พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 683 ธาตุแท้ของพงศกร
จากนั้นวารุณีและนัทธีก็เดินเข้าไป เดินไปถึงข้างเตียง ก้มมองเธออย่างวางมาด
“เมื่อกี้เจ็บมากใช่ไหม?” วารุณีเอ่ยปาก
นวิยาเหลือบตา สบตากับเธอ
ในตานั้น เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับจะฉีกวารุณีแยกออกจากกัน
นัทธีหรี่ตา พร้อมที่จะให้มารุตเข้าไป สั่งสอนนวิยา
วารุณีขวางไว้ “ไม่ต้อง ขาเธอเจ็บจนต้องพยุงละ บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีความหมายอะไรกับเธอหรอก อีกอย่าง เธอเกลียดฉันแล้วยังไง?เธอมันคนไร้ประโยชน์ ขนาดยืนยันยืนไม่ได้เลย จะทำอะไรฉันได้?”
นัทธีเลิกคิ้ว แล้วยิ้ม “พูดถูก”
“แก……พวกแก พวกกชั่ว เลวกันทั้งหมด!” นวิยาสาปแช่งอย่างหน้าหงิก
มารุตขมวดคิ้ว โกรธจัด โยนเธอลงจากมือทันที “ทำความสะอาดปากหน่อย!”
ใบหน้าของนวิยา ถูกฟาดเข้าทันที จากสีขาวซีด แต่ตอนนี้กลับกันเพราะฝ่ามือของมารุต กลายเป็นสีแดง ทำให้ใบหน้าของเธอที่ขาวราวกับผี มีสีเลือดขึ้นมา
วารุณียกมุมปาก มองเธออย่างเย็นชา “ตบเจ็บล่ะสิ?ขาก็เจ็บใช่ไหม?เจ็บน่ะถูกแล้ว ลูกชายกับลูกสาวฉัน ตอนแรกก็เจ็บแบบนี้แหละ”
นวิยากำมือแน่น ไม่พูดอะไร
เธอกลัวว่าถ้าเธออ้าปากพูดอีก ก็จะอดที่จะด่าต่อไม่ได้ แล้วจะโดนตบอีก
วารุณีสูดหายใจ “นวิยา ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน เพราะว่าการปรากฏตัวของฉัน ทำให้เธอกับนัทธีเป็นไปไม่ได้ เธอพุ่งเข้ามาหาฉันได้นะ ฉันยินดีรบกับเธอ แต่เธอไม่ควร ไม่ควรเลย ที่มาลงกับลูกทั้งสองคนของฉัน เธอมาลักพาตัวลูกฉันก่อน ทำให้ลูกชายฉันประสบอุบัติเหตุ จนเกือบตาย แล้วเธอยังมาทำร้ายลูกสาวฉัน เพราะฉะนั้น……”
“ฉันยอมรับ ว่าฉันทำร้ายลูกสาวเธอ แต่ฉันไม่ได้ทำร้ายลักพาตัวลูกชายเธอ!” นวิยาหันศีรษะ มองที่วารุณีด้วยความโกรธเกลียด
วารุณีตกใจเล็กน้อย “เธอว่าอะไรนะ?เธอไม่ได้ลักพาตัวลูกฉันเหรอ?”
“ฉันถูกเธอจับมาที่นี่แล้ว นิรุตติ์ก็ถอดใจจากฉันไปแล้ว ขาฉันก็เดี้ยงไปแล้ว แล้วฉันก็รู้ว่า ว่าพวกฌะอไม่ปล่อยฉันไปหรอก แล้วฉันจะโกหกไปเพื่ออะไรล่ะ?อีกอย่าง ถึงแม้นวิยาฉันคนนี้จะเลว ความทะนงฉันก็แขวนอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ยอมเป็นแพะรับบาปหรอกนะ ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่” นวิยากัดฟันตอบ
นัทธีหรี่ตา
มารุตมองเขากับวารุณี “ท่านครับ คุณหญิง เหมือนเธออจะไม่ได้โกหกจริงๆ นะครับ”
ไม่ต้องให้มารุตบอก วารุณีกับนัทธีก็ดูออกได้ นวิยาไม่ได้โกหก
ด้วยเหตุนี้ วารุณีและนัทธีไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้
นวิยาไม่ได้ลักพาตัวอารัณ แล้วใครกันที่ลักพาตัวอารัณไป?
หรือว่า จะยังมีศัตรูอื่นอีก?
วารุณีกำมือ “เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใครได้?”
“เธอน่าจะลองไปถามพงศกรดูนะ!” นวิยายิ้มร้าย
วารุณีช็อกไปทั้งตัว “พงศกร……”
“ใช่น่ะสิ คนที่ลักพาตัวลูกเธอ ทำให้ลูกเธอประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ก็คือเขาเอง” มองดูวารุณีที่มีท่าทางไม่อยากจะเชื่อ นวิยายิ้มอย่างสบายอารมณ์มากขึ้น “วารุณีเธอยังไม่รู้จักพงศกรสินะ ฉันจะบอกเธอใลิฟต์พงศกรน่ะทำเรื่องหลายอย่างที่เธอไม่รู้ ไม่ใช่แค่ลูกชายเธอหรอก ขนาดเรื่องที่เขาเองประสบอุบัติเหตุ ก็เขาเองนั่นแหละเป็นคนวางแผน แล้วก็ยังมี โรงงานบริษัทเธอก็เคยถูกไฟไหม้ไปแล้วครั้งหนึ่งไม่ใช่เหรอ?เรื่องนั้นเขาก็มีส่วนนะ เขากับพิชญาสมรู้ร่วมคิดกัน”
วารุณีห่อตัว ร่างกายเธอเซถอยไปด้านหลัง
ถ้านัทธีมาโอบเธอไว้ไม่ทัน เธอคงเท้าแพลงไปแล้ว
เรื่องพวกนี้ เป็นพงศกรเป็นคนทำจริงๆ เหรอ?
จะเป็นไปได้ยังไง?
อย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดนัทธีก็ตกใจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงพงศกรจะเป็นเอามาก แต่เขาก็มีความรู้สึกต่อวารุณีจริงๆ
ในเมื่อมีความรู้สึก แล้วทำไมพงศกรต้องทำแบบนี้กับวารุณีด้วยล่ะ?
“เด็กดี” มารุตที่อยู่ข้าง ก็ตกใจจนพูดไม่ออก
วารุณีส่ายหัวอย่างแรง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ พงศกรไม่มีทางทำเรื่องพวกนี้กับฉัน ไม่มีทางแน่ๆ !”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องไม่เชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริง เธอไปถามพงศกรดูก็ได้นะ เธอดูผลลัพธ์เอาแล้วกัน ว่าจะเป็นแบบที่ฉันพูดหรือเปล่า ฮ่าๆๆ วารุณี คิดไม่ถึงสินะ ว่าศัตรูเธอจะเยอะมากมาย ทั้งตระกูลศรีสุขคํา ฉัน แถมยังมีพงศกรที่เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนอีก ศัตรูเยอะขนาดนี้ น่าเศร้าจัง” นวิยายิ้มอย่างพอใจ ขำจนน้ำตาไหลออกมา
วารุณีสงบลง สายตานิ่งไร้ความปราณี “หัวเราไปเถอะ ฉันรู้ ว่าเธออยากบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน ก็เพราะเพียงแค่อยากให้ฉันรู้สึกรำคาญเท่านั้น เธอทำสำเร็จแล้วล่ะ แต่ไม่ว่ายังไง ฉันจะไปหาพงศกรเพื่อที่จะยืนยันทีหลัง แต่เธอพูดผิดไปนิด ฉันไม่ได้น่าเศร้า ฉันมีศัตรูมากมาย แต่คนที่รักฉันก็มากมายเหมือนกัน ลูกของฉันสองคน แล้วก็ยังมีเพื่อนของฉัน รวมไปถึงสามีของฉัน พวกเขาต่างก็รักฉัน เปรียบเทียบกับคนที่รักฉันแล้ว ศัตรูอย่างพวกเธอ ก็เป็นแค่ก้อนหินในชีวิตที่สงบสุขของฉัน ที่ทำให้ชีวิตฉันเข้มข้นขึ้นแค่นั้นเอง”
นัทธีที่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ก็โอบที่เอวเธอเบาๆ “ผมจะรักคุณเสมอ จนตลอดไป”
“ฉันเชื่อคุณค่ะ” วารุณีหันหน้ายิ้มให้เขา
เมื่อนวิยาเห็นฉากนี้ เธอไม่ได้รู้สึกตื่นตาในทีแรก แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจ และขำไม่ออก “หึ ก็แค่เถียงข้างๆ คูๆ วารุณี ฉันจะรอดูเธอทรมานตอนที่เธอได้เจอกับพงศกร!”
“ได้เลย เธอรอได้เลย แต่ฉันว่าเธอคงไม่ได้เห็นหรอก เธอฆ่าฉันมาตั้งกี่ครั้ง ครั้งแรกให้คนไปที่ห้องน้ำ ฉันเกือบจะจมน้ำตาย ครั้งหนึ่งก็ทำลิฟต์อพาร์ทเม้นฉันพัง จนฉันเกือบตกลิฟต์ตาย อีกครั้งหนึ่งก็ที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ เธอผลักฉันจนเกือบตกลงมา”
“ผลักคุณลงมาเหรอ?” นัทธีสีหน้าเปลี่ยน “ทำไมคุณไม่เคยบอกผมเรื่องนี้เลย?”
นวิยาตะลึงตกใจ
เธอเคยคิดจะผลักวารุณีให้ตกตึกจริงๆ ตอนนั้นได้เอื้อมมือออกไปแล้ว แต่สุดท้าย เธอก็ล้มเลิกความคิด
แล้วเรื่องนี้ ทำไมวารุณีถึงรู้ล่ะ?
ตอนนั้น เธอทำอยู่ข้างหลังวารุณี วารุณีก็ต้องไม่มีทางรู้สิ
ทันทีที่วารุณีเห็นหน้านวิยาเริ่มเป็นสีขาวซีด ก็รู้ว่านวิยากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วยิ้มเย็นชา “เธออยากรู้ว่าฉันรู้ได้ยังไงสินะ?ง่ายจะตาย เพราะตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ ฉันก็คอยระวังเธอไง ดังนั้นทั้งด้านบนด้านล่างของคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ ฉันติดกล้องวงจรปิดไว้หมดน่ะสิ ทุกย่างก้าวของเธอฉันรู้หมดทุกอย่าง”
ม่านตานวิยาขยายขึ้น
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้สินะ!
ตอนนั้น วารุณีเฝ้าระวังเธอมาก
งั้นเธอก็ควรดีใจไม่ใช่เหรอ ที่ตอนนั้น เธอไม่ได้ทำอะไรมาก ไม่งั้นเธอคงถูกเปิดโปงหมด?
วารุณีไม่ได้สนใจนวิยาต่อ หันหน้า ไปคุยกับนัทธี “ขอโทษค่ะ ตอนนั้นคุณยังไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงนวิยา แล้วยังดีกับนวิยา ฉันเลยไม่ได้บอกคุณค่ะ”
นัทธีสีหน้าเข้ม
ที่เธอไม่ได้บอกเขาในตอนนั้น เพราะคิดว่าเขาจะต้องยืนอยู่ข้างนวิยา คงไม่เชื่อที่เธอพูด
แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว ตอนนั้นเขาดีกับนวิยา คงไม่เชื่อที่เธออพูดจริงๆ
คิดๆ ไป นัทธีก็ถอนหายใจ เอาหน้าผากชนกับหน้าผากของวารุณี “ขอโทษนะ”
วารุณีรู้ว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร ตบไปที่ไหล่ของเขา “เอาล่ะ ฉันไม่โทษคุณค่ะ ที่จริงฉันเข้าใจได้ ไม่มีใครสามารถเชื่อคนได้ทันทีหรอกค่ะ กระทั่งน้องสาวที่แสนดี ที่จริงแล้วก็เป็นปีศาจ”
พูดจบ เธอก็หันไปทางนวิยา “นอกจากที่เล่ามา เธอยังโยนลูกสาวฉัน ช่วยพิชญาทำศัลยกรรม แล้วให้พิชญาจัดการฉัน เรื่องอาชญากรรมพวกนี้ มันมากพอที่ทำให้เธอตายได้ แต่เธอสบายใจได้เลยนะ เพราะคนที่จะจัดการเธอไม่ใช่ฉัน แต่เป็นสามีฉัน”