พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 644 อยู่กับฉันนะ
สายตาของวารุณีจ้องไปที่เฮลิคอปเตอร์ และยังมีคนนั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์อยู่ คือนักบินที่ขับเครื่องบินนั่นเอง
เพราะกระจกกั้นไว้ทำให้วารุณี มองไม่เห็นหน้าตาของนักบิน แม้แต่ชายหรือหญิงก็แยกไม่ออก
เธอกำลังคิดว่าจะซื้อตัวนักบินมาช่วยเธอหนีออกไปได้หรือไม่
เพียงแค่คิด นิรุตติ์ก็ชี้ไปที่เฮลิคอปเตอร์
เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นทันทีและบินออกจากเกาะไป
สายตาของวารุณีมืดมนลงทันใด
เอาเถอะ ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ในการซื้อตัวนักบินจะไม่ได้ผล นิรุตติ์คงไม่ยอมให้เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่บนเกาะหรอก
เธอไม่พบโอกาสที่จะติดต่อกับนักบินเลย เธอจะซื้อตัวเขาได้อย่างไร?
เมื่อรู้อย่างนี้ วารุณียิ้มแหยๆ แล้วหันหลังกลับห้อง
นิรุตติ์เห็นเธอจากไป เม้มริมฝีปากบางและเขาก็เดินตรงไปยังคฤหาสน์
นวิยามองไปที่หลังของเขา มือของเธอกำหมัดแน่น ใบหน้าของเธอบึ้งมากขึ้น
“นิรุตติ์ รอก่อนเถอะ!” เธอกัดฟันและพูดด้วยเสียงกระซิบ
ในห้อง วารุณีนั่งลงบนเตียง ก้มหน้าลงโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ในเวลานี้ประตูห้องก็ดังขึ้นมา
วารุณีเงยหน้าขึ้นและไม่พูดอะไร
เธอรู้ว่าใครมา ถ้าไม่ใช่นิรุตติ์หรือนวิยา เธอคิดอะไรไม่ออกแล้ว
ยังไงก็ต้องเป็นพวกเขา เธอไม่จำเป็นต้องเปิดประตู และนี่คือที่ของพวกเขา แม้ว่าเธอจะไม่เปิดประตู พวกเขาก็ต้องหาทางเข้ามาได้
อย่างที่วารุณีเดาไว้ หลังจากเคาะประตูไม่กี่ที ประตูก็ถูกเปิดจากด้านนอก
นิรุตติ์เข้ามาและมองไปที่วารุณีที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง มุมปากของเขายกขึ้น “คุณรู้ไหม เจ้าสาวในสมัยโบราณก็เหมือนคุณแบบนี้แหล่ะ นั่งข้างเตียงรอสามีกลับมา เพราะฉะนั้นวารุณี เธอรอฉันอยู่เหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วารุณีโกรธจนหน้าแดง
“หน้าไม่อาย!” เธอลุกขึ้นยืนมองเขาอย่างระวังตัว
คนคนนี้บอกว่าเธอเป็นเจ้าสาวของเขาและเขาเป็นสามีของเธอ
นี่ไม่ใช่ไร้ยางอายแล้วคืออะไรล่ะ?
ต้องรู้ว่า แม้ว่าจะมีเรื่องไม่ถูกกันระหว่างพวกเขา แต่พวกเขาก็เป็นพี่น้องกันแท้ๆ เขาพูดคำพูดแบบนี้ แสดงว่าเขาไม่ได้รับ
“หน้าไม่อาย?” นิรุตติ์เหมือนได้ฟังเรื่องตลกและหัวเราะออกมา “วารุณี คุณพูดแบบนี้ทำให้ผมเสียใจจริง ๆ คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงพาคุณมาที่นี่”
วารุณีไม่ได้พูดอะไร แค่มองเขาอย่างระมัดระวังมากขึ้น
นิรุตติ์ไม่ได้โกรธและเดินตรงไปหาเธอ
เมื่อวารุณีเห็นเขาเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายเริ่มก็ตึงเครียด และก้าวออกไปสองสามก้าว “หยุด อย่าเข้ามา!”
นิรุตติ์ทำเป็นไม่ได้ยินและเดินหน้าต่อไป
วารุณีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยห่างออกไป
แต่พอถอยกลับได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็เป็นกำแพง นิรุตติ์ผลักวารุณีเข้ากับกำแพงและมองลงมาที่เธอ “ผมพาคุณมาที่นี่เพราะ
ผมอยากให้คุณอยู่กับผม คุณรู้ไหมว่าผมรักคุณ และรักคุณมาโดยตลอด ผมต้องการแย่งคุณจากนัทธี ตอนนี้เป้าหมายของผมสำเร็จแล้ว ตอนนี้คุณไม่ใช่ภรรยาของนัทธี แต่เป็นของผม ดังนั้นคุณจะพูดได้ไงว่าผมไร้ยางอาย ”
เมื่อได้ฟังคำพูดแบบนั้น วารุณีโมโหจนหัวเราะออกมา “นิรุตติ์ หมายความว่ายังไง ที่แย่งฉันไปแล้วฉันเป็นภรรยาของคุณ? ฉันจะบอกคุณให้นะ ว่ามันไม่ใช่ ฉันเป็นภรรยาของนัทธี และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป!”
นิรุตติ์หงุดหงิดกับคำพูดของเธอและยื่นมือจับคางของเธอ “คุณต้องการจะบอกว่าคุณกับนัทธีไม่ได้หย่ากัน ดังนั้นคุณเป็นภรรยาของเขาตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ? หึ ตราบใดที่ฉันต้องการ ฉันสามารถยุติการแต่งงานของคุณกับนัทธีได้ทุกเมื่อ และผมก็สามารถหาศพปลอมเป็นคุณ เพื่อให้ไอ่นัทธีคิดว่าคุณตายแล้ว ตราบใดที่คุณตายการแต่งงานของคุณกับเขาจะถูกยุติโดยอัตโนมัติ เข้าใจไหม?”
“นาย…นายมันไร้ยางอายเกินไปแล้ว” วารุณีโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว
คน ๆ นี้ ต้องการใช้วิธีนี้เพื่อยุติการแต่งงานของเธอกับนัทธี
นิรุตติ์ขยับใบหน้าของเขามาที่คอของวารุณี และสูดดมลึก ๆ “หอมจัง ถูกผู้หญิงสวยที่หอมแบบนี้พูดว่าไร้ยางอาย ผมก็ยินดี”
“นาย……”
วารุณีรังเกียจจนจะอ้วก ใช้มือผลักเขาออกไป และวิ่งไปอีกทางหนึ่ง “ฉันบอกนายไว้นะนิรุตติ์ ต่อให้นายยุติงานแต่งฉันกับนัทธี ฉันก็ไม่ใช่ของนาย ไม่ใช่ตลอดไป!”
นิรุตติ์ดันแว่นตาของเขา “ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นผมจะขังคุณไว้ข้าง ๆ ผมตลอดไป”
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้!” วารุณีตะโกน “เห็นได้ชัดว่านายไม่ได้รักฉัน แต่เป็นแม่ของนัทธี นายก็แค่เอาฉันเป็นตัวแทน ดังนั้นถึงนายจะขังฉันไว้ที่นี่ตลอดไป ฉันก็ไม่ใช่แม่ของนัทธี!”
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดตอนนี้คือให้นิรุตติ์รู้ว่าเธอไม่ใช่แม่ของนัทธี
ตราบใดที่นิรุตติ์รู้ถึงสิ่งนี้ บางทีเขาอาจจะไม่สนใจเธอ
สรุปแล้ว เธอไม่เคยคิดว่านิรุตติ์ไม่ได้รักเธอจนิง ๆ แค่คิดว่าเธอเป็นตัวแทนของแม่นัทธี
แค่เธอกับแม่ของนัทธีมีดวงตาที่คล้ายกัน ดังนั้น นิรุตติ์จึงคลั่งไคล้เธอมาก
ใบหน้าของนิรุตติ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อเขาได้ยินคำพูดของวารุณี “คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมคิดกับอาสะใภ้รองของผม……”
วารุณีหันหน้าหนี “เพราะฉันเห็นเองกับตา นายเก็บโปสเตอร์และหุ่นขี้ผึ้งของแม่ยายของฉันไว้ในห้องสมุดที่บ้านเก่านั่น”
นิรุตติ์หรี่ตามอง “อย่างนี้นี่เอง นัทธีก็รู้ด้วยแล้วสิ?”
วารุณีไม่ได้ตอบรับ
นิรุตติ์ยิ้มอย่างเศร้าโศก “คุณพูดถูก ผมรักอาสะใภ้รองของผม แต่ตอนนี้ คนที่ผมรักคือคุณ ผมไม่ได้คิดว่าคุณเเป็นตัวแทนของอาสะใภ้รองผม ผมแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ผมรักใคร”
“อะไรนะ?” วารุณีเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ
เขาไม่ได้ใช้เธอเป็นตัวแทนแม่ยายของเธอ
นิรุตติ์เข้าหาเธออีกครั้ง อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน และเอื้อมมือออกไปเล่นกับผมของเธอ “วารุณี เชื่อผมสิ สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง เมื่อก่อนผมเคยรักอาสะใภ้รองจริง ๆ แต่ในรักต้องห้ามนี้ ยังมีอีกครึ่งหนึ่งคือความรักในแบบครอบครัว ไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นความรัก หลังจากคุณปรากฏตัว ผมได้ทิ้งความรู้สึกและความหมกมุ่นกับอาสะใภ้รองของผมแล้ว ผมในตอนนี้รักคุณนะ เพราะงั้น วารุณีอยู่กับผมได้ไหม?”
“ไปให้พ้น!” วารุณีผลักเขาออกไปอีกครั้ง
พูดตามตรงแล้ว เมื่อได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักแม่ยาย แต่รักเธอ วารุณีรู้สึกกลัวมากขึ้น
ตอนแรกเธอคิดว่าถ้านิรุตติ์รู้ว่าเธอไม่ใช่แม่ยาย นิรุตติ์อาจจะปล่อยความคิดสกปรกของเขาได้
แต่เธอกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รักแม่สามีแล้ว คนที่รักคือเธอคนนี้ แล้วเธอจะทำให้เขาเลิกคิดเรื่องสกปรกๆ เกี่ยวกับเธอได้อย่างไร?
ตอนนี้เขาจะให้เธออยู่กับเขาแล้ว ในวันข้างหน้าไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอบ้าง
เมื่อเห็นความกังวลของวารุณี นิรุตติ์ก็ถอนหายใจ “วารุณี คุณทำแบบนี้ผมเสียใจนะ”
วารุณีบีบมือของเธอแน่น ตัวเธอสั่นเล็กน้อย “นิรุตติ์ นายมันโรคจิต”
“ใช่ ผมมันเป็นคนโรคจิต ตราบใดที่ผมได้ตัวคุณมา ผมเป็นคนโรคจิตแล้วยังไงล่ะ” นิรุตติ์ยักไหล่ และไม่ได้โกรธเลยที่เธอพูดเขาแบบนั้น
เขายิ้มแล้วพูด “วารุณี เธอลองคิดให้ดี ผมจริงจังนะและก็จริงใจกับเธอด้วย อยู่กับผมดีกว่าอยู่กับนัทธีแน่นอน อย่าคิดนานนักล่ะ ผมกลัวว่าผมจะรอไม่ไหว”
พอพูดจบเขาก็สัมผัสใบหน้าของเธอ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
วารุณีเช็ดหน้าด้วยความรังเกียจ และทันใดนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยอาการตัวสั่น
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ
เดิมทีเธอคิดว่านิรุตติ์พาเธอมาที่นี่เพื่อใช้เธอจัดการกับนัทธี
ต่อมานิรุตติ์บอกกับเธอว่าที่พาเธอมาที่นี่เพื่ออยากได้ตัวเธอ แต่เธอก็คิดว่าเขาใช้เธอเป็นตัวแทนแม่สามีของเธอ
แต่ตอนนี้เธอพึ่งรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด แต่สุดท้ายก็เพื่อเธอ