พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 647 โทเทมเดียวกัน
เมื่อฟังคำถามของวารุณี การแสดงออกของนิรุตติ์จริงจัง และเปลือกตาของเขาก็หย่อนลงมาปิดสายตาที่อธิบายไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบ วารุณีคว้าคอเสื้อแล้วถามเสียงดัง “พูดสิ พ่อตาแม่ตาของฉันปฏิบัติต่อคุณไม่ดี? ทำไมนายถึงปกป้องฆาตกร! นวิยาเธอฆ่าคนที่ปฏิบัติต่อคุณเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่งนะ!”
“แน่นอนว่าผมรู้ แต่ผมมีแผนของผม” นิรุตติ์พูดมองลงไปที่มือของเธอ
มือของวารุณีที่จับคอเสื้อสั่นไปหมด “แผนอะไร?”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แต่ถ้าคุณต้องการที่จะเอานวิยาไปดำเนินคดี ดังนั้นผมถึงบอกให้คุณทำข้อตกลงกับผมไง” นิรุตติ์ยกมุมปากขึ้นอีกครั้ง
วารุณีรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง
สัญชาตญาณบอกเขาว่าข้อตกลงของเขาจะต้องไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับเธอแน่
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเอานวิยาไปดำเนินคดี วารุณีเริ่มลังเลอีกครั้ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง วรุณีบีบฝ่ามือและมองตาของนิรุตติ์ “ข้อตกลงที่ว่ามันคืออะไรล่ะ!”
“แค่คุณตกลงว่าจะหย่ากับนัทธี และอยู่กับผมแทน ผมยินดีที่จะส่งตัวนวิยาให้กับนัทธี ว่ายังไงล่ะ? อันที่จริงข้อตกลงนี้ไม่ยากสำหรับเธอใช่ไหมล่ะ” นิรุตติ์ยื่นมือออกมาแล้วจับผมเธอเล่น
วารุณีรีบถอยตัวออกทันที และปล่อยมือออกจากคอเสื้อ
ผมในมือของนิรุตติ์ขยับตามเธอและหลุดออกจากมือเขา
เขาถอนหายใจด้วยความเสียดาย บิดนิ้วแล้ววางมือลง “ทำไมล่ะ? คุณไม่ต้องการหรือ? คุณไม่ใช่อยากให้นวิยาได้รับโทษหรอกเหรอ?นวิยาพยายามทำร้ายคุณและลูกของคุณหลายครั้งแล้ว และยังฆ่าคุณอารองกับอาสะใภ้รอง คนแบบนี้คุณยังอยากให้เธอรอดตัวไปอีกเหรอ?”
“คุณต่างหากที่ปล่อยใหเธอรอด!” วารุณีจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง “ถ้าคุณไม่เข้าไปยุ่ง เราคงจัดการกับนวิยาไปนานแล้ว และไม่ต้องมาอ้อมขนาดนี้ จนตอนนี้ไม่สามารถให้นวิยาชดใช้ได้ ”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ผมที่เข้าไปแทรก แต่เป็นนวิยาที่ติดต่อหาผมเอง คนที่ปล่อยตัวนวิยา ไม่ใช่ผมหรอกนะ แต่เป็นพิชิตคนของพวกคุณไม่ใช่เหรอ?” นิรุตติ์ทำท่ายักไหล่ “อยากมากผมก็แค่ให้ที่ซ่อนกับนวิยา อยากอื่นผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
“สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่คุณเองที่ทำให้เราจับตัวเธอไม่ได้” วารุณีกำหมัดแน่นแล้วพูด
นิรุตติ์ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ เป็นแบบนั้นไม่ผิด ดังนั้นผมเลยถามว่าคุณจะทำข้อตกลงรึป่าว นัทธีต้องการจับตัวนวิยาแทบจะเป็นบ้าแล้ว เธอแน่ใจนะว่าจะรั้งไว้ต่อไป?”
วารุณีเยาะเย้ย “นายบังคับให้ฉันรั้งไว้เอง ให้ฉันหย่ากับนัทธีและให้อยู่กับนาย ชัดเลยว่านายไม่ได้อยากให้ตัวนวิยากับนัทธีหรอก เพราะนายรู้ดีว่าฉันไม่มีทางทำตามข้อตกลงของนาย ใช่ไหมล่ะ?”
นิรุตติ์เงียบและแสดงสีหน้าที่ยิ้มอย่างจริงจัง
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หัวเราะออกมา “ ดูเหมือนว่าข้อตกลงนี้จะจบลงแล้ว แต่วารุณี เพื่อเธอแล้ว ผมจะเก็บข้อตกลงนี้ไว้ให้คุณ กลับไปคิดดู เมื่อไหร่ที่เปลี่ยนใจบอกผมได้ทุกเมื่อ ผมยินดีรับข้อเสนอจากคุณ”
“เฮอะ” วารุณียิ่ล้มเย้ยหยัน “นายรู้ดีว่าเราต้องการจับตัวพวกแกทั้งสอง นายพยายามใช้นวิยาในการทำข้อตกลง ส่วนนายกลับซ่อนตัวไม่ออกมา สุดท้ายไม่วายังไงฉันกับนัทธีก็เสียเปรียบ”
“ถ้าคุณจะคิดอย่างนั้น ก็ช่วยไม่ได้” นิรุตติ์ถอนหายใจอย่างเสียดาย
วารุณีกินไม่ลงแล้ว นั่งอยู่กับที่และกำลังคิดอะไรบางอย่างอย่างเงียบ ๆ
นิรุตติ์ไม่ได้กินเช่นกัน เขย่าแก้วไวน์และมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม
วารุณีถูกเขามองจนรู้สึกอึดอัด ขมดคิ้วและพูด “นายมองอะไร?”
“ผมกำลังมองคุณไง คุณสวยขึ้นกว่าเดิมนะ” นิรุตติ์จิบไวน์และพูดออกมา
บางทีเธออาจจะเพิ่งคลอดลูก ทำให้ผู้หญิงคนนี้ดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม ทั้ง ๆที่ใบหน้าของเธอยังคงเป็นใบหน้านั้น แต่สวยกว่าเมื่อก่อนจริง ๆ
วารุณีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกเขินอายสักนิด ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกคลื่นไส้
ได้แต่คิดถึงภรรยาคนอื่น เขานี่มันโรคจิตชัด ๆ
เมื่อก่อนเป็นแม่สามี ตอนนี้ก็เป็นเขาอีกแล้ว
อาจจะเป็นเพราะขาดความรักจากแม่ตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเลยได้รักภรรยาคนอื่น?
วารุณีพ่นเสียงอย่างเย็นชา ลุกขึ้นยืน และกำลังจะกลับห้อง
ทันใดนั้น ในแววตาของเธอก็เห็นอะไรบางอย่าง และหยุดกะทันหัน เหล่มองไปที่ข้อมือของนิรุตติ์
ตรงนั้น บนกระดุมข้อมือนั่นมีลวดลายที่เธอคุ้นเคย
ลายนั้นคือลายปาจรีย์หยิบขึ้นมา และยังเป็นสัญลักษณ์ระดับสูงขององค์กรลึกลับอีกด้วย
เนื่องจากได้รับการยืนยันแล้วว่าตราสัญลักษณ์แสดงถึงสถานะระดับสูงขององค์กรลึกลับ นัทธีและอารัณตรวจสอบองค์กรนั้นมาโดยตลอด รวมไปถึงพงศกรก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน
นัทธีและอารัณสืบสวนเพื่อที่จะค้นหานิรุตติ์ แต่พงศกรต้องหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา
แต่องค์กรนี้ลึกลับเกินไป หลังจากนั้นนัทธีและอารัณก็พบข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่สำนักงานใหญ่ขององค์กรนี้และคนระดับสูงก็ยังไม่พบ
มิฉะนั้น พวกเขาอาจเจอนิรุตติ์ผ่านองค์กรนั้นมานานแล้ว
แต่ตอนนี้ นิรุตติ์อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว บางทีเธออาจจะเค้นอะไรบางอย่างได้ออกมาได้
พอคิดแล้ว วารุณีเม้มริมฝีปาก จ้องไปที่กระดุมข้อมือของนิรุตติ์และพูดว่า “ฉันเคยเห็นลายบนกระดุมข้อมือนั่นของคุณ”
“โอ้?” นิรุตติ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คุณเคยเห็น?”
เขายกมือขึ้นและเปิดกระดุมข้อมืออย่างไม่สะทกสะท้าน
วารุณีพยักหน้า “ใช่”
“คุณเคยเห็นมันที่ไหน?” นิรุตติ์หรี่ตาถาม
เป็นไปไม่ได้ โลกของวารุณีใสสะอาดขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะมาพัวพันกับองค์กรนี้
แม้แต่เขา เพิ่งรู้จักเมื่อห้าปีที่แล้ว และต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้เข้าร่วม
ดังนั้นแม้แต่นัทธีก็อาจจะไม่รู้จักองค์กรนี้ แล้วเธอเคยเห็นโลโก้ขององค์กรนี้ที่ไหน?
“จากเพื่อนคนหนึ่งน่ะ แต่เคยเห็นบนป้าย” วารุณีพูดด้วยแววตาลุกวาว
ใบหน้าของนิรุตติ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แท้จริงแล้วมันคือตราสัญลักษณ์!
ป้ายนี้เป็นสัญลักษณ์ของระดับสูงสุดขององค์กร และมีความหมายอะไรกัน
เขาไม่คิดว่าเพื่อนของวารุณีก็มีเหมือนกัน
“เพื่อนของคุณก็เป็น…” นิรุตติ์แสดงสีหน้าอย่างเรื่องจริงจัง
วารุณีรู้ว่าเขากำลังจะถามอะไร และส่ายหน้า “เพื่อนฉันไม่ได้เป็นคนขององค์กรนี้ เธอแค่บังเอิญเก็บได้ พ่อแม่ของแฟนเธอถูกองค์กรนี้ฆ่าไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ผู้บงการทำมันหล่นไว้”
“อย่างนี้นี่เอง” เมื่อเห็นว่าวารุณีไม่ได้พูดเท็จ นิรุตติ์ก็เงยหน้าขึ้นทันที “แต่ดูเหมือนคุณจะซ่อนอะไรบางอย่างจากผม!”
เธอไม่ได้โกหกก็จริง
แต่เขาฟังออกว่าคำพูดของเธอมีช่องโหว่มากเกินไป ไม่ต่อเนื่องกัน และเห็นได้ชัดว่ามีประเด็นสำคัญซึ่งเธอไม่พูดถึง
วรุณีก็ไม่แปลกใจที่นิรุตติ์จะฟังออก เธอเองก็รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมีช่องโหว่
เธอทัดผมที่หูของเธอและพูดเบา ๆ ว่า “ใช่ ฉันปิดบังบางอย่างอยู่ นั่นคือแฟนของเพื่อนฉัน อยากรู้จริง ๆว่าใครฆ่าพ่อแม่ของเขา คนที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา ก็มีโทเท็มเหมือนกันกับคุณ ดังนั้นฉันเลยคิดว่าคุณอาจจะช่วยหาว่าใครคือฆาตกรได้ แต่ฉันรู้ว่านายไม่ช่วยฉันแน่ ฉันเลยไม่ได้อยากจะพูดมัน”
“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก” นิรุตติ์มองเธอด้วยรอยยิ้ม
วารุณีกำมือแน่น “ไงนะ? คุณจะช่วยสืบเรื่องให้งั้นเหรอ?”