พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 660 ตำแหน่งของวารุณี
ในขณะเดียวกัน บนเรือสำราญ
นัทธีมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดสนิท มองดูอยู่นานแล้ว ดูตั้งแต่วางสายวิดีโอไป ดูจนกระทั่งตอนนี้
มารุตรู้ว่า ประธานกำลังครุ่นคิดถึงที่คุยกับคุณหญิงเมื่อกี๊
แต่ถึงครุ่นคิดถึงแค่ไหน ก็ต้องตัดใจ
“ประธาน เรียกทีมค้นหาที่ส่งไปกลับมาไหมครับ?”มารุตถาม
ตอนนี้ติดต่อคุณหญิงได้แล้ว ทีมค้นหาพวกนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาที่เกาะพวกนั้นอีก
สู้เรียกกลับมาดีกว่า แล้วจู่โจมเกาะของนิรุตติ์ด้วยกัน แบบนี้ความเป็นไปได้ที่จะช่วยคุณหญิงออกมาก็เยอะมากไม่ใช่เหรอ?
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย“เรียกกลับมา แต่ไม่ต้องให้กลับมาที่เรือสำราญ ให้พวกเขารอที่พื้นที่หมอกหนา”
เครื่องบนของนิรุตติ์หายไปที่พื้นที่หมอกหนาหลายครั้ง งั้นก็หมายความว่าเกาะของนิรุตติ์ จะต้องอยู่ที่พื้นที่ทะเลด้านหลังพื้นที่หมอกหนาแน่
“ครับ งั้นทางคุณชาย……”
“เดี๋ยวผมติดต่อทางอารัณเอง”นัทธีพูด โทรหาอารัณแล้ว
มารุตเห็นแบบนี้ ก็ไม่พูดอะไร แล้วจึงออกไปเตรียมการ
โรงแรมคอนเสิร์ตเนชั่นที่ห่างไกลเป็นพันไมล์ อารัณได้รับสายของนัทธี
ได้ยินเนื้อหาที่นัทธีพูด อารัณยืนขึ้นมาจากโซฟาทันที“อะไรนะ?ติดต่อหม่ามี๊ได้แล้วเหรอครับ?”
ด้านข้าง ปาจรีย์เชอรีนกับลีน่าทั้งสามคนที่รับผิดชอบดูแลอารัณได้ยินคำนี้ ก็รีบจ้องไปที่โทรศัพท์ของเขา
“อารัณ หนูหมายถึง หาวารุณีเจอแล้วเหรอ?”ปาจรีย์ถามอย่างดีใจ
อารัณส่ายหน้า“เปล่าครับ ยังหาหม่ามี๊ไม่เจอ แต่หม่ามี๊ติดต่อพ่อแล้ว ตอนนี้พ่อให้ผมระบุตำแหน่งโทรศัพท์ที่หม่ามี๊ใช้ตอนนี้ แบบนั้น พวกเราก็จะหาหม่ามี๊ได้”
“ดีมาก!”เชอรีนกับลีน่าสบตากัน แล้วไฮไฟว์ให้กัน
อารัณก็รีบถามนัทธีที่อยู่ในสายไม่กี่คำ
ถามเสร็จ เขาก็วางสาย รีบนั่งตรงหน้าคอม แล้วเริ่มทำการส่งเสียงพิมพ์ดีดออกมา
ระบุตำแหน่งเบอร์ๆหนึ่งนั้นง่ายมาก สองสามนาทีถัดมาอารัณก็ล็อกตำแหน่งเบอร์นั้นไว้
อารัณมองเห็นตำแหน่งหนึ่งบนแผนที่ดาวเทียม ก็หัวเราะขึ้นมา“ตรงนี้ไง!”
“ที่นี่……ไม่ใช่ทะเลเหรอ?”พวกปาจรีย์ทั้งสามคนนั้นก็เข้าใกล้ด้านข้างคอมพิวเตอร์ พูดอย่างสงสัย
อารัณซูมแผนที่ใหญ่สุด
แบบนี้ พวกปาจรีย์สามคนก็มองเห็น ไม่ถือว่าเป็นทะเล แต่เป็นที่ดินผืนหนึ่ง และก็เป็นเกาะขนาดเล็กมากๆ
“วารุณีอยู่บนนี้เหรอ?”ปาจรีย์ชี้ไปที่เกาะนั้นแล้วพูด
อารัณพยักหน้า“ถ้าตำแหน่งของหม่ามี๊ไม่เปลี่ยนล่ะก็ ก็อยู่ที่นี่ เกาะนี้เล็กมาก เล็กกว่าเกาะที่รู้จักทั้งหมดในประเทศนิวซี ไม่น่าล่ะไม่มีในแผนที่โลก”
“ความหมายของหนูคือ ตอนนี้เกาะนี้ยังไม่มีใครค้นพบ ดาวเทียมก็หาไม่ได้?”ปาจรีย์ตกใจ
อารัณตอบอือ“ประมาณนั้นครับ เพราะว่าเล็กมาก บวกกับอยู่ตรงกลางพื้นที่หมอกหนา จึงรบกวนดาวเทียมในระดับหนึ่ง ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่ดาวเทียมจะไม่พบ ยังอาจเป็นไปได้ว่าดาวเทียมพบเกาะนี้ไปแล้ว แต่เพราะมีขนาดเล็กเกินไป เลยไม่ได้อัปเดตบนแผนที่โลก เพราะว่าที่เรากำลังดูอยู่ตอนนี้ เป็นหลักฐาน ภาพดาวเทียมที่เรากำลังดูตอนนี้ ถูกส่งโดยดาวเทียมของประเทศเรา หมายความว่า ดาวเทียมของประเทศเราค้นพบเกาะนี้ แต่ดาวเทียมของประเทศอื่นเจอหรือไม่ ผมไม่รู้”
เขาผายมือออก
พวกปาจรีย์ทั้งสามคนนั้นก็ฟังอย่างงงๆ
“ช่างเถอะๆ วนไปมา แต่พวกนี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ อารัณ หนูรีบส่งที่อยู่ให้ประธานนัทธีเถอะ ให้ประธานนัทธีรีบไปช่วยวารุณีออกมา”ปาจรีย์พูด
อารัณกอดอก“วางใจเถอะแม่บุญธรรม ผมส่งไปแล้ว ตอนนี้พ่อได้รับแล้วแน่”
บนเรือสำราญ นัทธีดูตำแหน่งที่อารัณส่งมา แล้วหรี่ตาลง
มารุตที่อยู่ด้านหลังตกใจ“เป็นเกาะที่ไม่มีในแผนที่จริงๆด้วย ดาวเทียมไม่สามารถเจอแน่ นิรุตติ์หาเจอได้ไง?”
“หาเจอได้ไงไม่สำคัญ ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ รีบไปที่ตำแหน่งนี้!”นัทธียืนขึ้น แล้วออกคำสั่ง
มารุตพยักหน้า“ครับ”
แป๊บเดียว เรือสำราญขนาดใหญ่ก็เบี่ยงเส้นทางเดิม ออกสู่ทะเลที่ด้านซ้ายข้างหน้า
บนเกาะ หลังจากวารุณีเอาโทรศัพท์วางกลับไปให้นวิยา ก็รีบกลับมาที่ห้องทันที แล้วล้างหน้าล้างตาพักผ่อน
คืนนี้ เธอนอนหลับอย่างดี สบายใจมาก
เพราะเธอรู้ แป๊บเดียวนัทธีก็จะหาที่นี่เจอ แล้วช่วยเธอออกมา
ตอนเช้า วารุณียังอยู่ในฝัน ก็ตื่นเพราะเสียงเคาะประตู
วารุณีขมวดคิ้วแล้วตื่นมา“ใครน่ะ?”
“คุณหญิง ฉันเอง ทานข้าวค่ะ”เสียงของคนใช้เข้ามา
วารุณีตอบรับไป แล้วเหยียดแขนขึ้นนั่งลงมา จากนั้นเดินไปที่ห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา
หลงัจากล้างหน้าล้างตาเสร็จ เธอก็เปลี่ยนชุดลงไป
หน้าบันไดชั้นสอง เธอเจอนวิยาที่กำลังออกมาจากห้องพอดี
นวิยาในตอนนี้แววตาม่ดูเลื่อนลอย ต่างกับเมื่อคืนที่รูม่านตาขยายโดยสิ้นเชิง
บวกกับนวิยาเดินก็ไม่ได้คลำไปข้างหน้า จะเห็นว่า การมองเห็นของนวิยาฟื้นตัวแล้ว
จริงด้วย สูญเสียการมองเห็นของนวิยาเป็นเพียงชั่วคราว
ขณะเดียวกันวารุณีก็ดีใจมาก ที่เมื่อคืนตัวเองคืนโทรศัพท์กลับไป ไม่งั้นแย่แน่
และดูท่าทางนวิยาแล้ว เหมือนจะไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองถูกใช้ไป
คิดไป แววตาของวารุณีก็เป็นประกาย ไม่ได้ทักทายนวิยา รีบลงไป
นวิยาเดินอยู่หลังเธอ มองฝีเท้าวารุณีที่รีบร้อน มุมปากก็ยกขึ้นอย่างดูถูก“วารุณี เธอเดินไวขนาดนี้ กลัวฉันผลักลงไปใช่ไหม?”
ได้ยินคำนี้ วารุณีก็หยุดฝีเท้า หันหน้าไปมอง พูดนิ่งๆ:“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้กลัว ฉันแค่รังเกียจที่เดินกับเธอ ลดตัวลงมากก็เท่านั้น!”
“เธอ……”ความภูมิใจที่ใบหน้านวิยาก็หายไปทันที โกรธมาก
วารุณีเบะปาก สูดหายใจเข้า แล้วหันหน้ากลับไป ลงไปต่อ
ในห้องทานข้าว วารุณีนั่งลง
นวิยาก็เดินเข้ามา นั่งลงตรงข้าม
วารุณีเห็นแบบนี้ ก็พูดอย่างเย็นชา“นวิยา ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ”
“เธอพูดอะไร?”นวิยาขมวดคิ้ว
วารุณีชี้ไปทางครัว“ที่นั่นเป็นที่ที่เธอกินข้าว อย่าลืมล่ะ ฉันเคยบอกแล้ว ฉันไม่อยากนั่งกินข้าวกับเธอ ดังนั้นนิรุตติ์ก็กำหนดแล้วว่า ตอนฉันอยู่ เธอต้องไปกินที่ครัว ยังไม่ทำตามอีกเหรอ?”
เธอมองนวิยาอย่างเย็นชา
นวิยาโกรธจนตัวสั่น“วารุณี เธออย่าหน้าด้าน ถึงนิรุตติ์เคยบอกแล้วจะทำไม เขาไม่อยู่นี่ เธอคิดว่าฉันจะทำตามเหรอ?”
“แบบนี้นี่เอง เธอไม่ทำตาม งั้นฉันก็หมดหนทางจริง”วารุณียักไหล่
นวิยาทำเสียงฮึดฮัดอย่าง“เธอรู้ก็ดี อย่าคิดว่า……”
“แต่ฉันให้คนบังคับได้”วารุณียกมุมปากขึ้น ตัดบทของเธอ
นวิยาตะลึง“อะไรนะ?บังคับได้?”
“ใช่!”วารุณีพยักหน้า จากนั้นตะโกนไปว่า:“เมโรนา!”
แป๊บเดียว สาวใช้ผิวสีก็ออกมา“คุณหญิง”
“คุณผู้ชายพวกคุณเคยพูดว่า ไม่ให้เธอกินข้าวกับฉัน ให้เธอไปกินข้าวที่ครัว เธอไม่ฟัง ดังนั้นรบกวนคุณพาเธอไปด้วย”วารุณีชี้ไปที่นวิยา
นวิยาตาเบิกโต“วารุณีเธอ……”
“ปิดปากเธอไว้ ฉันไม่อยากฟังเสียงเธอ กวนใจ!”วารุณีพูดอีก
คนใช้ไม่คัดค้านเลยสักนิด เข้าไปปิดปากของนวิยา ลากนวิยาไปที่ห้องครัว
ยังไงคุณผู้ชายก็เคยบอก ให้เธอฟังที่คุณหญิงพูด
แป๊บหนึ่ง ในห้องครัวก็เงียบลง วารุณีจึงหยิบมีดขึ้นมา แล้วจึงกินข้าว
ตอนนี้เอง เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างชัดเจน เสียงของนิรุตติ์ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“ไม่เลวนี่ ผมกลับมาก็เห็นฉากเด็ดอันยอดเยี่ยมขนาดนี้!”