พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 666 บ้าคลั่งสุดขีด
จัดการตรงนี้เสร็จ นัทธีจึงก้าวเท้าเดินไปที่คฤหาสน์
เดินไป ก็สำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆไปด้วย
ถึงแม้เขาจะเห็นทั้งเกานี้ผ่านกล้องผึ้งน้อยแล้ว แต่ที่กล้องส่งมา เมื่อเทียบกับที่เห็นด้วยตาเปล่าแล้ว ยังต่างเล็กน้อย
แป๊บเดียว นัทธีก็เข้ามาในคฤหาสน์
คฤหาสน์ไม่ได้หรูหราเป็นพิเศษขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง ใช้ชีวิตที่นี่ วารุณีไม่ได้ลำบากอะไรเลยจริงๆ
แต่จากนี่จะเห็นได้ว่า ความรู้สึกที่นิรุตติ์มีต่อวารุณี นั้นลึกซึ้งจริงๆ
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้านัทธีก็ดูเหยเก
จะไม่เหยเกได้ไง?ชายอื่นมาหมายปองภรรยาตัวเองแบบนี้ ผู้ชายที่ไหนก็โกรธทั้งนั้นแหละโอเคไหม!
นัทธีก้าวเท้าขึ้นไปชั้นสาม แป๊บเดียวก็มาถึงหน้าห้องของวารุณี
ก่อนหน้านี้วารุณีใช้ผึ้งน้อยให้เขาดูว่าห้องไหนแล้ว ดังนั้นเขาก็มาหาที่ห้องนี้เลย
นัทธียกมือขึ้นเคาะประตู
ข้างในห้อง วารุณีได้ยินเสียงเคาะประตู ใบหน้าก็ดูดีใจ รีบเดินไปที่ประตู ออกแรงย้ายโซฟาออก แล้วเปิดประตู
มองผู้ชายตรงข้าม เบ้าตาของวารุณีก็แดงตรงนั้น โผเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มถูกเธอชนด้วยแรงมหาศาลก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นกอดเธอไว้แน่น เอาหน้าซุกไปตรงช่วงไหปลาร้าเธอ“ภรรยา ผมมารับคุณแล้วนะ”
“ฉันรู้ ฉันรู้”วารุณีพยักหน้าไปมาอย่างกระอักกระอ่วน
เขามาแล้ว เขาปรากฏตรงหน้าเธอแล้ว
และอีกอย่าง เธอก็กอดเขาได้แล้ว กลิ่นมิ้นต์อันสดชื่นที่คุ้นเคยบนตัวเขา อุณหภูมิที่คุ้นเคย ทำให้เธอเข้าใจว่า เขาหาเธอเจอแล้วจริงๆ
ตอนนี้ วารุณีทิ้งความระวังตัวและป้องกันตัวไปทั้งหมด ร้องไห้เสียงดัง ร้องเสียงดังซะยิ่งกว่าตอนที่ติดต่อกับนัทธีก่อนหน้านี้อีก
นัทธีรู้ ช่วงนี้ เธอตกใจกลัวมาก ถูกจับมาที่เกาะคนเดียว และยังต้องเผชิญกับการคุกคามอย่างต่อเนื่องจากนิรุตติ์ รวมทั้งความไม่หวังดีของนวิยาอีก เพื่อปกป้องตัวเธอเอง เธอต้องเสียอะไรไปเยอะมาก
ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงอ่อนแอตัวเล็กๆ แต่กลับต้องหยิบอาวุธจำพวกแจกันและมีดขึ้นมา
เชื่อว่าผ่านครั้งนี้ นิสัยของเธอ ต้องแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนแน่
นัทธีกอดวารุณีเบาๆ ตบแผ่นหลังของเธอ ปลอบชโลมจิตใจของเธออย่างไร้เสียง
บางครั้ง ก็ก้มศีรษะลงจูบหน้าผากและผมของเธอ
วารุณีจึงค่อยๆ ฟื้นคืนจิตใจกลับมา เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆหยุดลง
เธอเงยหน้าขึ้น เช็ดตา หัวเราะอย่างอึดอัด“ขอโทษนะนัทธี ฉันร้องไห้จนน่าเกลียดเลยใช่ไหม?”
“ไม่เลย สำหรับผมแล้ว คุณเป็นไงก็สวยเสมอ”นัทธีก้มหน้ามองเธอ ในสายตานั้นมีความสงสารและโทษตัวเองอย่างเปิดเผย“คุณผอมลงแล้ว”
ถึงแม้เธออยู่นี่ไม่ลำบากอะไร แต่เธอก็ผอมจริงๆ
ความกดดันในใจ บวกกับจิตใจที่ไม่ดี กินดีแค่ไหน ก็ผอมลงได้
“ขอโทษนะ ที่ผมไม่ได้ดูแลคุณดี ถ้าตอนนั้นผมไปด้วยกันกับคุณ บางที คุณก็อาจจะไม่ถูกนิรุตติ์จับไป”นัทธีพูดอย่างรู้สึกผิด
วารุณีส่ายหน้า“ไม่ ไม่ใช่ความผิดคุณ ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงคุณเป็นสามีฉัน คุณก็ไม่ต้องมีหน้าที่คอยดูฉันตลอดเวลา ถูกจับตัวไป นอกจากเป็นความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ของนิรุตติ์แล้ว ก็เป็นความไม่ระวังตัวของฉันเองด้วย ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไม่ผิดอะไรเลย ที่ผิดคือฉัน ที่ฉันทำให้คุณเป็นห่วง ขอโทษนะสามี”
เธอจับแขนของเขาแล้วพูดขอโทษ
นัทธีเงยคางของเธอขึ้นมา เช็ดน้ำตาสุดท้ายที่หางตาเธอ แล้วจูบไปที่ดวงตาเธอ
วารุณีก็หลับตาลง
แป๊บเดียว ริมฝีปากของนัทธีก็ละออกจากสายตาเธอ ละสายตาลง ไปที่ริมฝีปากของเธอ จากนั้นก้มหน้าลงจูบ
วารุณีตกใจก่อน จากนั้นได้สติคืนมา ก็โอบคอของชายหนุ่มตอบกลับจูบของเขา
ชายหนุ่มรู้สึกการตอบรับของเธอ จูบก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ส่วนวารุณีก็ไม่ยอมแพ้ จูบตอบกลับอย่างรุนแรงเช่นกัน
จูบของนัทธี มาพร้อมความคิดถึงอันลึกซึ้ง กับความสุขที่เสียไปแล้วคืนกลับมา แล้ววารุณีจะไม่เป็นด้วยได้อย่างไร
พวกเขาต่างอยากครอบครองอีกฝ่าย อยากเอาอีกฝ่ายหลอมรวมเข้าร่างกายตัวเอง
มีแค่แบบนี้ ที่ดูเหมือนจะพิสูจน์ได้ว่า พวกเขาอยู่ด้วยกันอีกแล้วจริงๆ
ปัง ประตูปิดลง
นัทธีอุ้มวารุณีไปที่เตียง เดินไป เสื้อผ้าก็ตกไปตรงพื้นที่พวกเขาเดินผ่านทีละตัว
ทั้งสองก็เป็นเช่นนี้ บ้าคลั่งขีดสุดในคฤหาสน์ของชายอีกคน ช่วงกลางวันแสกๆ
ความบ้าคลั่งของพวกเขา นอกจากเป็นความรักที่มีต่ออีกฝ่ายแล้ว ก็ยังมีความกระตุ้นเล็กน้อยอยู่ในนั้นด้วย
ยังไงแสดงความรักในคฤหาสน์ของศัตรูอย่างนิรุตติ์ ก็มีผลต่อความน่าขยะแขยงให้นิรุตติ์ ดังนั้นจะไม่รู้สึกกระตุ้นได้อย่างไร?
ค่ำคืนนั้น ก็มาถึงอย่างช้าๆ
นัทธีนั่งบนหัวเตียง วารุณีนอนอยู่ในอ้อมแขนเขา หลับสนิท
ตอนเช้า เธอน่าจะเหนื่อยมาก บวกกับช่วงนี้รู้สึกประหม่า ตอนนี้มีนัทธีอยู่ข้างกาย พอเธอโล่งอกลง จึงหลับได้ลึก
นัทธีโอบเธอไว้ มือใหญ่นั้นตบไปที่ไหล่เธอเบาๆ ปลอบเธอเหมือนกับปลอบเด็ก
แต่มืออีกข้างของเขา หลับหยิบโทรศัพท์ โทรหาเบอร์มารุต
ตอนนี้มารุตกำลังอยู่บนดาดฟ้าของเรือสำราญ ตกปลาอย่างเบื่อหน่าย ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ก็รีบวางเบ็ดตกปลา แล้วรับสาย“ประธาน”
ดีจัง ในที่สุดประธานกับคุณหญิงก็เสร็จสิ้นศึกใหญ่แล้ว
ต้องบอกว่า สองคนนี้ อึดมาจริงๆ ฟ้ามืดแล้วถึงจบลง
นัทธีตอบอือ เป็นการตอบกลับ“เอาบอดี้การ์ดไว้สิบคน ส่วนที่เหลือทั้งหมดเรียกคืนกลับเรือสำราญ ขับเรือสำราญไปที่ด้านหลังระดับน้ำทะเล”
“อะไรนะ?”มารุตตกใจ สายตามีความไม่เข้าใจ รีบถามว่า“ประธาน คุณจะทำอะไร?”
“นิรุตติ์ยังไม่รู้ว่าพวกเขาหาวารุณีเจอแล้ว และจับนวิยาไปแล้ว ดังนั้นเขาน่าจะยังกลับมา”นัทธีหรี่ตาลงพูด
มารุตก็เข้าใจอะไรขึ้นมา ดวงตาเป็นประกาย“ประธานครับ ความหมายของคุณคือ เป้าหมายเราอยู่ในกำมือแล้ว?จะจับนิรุตติ์?”
“ถูกต้อง ดังนั้นคุณให้คนอื่นขับเรือสำราญไปก่อน ไม่งั้นถ้านิรุตติ์เห็นเรือสำราญในระยะไกล ยังไม่ลงจากเครื่องบินก็จะหนีไปก่อนได้”
“คุณพูดถูก ผมเข้าใจแล้ว”
นัทธีพยักหน้า“แล้วก็ คนที่อยู่บนเกาะ หลบอยู่ทุกมุมของคฤหาสน์ รอนิรุตติ์กลับมา ก็จับทันที”
“ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”มารุตตอบรับ
นัทธีวางสาย เอาโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง แล้วก็นอนลง หลับตา
ช่วงนี้ เขาก็ไม่ได้พักผ่อนเท่าไหร่ บวกกับสูบบุหรี่ต่อเนื่อง ในหัวเลยรู้สึกมึนๆตลอด ตอนเช้าก็ยังเคลื่อนไหวอีก ตอนนี้เลยรู้สึกเหนื่อย
กอดวารุณีไว้ แป๊บเดียวนัทธีก็หลับ
หลับนี้ จนถึงเช้าวันถัดมา
นัทธีลืมตามา ด้านนอกฟ้าสว่างแล้ว และยังมีแสงแดดสาดส่องมาเล็กน้อย แยงตาหน่อยๆ
นัทธีถูขมับ เอาแขนออกมาจากคอวารุณีเบาๆ
เป็นหมอนให้วารุณีทั้งคืน แขนของเขาจึงแข็งและเจ็บมาก
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไร และหลังจากถูไปเล็กน้อยแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมา ดูเวลา
เก้าโมงเช้า!
ด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิด ตั้งแต่เมื่อคืนยันตอนนี้ ต่างเงียบหมด
ดูเหมือนว่า เมื่อคืนนิรุตติ์จะไม่ได้กลับมา
กำลังคิดอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกคนเคาะ
นัทธีหรี่ตาลง“ใคร?”
“ประธานครับ ผมเอง”เสียงของมารุตดังอยู่ข้างนอก
คิ้วนัทธีคลายออก“มีอะไร?”
“ผมเอาเสื้อผ้ามาให้คุณ แล้วก็ อาหารเช้าก็เตรียมไว้แล้วครับ คุณกับคุณหญิงลงมากินข้าวเช้าเถอะ”มารุตตอบ
นัทธีจึงนึกได้ทันทีว่า ตัวเองอยู่นี่ ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนจริงๆ
แล้วก็กินข้าว ตั้งแต่เช้าเมื่อวานจนกระทั่งตอนนี้ เขากับวารุณียังไม่ได้กินอะไร และก็ถึงเวลาที่ควรจะลุกมากินอะไรบ้างแล้ว