พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 654 ขังอยู่ในห้อง
ไม่ได้ ให้นิรุตติ์พาตัวเองไปจากที่นี่ไม่ได้ ไม่ง่ายเลยที่นัทธีพอจะรู้ตำแหน่งของเธอ ถ้าจู่ๆนิรุตติ์ย้ายไปกะทันหัน ความพยายามของนัทธีก็สูญเปล่า
เธอต้องหาทาง ให้ตัวเองอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่นี้ ยังต้องให้นิรุตติ์กับนวิยาอยู่ด้วยกันด้วย
แบบนี้ พอนัทธีมาหา ก็จะได้กวาดเรียบไม่เหลือ
คิดไป วารุณีก็จับราวบันได หันกลับเข้าห้อง
คืนนี้ เพราะว่าเธอรู้ข่าวดีที่นัทธีอยู่ในประเทศเดียวกัน ดังนั้นในที่สุดจึงโล่งอกขึ้นเยอะ หลายวันนี้ที่นอน วันนี้เป็นวันแรกที่หลับสบาย
แน่นอนว่า เพื่อไม่ให้นิรุตติ์บุกเข้ามาดึกๆอย่างบ้าคลั่ง เธอก็ยังย้ายโต๊ะ มากั้นประตูไว้โดยเฉพาะ
แบบนี้ ถ้ามีคนจะบุกเข้ามา เธอก็จะรู้ทันที
ดีที่คืนนี้สงบเป็นอย่างมาก และก็ไม่มีใครที่จะเข้ามา วารุณีหลับเป็นอย่างดี พอตื่นมา ก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เอง ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตู
วารุณีปล่อยแขนที่เหยียดออกลง มองไปที่ประตูอย่างระวังตัว“ใคร?”
“คุณหญิง ทานอาหารเช้าค่ะ”ด้านนอกประตูมีเสียงของคนใช้
วารุณีถอนหายใจยาวๆ“ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวไป”
เธอคิดว่า เป็นนิรุตติ์เสียอีก
“ค่ะ คุณหญิงเร็วหน่อยนะคะ ฉันลงไปก่อน”คนใช้พูดอีกครั้ง
วารุณีตอบอือ ถือว่าตอบกลับ
แป๊บเดียว เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนใช้เดินไปไกล
วารุณีเปิดผ้าห่มลงจากเตียง เดินไปตรงหน้าหน้าต่างทรงสูง เปิดผ้าม่านออกแล้วมองไปด้านนอก อยากดูว่าด้านนอกมีเรือ หรือเครื่องบินอะไรไหม
ถ้ามี นั่นก็อาจเป็นของนัทธี
แต่ผิวน้ำทะเลข้างนอกนิ่งมาก อย่าว่าแต่เรือเลย แม้แต่นกทะเลก็ไม่มี ท้องฟ้าก็เช่นกัน
ดูเหมือนนัทธีจะยังไม่มาหาทางนี้ แต่เธอเชื่อว่า มาหาที่นี่ เป็นปัญหาเรื่องเวลา
และตอนนี้ที่เธอต้องทำก็คือ ช่วยถ่วงนิรุตติ์กับนวิยาไว้ ให้พวกเขาไปจากที่นี่ไม่ได้
คิดไป วารุณีก็สูดหายใจลึกๆ หันกลับไปที่ห้องน้ำ
ล้างหน้าล้างตาเสร็จ เธอจึงเปลี่ยนชุดลงไป
ห้องเสื้อผ้าในห้องนั้นเสื้อผ้าเยอะมาก และเป็นไซส์ที่เธอสวมทั้งนั้น
ชัดเจนว่านิรุตติ์เตรียมให้เธอโดยเฉพาะ
แม้จะรังเกียจนิรุตติ์ แต่เพื่อตัวที่สะอาด เธอก็จะไม่เปลี่ยนชุดตลอดไม่ได้ ดังนั้นเสื้อผ้าพวกนี้ เลยต้องสวม
มาที่ห้องรับแขก คนใช้กำลังกวาดพื้น เห็นเธอลงมา ก็รีบหยุด“คุณหญิง”
วารุณีไม่ยินดีกับคำเรียกนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้แก้ให้เธอ
เพราะเธอเคยแก้ไปแล้ว แต่คนใช้ก็ยังไม่เปลี่ยนคำ ดังนั้นเลยไม่จำเป็นต้องแก้ให้ถูกอีก
“คุณหญิง ไปทานข้าวที่ห้องรับประทานอาหารเถอะ”คนใช้ทำท่าเชื้อเชิญวารุณี
วารุณีพยักหน้า“ค่ะ”
คนใช้นำทางข้างหน้า วารุณีตามเธออยู่ข้างหลัง
ถึงห้องทานข้าว นิรุตติ์ไม่อยู่ มีแค่นวิยาคนเดียว
นวิยานั่งอยู่บนที่นั่ง กำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์ ไม่รู้ว่ากำลังดูอะไร คิดขมวดแน่นมาก
วารุณีไม่สนใจเนื้อหาที่เธอกำลังดูอยู่ แต่กลับสนใจโทรศัพท์ของเธออย่างมาก
เพราะว่า นั่นเป็นสิ่งของที่ตอนนี้เธออยากได้ที่สุด แค่มีโทรศัพท์ เธอก็สามารถติดต่อนัทธีได้แล้ว
ต้องคิดหาทาง เอาโทรศัพท์มา จากตัวนวิยาหรือนิรุตติ์!
คิดแบบนี้ วารุณีจึงหรี่ตา และในใจก็ทำการตัดสินใจ
แต่แป๊บเดียว เธอก็เก็บความคิดในใจไว้ เพื่อไม่ให้นวิยามองออก ไม่คุ้มเสีย
นวิยาได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ มองเห็นวารุณี มุมปากยกขึ้นอย่างเยาะเย้ย“วารุณี เธอไม่ธรรมดาเลยนะ ทำนิรุตติ์บาดเจ็บอย่างนั้นได้!”
วารุณีดึงเก้าอี้มานั่งลง ไม่สนเธอ หันหน้าถามคนใช้:“นิรุตติ์ไม่อยู่เหรอ?”
“คุณผู้ชายมีธุระต้องไปจากเกาะค่ะ”คนใช้ตอบ
“ไปแล้ว?”สีหน้าวารุณีเปลี่ยนไป“ไปเมื่อไหร่?”
“เมื่อคืนตอนเที่ยงคืนค่ะ”คนใช้พูด
วารุณีกัดริมฝีปาก
เที่ยงคืน……
เธอไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆ
“นั่งเครื่องบินไปเหรอ?”วารุณีถามอีกครั้ง
ตรงข้ามนั้น นวิยาได้ยินคำนี้ ก็หรี่ตาลง“ทำไม ถามพวกนี้ อยากไปจากที่นี่เหรอ?”
สายตาวารุณีหม่นลงไป ยังคงไม่สนใจเธอ เมินใส่เธอ
นวิยาโกรธจนตบโต๊ะ“วารุณี ฉันพูดกับเธออยู่นะ เธอไม่ได้ยินเหรอ?”
“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าหมากำลังเห่า ก็เลยขี้เกียจสนใจ ยังไงสายพันธุ์ก็ต่างกัน”วารุณียิ้มให้เธอ
นวิยาเกือบจะพลิกโต๊ะ มองเธอตาแดงก่ำ“เธอกล้าว่าฉันว่าหมาเหรอ?”
วารุณียักไหล่“เมื่อกี๊ฉันแค่บอกว่ามีหมากำลังร้อง ไม่ได้บอกว่าใครคือหมา นี่เธอพูดเองนะ”
“เธอ……”นวิยาลุกขึ้นทันที กำหมัดแน่น จะปล่อยมาที่หน้าของวารุณี“ยัยแพศยา ฉันว่าเธออยากตายนะ!”
วารุณีคิดไม่ถึงว่าตอนนี้นวิยาจะฉุนเฉียวขึ้นมา แล้วลงมือ สีหน้าก็เปลี่ยนไป
ตอนที่เธออยากจะหลบ จู่ๆมือสีดำก็ยื่นมาจากด้านหลังเธอ กำหมัดของนวิยาไว้แน่น
หมัดของนวิยาไปข้างหน้าอีกไม่ได้ จึงหยุดลง
ฉากนี้ เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ
หลังจากวารุณีตอบสนองมา ก็มองคนใช้อย่างตกใจ ยังไงก็คิดไม่ถึงว่า จะเป็นคนใช้ที่ช่วยเธอบังนวิยาไว้
และหมัดที่นวิยาเพิ่งเหวี่ยงมา ทำให้เธอเข้าใจว่าหมัดนั้นใช้แรงมากแค่ไหน ถ้าตีมาที่ตัวเธอ เธอได้ล้มลงทันทีแน่
แต่คนใช้รับหมัดของนวิยาไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่านวิยาอยากจะเข้ามา หรืออยากถอยก็ทำไม่ได้ จนหน้าแดงด้วยความโกรธ
จะเห็นว่าแรงของคนใช้คนนี้เยอะแค่ไหน และทักษะก็ยังดีมาก ไม่งั้นไม่สามารถจับคนๆหนึ่งได้ง่ายดายอย่างนี้หรอก
“ปล่อยฉัน!”แขนของนวิยาดิ้นรนไปมา อยากดึงหมัดกลับ แต่ยังไงก็ดึงออกไม่ได้ จึงทำได้เพียงสั่งเสียงดัง
คนใช้มองเธออย่างเย็นชา“คุณผู้หญิงคะ คุณผู้ชายบอกว่า ให้ฉันดูคุณไว้ ห้ามให้คุณทำร้ายคุณหญิง คุณลงมือกับคุณหญิง ก็จะเป็นการผิดคำพูดกับคุณผู้ชาย ดังนั้นฉันทำได้แค่ควบคุมคุณไว้ แล้วเอาคุณขังในห้อง รอคุณผู้ชายกลับมาค่อยจัดการ”
“อะไรนะ?แกกล้าเหรอ!”นวิยาตะโกนด้วยใบหน้าที่ดูดุร้าย
นิรุตติ์สั่งแบบนี้ด้วยเหรอ!
เขาแคร์วารุณีขนาดนี้เลย?
วารุณีทำร้ายเขา เขาก็ยังปกป้องขนาดนี้ เขาไม่มีศักดิ์ศรีเหรอ?
อย่าว่าแต่นวิยาเลย แม้แต่วารุณีก็ตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าพอนิรุตติ์ไป ก็ยังจะให้คนใช้ปกป้องเธอ
แป๊บเดียว ในใจของวารุณีก็พูดความรู้สึกไม่ออก ทั้งรู้สึกลึกๆในใจ และซับซ้อน
เธอคิดว่า ถ้านิรุตติ์ไม่มีความแค้นกับเธอและนัทธี เขาก็เป็นพี่ชายที่เธอเคารพที่สุด
แต่ ทั้งหมดนี้ไม่มีแต่!
“ไม่มีอะไรที่ฉันไม่กล้า!”คนใช้พลิกมือกดแขนของนวิยาไปข้างหลัง“ฉันคือคนของคุณผู้ชาย ฟังคุณผู้ชาย ถึงฉันเรียกคุณว่าคุณผู้หญิง คุณก็ไม่ใช่เจ้านายของฉัน ดังนั้นฉันจะไม่ฟังคุณ ตอนนี้เชิญคุณผู้หญิงไปกับฉันเถอะค่ะ”
พูดไป คนใช้ก็จับกุมนวิยาเดินไปด้านนอกห้องทานข้าว
นวิยาดิ้นรนไปก็ต่อว่าไปด้วย
แต่คนใช้ก็ไม่สนใจ แม้แต่การแสดงออกก็ยังไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
แป๊บเดียว ห้องทานอาหารก็เงียบลง
วารุณีเลิกคิ้ว ยังไงก็คิดไม่ถึงว่า เรื่องราวจะดำเนินไปเหมือนละครเช่นนี้ จู่ๆนวิยาก็ถูกคนใช้พาไปขัง
วารุณีเงยมองไปที่ตรงตำแหน่งที่นวิยาเพิ่งนั่ง เห็นตรงนั้นโล่ง อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง
ตรงนั้น ไม่มีโทรศัพท์ทิ้งไว้
ดูท่า เธอต้องหาทาง เอาโทรศัพท์มาให้ได้อย่างไร