งสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
ในใจเธอแทบจะหัวเราะจนฟันหักแล้ว แต่ภายนอกยังต้องรักษาความสงบนิ่งไว้
ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเธออดกลั้นได้ลำบากมากแค่ไหน
“อ๋อ?ผู้ชาย……”นัทธีมองวารุณีด้วยสีหน้าเย็นชา “ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณก็บ้าดาราด้วย!”
“นี่เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ?”วารุณีแบมือ
นัทธีโกรธจนส่งเสียงเชอะทีนึง “ไอดอลของคุณคือใคร?”
“คุณถามอันนี้ทำไมคะ?”วารุณีแกล้งมองเขาอย่างระแวดระวัง “คุณคงไม่ใช่อยากทำอะไรไอดอลของฉันนะ?”
ถูกพูดแทงใจดำ นัทธีหลบหลีกสายตาอย่างกินปูนร้อนท้อง “เปล่า ผมแค่อยากรู้เฉยๆว่าเขาคือใคร ถึงสามารถมาเป็นไอดอลของคุณได้”
เขาไม่หล่อหรือไง?หุ่นไม่ดีหรือไง?
ไม่นึกเลยว่าเธอจะเห็นผู้ชายคนอื่นเป็นไอดอล เขาจะบ้าตายอยู่แล้ว!
วารุณีกัดริมฝีปากและพยายามกลั้นหัวเราะไว้ จากนั้นได้กระแอมสองทีแล้วตอบ:“เขาเหรอ เขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมและเพอร์เฟคมากๆคนนึง เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ มีมือคู่ที่เก่งกาจมีความสามารถ แถมยังมีจิตใจที่อ่อนโยนด้วย”
นัทธียิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง!
ยอดเยี่ยมเพอร์เฟค?
มีมือคู่ที่เก่งกาจมีความสามารถ?
จิตใจที่อ่อนโยน?
เธอชมจนไอดอลของเธอไม่มีจุดด้อยเลยสักนิดจริงๆนะ
“แล้วผมไม่ยอดเยี่ยมเพอร์เฟคหรือไง?”นัทธีดึงมือของวารุณีไว้ เอามือของเธอมาวางไว้ที่หน้าอก จ้องมองเธอพร้อมพูด:“ผมไม่มีพรสวรรค์หรือไง?พรสวรรค์ในการบริหารธุรกิจของผมเป็นสิ่งจอมปลอมหรือไง?ผมไม่มีมือคู่ที่เก่งกาจมีความสามารถหรือไง?ทุกครั้งไม่ใช่มือคู่นี้เหรอที่ทำให้คุณมีความสุขจนขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด?คุณ……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!”วารุณีเอามือกุมปากเขาไว้ด้วยความเขินอาย จากนั้นได้หันไปมองที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ
เห็นเบาะนั่งฝั่งคนขับคือคนต่างชาติ ทีนี้ถึงโล่งอกไปที
ยังดีที่คนขับคนนี้น่าจะฟังภาษาของพวกเขาไม่รู้เรื่อง
วารุณีจ้องผู้ชายทีนึงอย่างไม่สบอารมณ์
จริงๆเลย อยู่ดีๆเขาก็มาล้อเล่นซะงั้น
ถึงแม้ที่เขาพูดคือเรื่องจริง มือของเขาได้ทำให้เธอไปถึงจุดสุดยอดหลายครั้งจริง แต่เขาไม่ต้องพูดออกมาก็ได้มั้ง!
ดูท่าตัวเองคงจะหยอกเขาแรงเกินไป จึงทำให้เขาหึงและโกรธจริงๆแล้ว
วารุณีถอนหายใจ จากนั้นได้ส่ายหัวอย่างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก พร้อมกับพูดว่า:“เอาล่ะ อย่าหึงเลย ฉันบอกคุณก็ได้ ไอดอลของฉันคืออาจารย์ของฉัน อาจารย์มีพรสวรรค์ในการออกแบบที่สูงมาก มือของเขาวาดผลงานที่เพอร์เฟคออกมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า นี่ไม่ใช่มือคู่ที่เก่งกาจมีพรสววรค์แล้วคืออะไร อาจารย์เป็นคนมีความเมตตากรุณา นี่ไม่ใช่จิตใจที่อ่อนโยนคืออะไร เพราะฉะนั้นฉันว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมเพอร์เฟคคนนึง ไม่ได้ผิดสักหน่อย”
นัทธีอึ้งค้างไว้ ผ่านไปหลายวิถึงฟื้นฟูกลับมาปกติ
ไอดอลของเธอคืออาจารย์เมอร์เซเดอ?