พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 645 เธออยู่ที่ไหนกันนะ
วารุณีก้มหัว ยกขาทั้งสองขึ้นและกอดขาทั้งสองเอาไว้ มุดหัวไว้ที่หัวเข่า และตกอยู่ในความกังวลความสับสนที่ไม่รู้จบ
นิรุตติ์ไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่และโอกาสที่เธอจะหนีก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
และนิรุตติ์เองต้องล็อคประตูเอาไว้ตลอดแน่ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอเข้าถึงทุกสิ่งที่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเธอหนีไม่ได้และไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ เธอจะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอด ขังไว้บนเกาะที่ล้อมรอบด้วยทะเลแห่งนี้
นอกจากนี้นิรุตติ์ยังขอให้เธอเก็บไปคิดว่าจะอยู่กับเขาหรือไม่ ถ้าเธอปฏิเสธนิรุตติ์ต้องโกรธและข่มขู่เธอล่ะ?
เมื่อนึกถึงสายตาที่นิรุตติ์มองตัวเองอย่างบ้าคลั่ง วารุณีอดไม่ได้ที่ตัวจะสั่น
เธอค่อนข้างมั่นใจว่านิรุตติ์ต้องทำแน่
เมื่อเขาหมดความอดทน เขาต้องมาขืนใจเธอแน่ เมื่อถึงตอนนั้น เธอจะต้านทานได้หรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วารุณีรู้สึกหนาวไปทั้งตัวและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เธอทำได้เพียงอธิษฐานในใจอย่างเงียบ ๆ และขอให้นัทธีหาเธอเจอเร็วกว่านี้
……
ในอีกด้านหนึ่ง นัทธีไปที่กองทัพของประเทศใดประเทศหนึ่งและทำข้อตกลงกับกองทัพ โดยหวังว่าทหารจะติดต่อกองทัพของประเทศอื่นที่เฮลิคอปเตอร์บินเข้าไป
ถึงแม้ว่าประเทศนั้นจะไม่มีดาวเทียม ไม่สามารถใช้ดาวเทียมตรวจสอบตำแหน่งที่เครื่องบินบินล่าสุดได้ แต่ในฐานะประเทศหนึ่ง หากมีเครื่องบินบินเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศของตัวเองแล้ว ก็จะได้รับการตรวจสอบอย่างแน่นอน
ตราบใดที่กองทัพของประเทศนี้ติดต่อกับกองทัพของประเทศนั้น ๆแล้ว อาจจะง่ายต่อการค้นหาก็ได้
ในเวลาเดียวกัน อารัณก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ คอยศึกษาภาพถ่ายของเครื่องบินที่บันทึกโดยระบบเฝ้าระวัง
แม้ว่าลำตัวของเฮลิคอปเตอร์จะซ่อนตัวสัญญาณและข้อมูลไว้ แต่ยังไงก็ต้องมีข้อมูลอื่น ๆหลงเหลืออยู่บ้าง
แน่นอนว่า อารัณพบสัญลักษณ์ของภาพจากเครื่องบินลำหนึ่ง
อารัณใช้เทคนิคการแฮ็กระบบของตัวเอง ในไม่ช้าเขาก็เจอความหมายของสัญลักษณ์ตัวนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ผลิตใบพัดเครื่องบิน
หลังจากได้รู้เรื่องนี้ อารัณรีบโทรหานัทธีอย่างดีใจ “พ่อครับ ผมมีเบาะแสบางอย่างแล้ว”
นัทธีขอโทษชายในเครื่องแบบทหารที่อยู่ตรงหน้า และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู “เบาะแสอะไร?”
“ผมพบผู้ผลิตใบพัดที่ลำตัวเครื่องบิน ตราบใดที่เราไปหาผู้ผลิตรายนี้ เราจะรู้ได้ว่าผู้ผลิตรายนี้ร่วมมือกับผู้ผลิตอื่น ๆรายไหนบ้าง”
โรงงานเดียวไม่สามารถสร้างเครื่องบินให้เสร็จได้ เนื่องจากชิ้นส่วนต่าง ๆไม่เหมือนกัน จึงต้องการผู้ผลิตหลายรายทำงานร่วมกันเพื่อประกอบเฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำ
ดังนั้นโรงงานที่ผลิตใบพัดและโรงงานที่ผลิตตัวเครื่องบินหรือระบบอื่น ๆ จะต้องมีการติดต่อกันอย่างแน่นอน
นัทธีก็คิดเข้าใจได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับจุดนี้ และแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาลุกขึ้นยืนทันที “อานัณลูกทำได้ดีมาก พ่อจะรีบกลับไปและไปหาผู้ผลิตใบพัดรายนั้น”
“ ครับ ” อารัณพยักหน้ารับ
เมื่อวางสาย นัทธีมองไปที่ชายในเครื่องแบบทหารที่ยืนขึ้น “ขอโทษนะครับ ผมมีเบาะแสบางอย่าง ผมต้องกลับก่อน ผมรอช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าช้าหนึ่งวิ ภรรยาผมก็ยิ่งเป็นอันตราย”
“ผมเข้าใจคุณนัทธี ไม่ต้องกังวลนะครับ กองทัพของเราติดต่อกองทัพทางประเทศนิวซีแล้ว และทางกองทัพอากาศกำลังตรวจสอบเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวที่เข้าสู่น่านฟ้าในช่วงสองวันที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าจะได้รับข่าวคราวในไม่ช้า ” ชายในเครื่องแบบยื่นมือไปทางนัทธี
นัทธีจับมือ “ขอบคุณมาก งั้นผมขอตัวก่อน!”
หลังจากดึงมือกลับ เขาก็หันหลังเดินจากไป
ผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ แต่อยู่ที่เยอรมนี ดังนั้นนัทธีจึงรีบไปที่เยอรมนีโดยไม่หยุดพัก
โดยที่ใช้เวลาบินเกือบเจ็ดชั่วโมงจากประเทศนี้ไปเยอรมนี
นัทธีกลัวว่าเขาจะไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกในขณะนั่งบนเครื่องบินได้ และขอให้อานัณติดตั้งโปรแกรมการโทรแบบเรียลไทม์บนคอมพิวเตอร์ของเขา
เมื่อนัทธีอยู่บนเครื่องบิน เขาได้รับข้อความจากกองทัพว่าทางกองทัพ ล็อคเฮลิคอปเตอร์ที่พาตัววารุณีออกไป
กองทัพทางประเทศนิวซีบอกเขาว่าเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นขับออกจากดินแดนของประเทศนิวซีและบินไปยังน่านน้ำอาณาเขต
เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถบินในระยะทางไกลได้ ในขณะนั้น เฮลิคอปเตอร์ได้บินจากประเทศนี้ไปยัง ประเทศนิวซีแล้ว ระยะที่บินก็ไกลมากพอแล้วและยังคงบินไปทางทะเลอีก
แต่ต่อให้บินไปทะเลก็บินไปได้ไม่ไกลแน่นอน ดังนั้นข่าวจากกองทัพประเทศนิวซีก็คือเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น
เป็นไปได้ที่จะหยุดที่เกาะใดเกาะหนึ่งในทะเล
มีเกาะเล็ก ๆมากมายในมหาสมุทรนั้นและเกาะเหล่านั้นถูกซื้อโดยคนรวยทั้งนั้น ดังนั้น กองทัพของทาง ประเทศนิวซีแนะนำว่าให้นัทธีควรหาข้อมูลผู้ซื้อเกี่ยวกับเกาะพวกนั้น มันอาจจะมีเบาะแสอะไรบ้าง
โดยรวมแล้ว ทางกองทัพของ ประเทศนิวซีเชื่อว่าเฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถบินออกจากมหาสมุทรได้ ได้เพียงหยุดอยู่บนเกาะบางแห่ง
แน่นอน แม้ว่าการคาดเดานี้จะเป็นจริง แต่สิ่งที่นัทธีกลัวก็คือคนนั้นเฮลิคอปเตอร์หยุดที่เกาะแห่งหนึ่ง แต่หลังจากซ่อมบำรุงแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ
แต่ไม่ว่ายังไงเกาะพวกนั้นเขาก็ยังคงต้องตรวจสอบ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นัทธีได้วิดีโอคอลติดต่อหามารุต
“ครับ ท่านประธาน” ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของมารุตปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
นัทธีรู้ว่าเพื่อที่จะตามหาวารุณีในทุกวันนี้ ทุกคนไม่ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่เลย
เขารู้สึกผิด แต่ตอนนี้ยังหาวารุณีไม่พบ แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิด เขาก็ปล่อยให้พวกเขาหยุดไม่ได้
เมื่อพบวารุณีแล้ว เขาจะพยายามชดเชยให้ดีที่สุด
“ตรวจสอบเกาะทั้งหมดในน่านน้ำของประเทศนิวซีไม่ว่าบนเกาะจะมีผู้คนหรือไม่ รวบรวมและส่งมาให้ผมทั้งหมด” นัทธีบีบจมูกของเขาและพูดด้วยเสียงต่ำ
มารุตเบิกตากว้าง “ท่านประธานครับ คุณสงสัยว่าคุณผู้หญิงอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง?”
“เบาะแสของทางกองทัพบอกแบบนี้ แต่จะใช่หรือไม่ยังคงต้องยืนยันอีกที ทางผมก็หยุดไม่ได้ ยังคงต้องล็อกตำแหน่งของเฮลิคอปเตอร์ต่อไป” นัทธีพูดอย่างเคร่งขรึม
มารุตพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ ผมจะสรุปให้เดี๋ยวนี้ แต่……”
“แต่อะไร?” นัทธีเหล่มอง
มารุตถอนหายใจ “อย่างนี้ครับ เพราะว่าท้องทะเลกว้างมาก และศูนย์กลางของทะเลมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ทำให้เสียทิศทางง่าย จึงมีเกาะอยู่เท่าไหร่ในทะเลนั้น และไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้ทั้งหมดบนแผนที่โลกในปัจจุบัน เพราะมีบางที่ดาวเทียมก็ไม่สามารถค้นเจอได้ ดังนั้นอาจจะมีที่ตกหล่นไปได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัทธีก็ขมวดคิ้ว
แต่ไม่นาน เขาก็พูดว่า “ผมเข้าใจแล้ว คุณสรุปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
“ครับ”
ในตอนท้ายของวิดีโอ นัทธีปิดคอมพิวเตอร์และหลับตาอย่างเหนื่อยล้า
วารุณี เธออยู่ไหนกันแน่นะ?
ณ เกาะ วารุณียังคงนั่งอยู่บนพื้น และประตูห้องถูกเคาะอยู่ข้างหลัง เสียงคนใช้ก็ดังขึ้น “คุณผู้หญิง ได้เวลาลงไปทานอาหารเย็นที่ชั้นล่างแล้วค่ะ”
วารุณีขยับตัว และในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำเหมือนร้องไห้มา
ตัวเธอที่อยู่คนเดียวบนเกาะอย่างโดดเดี่ยวแห่งนี้ เธอต้องเผชิญหน้ากับนิรุตติ์ และมารร้ายอย่างนวิยา จะให้เธอไม่กลัวได้ไงล่ะ
ท้ายที่สุด เธอก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง และมันก็ยากที่จะไม่เสียน้ำตาเมื่อเจอเรื่องแบบนี้
“ไม่ ฉันไม่กิน!” วารุณียืนขึ้น เช็ดหางตา แล้วตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
คนใช้ไม่ยอมแพ้ “คุณผู้ชายบอกว่า ถ้าคุณผู้หญิงไม่กิน คุณผู้ชายจะขึ้นมาเชิญด้วยตัวเองนะคะ”
“อะไรนะ?” สีหน้าของวารุณีเปลี่ยนไป
นิรุตติ์ยังพูดแบบนี้ได้อีก?