พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 700 การไหว้วานของคุณแม่ปารวี
ปาจรีย์ทำปากจู๋ “แม่ ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงสร้อยข้อมือที่พี่รพีให้ฉันมาจะแพง แต่ฉันสามารถเอาของขวัญที่มีค่าระดับเดียวกันให้พี่รพีเขาได้”
“ปาจรีย์ ไม่ต้อง พี่……”
“ไม่อนุญาตให้พูดไม่ต้อง ไม่งั้นสร้อยข้อมือเส้นนี้ฉันก็ไม่เอาแล้ว” ปาจรีย์ขมวดคิ้วพูด ทำท่าจะถอดสร้อยข้อมือ
รพีเห็นท่า ก็ขำจนน้ำตาไหล “โอเคๆๆ พี่ผิดไปแล้วปาจรีย์ เธออย่าถอดเลยนะ”
“ก็ถูกแล้วไง” ปาจรีย์วางมือลง
คุณแม่ปารวีรินชาใส่แก้วทั้งสองใบ ใบหนึ่งยื่นให้รพี “รพี ปฏิบัติกับผู้อื่นเช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติกับตัวเอง เป็นเรื่องที่ควรทำ เธออย่าปฏิเสธ ต่อให้เป็นสามีภรรยา ก็ไม่มีหลักที่ฝ่ายหนึ่งให้อยู่ฝ่ายเดียว โดยที่อีกฝ่ายไม่ให้อะไร”
“ใช่ค่ะ” ปาจรีย์พยักหน้าเห็นด้วย
รพีรับแก้วชา มองดูเธออย่างลึกซึ้ง แล้วจึงตอบคุณแม่ปารวี “ผมรู้แล้วครับคุณป้า เมื่อกี้คือผมเกรงใจ”
“ไม่เป็นไร รีบนั่งเถอะ อีกสักพักกินข้าวในบ้านนะ” คุณแม่ปารวีพูดคิกคัก
รพีพยักหน้า “ได้ครับ ผมเองก็ไม่ได้ทานอาหารที่คุณป้าทำกับมือมาหลายปีแล้ว ผมจำได้ ว่าฝีมือการทำอาหารของคุณป้าดีมากเลยครับ โดยเฉพาะปลาเปรี้ยวหวาน น่าทึ่งมากจริงๆ ครับ”
ถูกเขาชมขนาดนี้ คุณแม่ปารวีก็ปิดปากยิ้มอย่างมีความสุข “เด็กคนนี พูดเป็นจริงๆ ได้ อีกสักพักคุณป้าจะทำปลาเปรี้ยวหวานให้เธอกิน พูดแล้ว โทรหาพ่อลูกหน่อย ให้เขาเลิกเล่นหมากรุกได้แล้ว ไปซื้อปลาที่ตลาดแล้วรีบกลับมา”
“ค่ะ” ปาจรีย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาคุณพ่อประสิทธิ์
หลังจากโทรศัพท์เสร็จไม่นาน คุณพ่อประสิทธิ์ก็หิ้วปลากลับมา เมื่อเห็นรพีก็ดีใจมาก
ทั้งสองนั่งพูดคุยกันบนอยู่โซฟา ที่สำคัญที่สุดคือ การพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาตั้งแต่สองครอบครัวแยกทางกัน
ปาจรีย์ถูกคุณแม่ปารวีเล่าไปช่วยทำอาหารที่ห้องครัว
รอจนทำอาหารเสร็จ ทุกคนก็นั่งบนโต๊ะอาหารเรียบร้อย
คุณแม่ปารวีคีบอาหารให้รพีด้วยความกระตือรือร้น อาหารในชามของรพีสูงเป็นกอง จนรพีบอกว่ากินไม่ไหว คุณแม่ปารวีก็ยังคงคีบต่อ
ปาจรีย์มองตาแดง เคาะที่ถ้วย “แม่ หยุดคีบได้แล้ว พี่รพีกินไม่หมดแล้ว แม่ดูหนูกับพ่อด้วย ปกติแม่เคยคีบอาหารให้ฉันกับพ่ออารมณ์ดีขนาดนี้นะ”
“ใช่” คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้าเห็นด้วย
คุณแม่ปารวีมองบนใส่สองพ่อลูก “จะเหมือนกันได้ยังไง?รพีเป็นแขก แม่กลัวว่ารพีเขาจะเกรงใจ เลยคีบอาหารให้รพี เธอสองคนเป็นแขกหรือไง?ฉันไม่คีบให้ พวกเธอไม่รู้จักคีบเองเหรอ จริงๆ เลย สองพ่อลูกนี่ศีลเสมอกัน หรือถ้าขาดฉันไป พวกเธอจะกินข้าวไม่ได้เลยเหรอ?”
ว่าไปว่ามา คุณแม่ปารวีก็ขี่มาหารให้สองพ่อลูก
คุณพ่อประสิทธิ์ดีใจแล้วพูดประจบคุณแม่ปารวี
รพีเห็นจึงพูดแซวอย่างอิจฉา “ความสัมพันธ์ของคุณลุงคุณป้า ดีมากเหมือนเดิมเลยนะครับ ไม่เหมือนพ่อกับแม่ผม……ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว คุณลุงคุณป้า ทานข้าวเถอะครับ”
“กินข้าวๆ ” จากที่คุยกันเมื่อครู้ คุณพ่อประสิทธิ์ก็รู้ได้ว่าระหว่างพ่อแม่ตระกูลคณานิสรณ์เป็นอย่างไรบ้าง และก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ขานให้กินข้าวต่อ
หลังทานเสร็จ รพีก็ลุกขึ้นเตรียมช่วยเก็บชามกับตะเกียบ แต่ถูกคุณแม่ปารวีปฏิเสธเข้า เอาช้อนกับตะเกียบทั้งหมดให้ คุณพ่อประสิทธิ์ไปล้าง
คุณพ่อประสิทธิ์ไม่มีทางเลือก ก็ไปล้างถ้วยตามคำสั่ง
คุณแม่ปารวีพูดกับปาจรีย์ที่ห้องรับแขก “ปาจรีย์ พารพีออกไปข้างนอกไป ไปเดินเล่น คุยเรื่องของพวกเธอ”
“ห้ะ?แต่หนูเพิ่งกินข้าวเสร็จ ไม่อยากไป” ปาจรีย์ลูบท้องพูด
คุณแม่ปารวีถลึงตาใส่ “ไม่อยากไปก็ต้องไป กว่ารพีจะมาได้สักครั้ง แกจะให้แขกมาเสียเที่ยวเหรอ?รีบไปเลย พารพีออกไปเดินเล่น”
ปาจรีย์มองรพี เห็นความคาดหวังในสายตาของรพี จะปฏิเสธไปก็ไม่ดี จึงพยักหน้าอย่างจำใจ “ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน พี่รพีรอฉันก่อนนะ”
“โอเค” รพียิ้มตอบ
เมื่อปาจรีย์กลับถึงห้อง คุณแม่ปารวีก็พํดกับเขาเสียงต่ำ “รพี สู้ๆ นะ คุณป้าเชียร์เธอนะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า ผมจะทำให้ได้” รพีพยักหน้า
คุณแม่ปารวีนึกอะไรได้บางอย่าง แล้วพูดขึ้น “รพี คุณป้าอยากให้เธอจีบปาจรีย์ให้ได้จริงๆ นะ แบบนี้ ปาจรีย์จะได้ไม่เอาใจไปวางไว้กับเด็กคนนั้น”
“คุณป้าพูดถึงพงศกรเหรอครับ?” ในตารพีมีประกายขึ้นเล็กน้อย
คุณแม่ปารวีตกใจ “เธอรู้ได้ยังไง?”
“ก่อนที่ผมจะมาจังหวัดจันทร์ผมค้นข้อมูลของ ปาจรีย์มาหน่อยแล้วครับ เลยรู้จักพงศกรคนนี้ แล้วก็รู้ด้วยว่าปาจรีย์ชอบเขา แต่เรื่องอื่นผมไม่รู้” รพีพูด
คุณแม่ปารวีพยักหน้าถอนหายใจ “ใช่ ปาจรีย์ชอบเขา แต่ปาจรีย์กับเขาเป็นไปไม่ได้หรอก ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ปาจรีย์รักเขาข้างเดียวเลย พงศกรเด็กคนนั้นเขาก็ไม่ได้ชอบปาจรีย์ ต่อให้พวกเขาชอบกัน แต่ความแค้นที่ตระกูลจิรดำรงค์กับ อิสริยานนท์มีต่อกันก็ไม่สามารถสงบลงได้หรอก พวกเขาคบกันไม่ได้ ในฐานะพ่อกับแม่ ป้าไม่อยากเห็นปาจรีย์รักพงศกรอย่างทุกข์ระทมอย่างนี้ต่อไปอีกแล้ว เป็นแบบนี้ต่อไป เธอก็มีแต่ทำร้ายตัวเอง เพราะฉะนั้นป้าหวังว่าเธอจะแย่งหัวใจของปาจรีย์มาได้นะ ถึงแม่จะรู้ว่าการทำแบบนี้มันเห็นแก่ตัวมาก แต่……”
“ผมเข้าใจครับคุณป้า” รพียิ้มแล้วตัดบทเธอ “ผมไม่รู้สึกว่าเห็นแก่ตัวนะครับ และจุดประสงค์ที่ผมมาจังหวัดจันทร์ ก็คืปาจรีย์ ในเมื่อต้องการคบกับปาจรีย์ ผมก็ต้องแย่งหัวใจของปาจรีย์มาให้ได้ครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยครับคุณป้า ผมจะทุ่มเต็มที่”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นป้าก็สบายใจ วานหน่อยนะรพี ป้ารู้ การแย่งหัวใจของปาจรีย์มามันไม่ง่ายนัก ระหว่างทางอาจจะทำให้เธอรู้สึกท้อ แต่ป้าหวังว่าเธอจะยืนหยัดต่อไปนะ” คุณแม่ปารวีพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
รพีพยักหน้า “ผมจะทำให้ได้ครับ”
สิ้นสุดเสียงเขา ประตูห้องของปาจรีย์ก็เปิดออก เธอเปลี่ยนเป็นเสื้อโค้ตยาวสบายๆ มองไปที่คุณแม่ปารวีและรพีสองคนด้วยความสงสัย “แม่ แม่คุยอะไรกับพี่รพีเหรอ?รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยปกติ”
“ไม่มีอะไรหรอก เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเหรอ?” คุณแม่ปารวีส่ายหน้า แล้วเปลี่ยนเรื่อง
ปาจรีย์ตอบอืม “เสร็จแล้วค่ะ”
“ในเมื่อเสร็จแล้ว พวกเธอก็รีบไปเถอะ ตอนบ่ายรีบกลับมานะ แน่นอนว่า ไม่ต้องกลับมาก็ได้” คุณแม่ปารวีผลักเธอกับพงศกรออกไปทางประตู
ปาจรีย์ได้ยินที่คุณแม่ปารวีพูด ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ “แม่ แม่พูดอะไรเนี่ย อะไรคือไม่กลับมาก็ได้ พวกเราไม่ใช่……”
ปั้ง!
สิ่งที่ตอบกลับเธอ คือเสียงปิดประตู
ปาจรีย์กระตุกมุมปาก เธอหมดคำจะพูด
แม่ของเธอกระตือรือร้นในการปิดประตูมาก ปกติแล้วทุกครั้งเมื่อเธอออกจากบ้าน ก็จะบ่นอยู่เป็นครึ่งวัน เมื่อเห็นเธอเข้าไปในลิฟต์แล้วถึงจะปิดประตู
แต่วันนี้ นึกไม่ถึงหรือว่าจะปิดประตูไว้ขนาดนี้
ส่ายหน้าอย่างหมดคำจะพูด ปาจรีย์หันไปหาชายหนุ่มด้านข้าง ยิ้มอย่างละอายใจ “ขอโทษนะพี่รพี ที่แม่ฉันพูดเมื่อกี้ไม่สุภาพเลย ช่วงนี้แม่มักจะเร่งฉันให้ไปนัดบอด พูดคุยกับผู้ชาย เธอต้องเป็นพวกคลั่งนัดบอดแน่ อยากจับคู่เรา พี่อย่าไปสนใจเลยนะ แล้วก็อย่าเอามาใส่ใจด้วย”
“พี่รู้ พี่ไม่ได้ใส่ใจ กลับกัน พี่ว่าคุณป้าน่ารักจะตาย” รพีเอามือล้วงกระเป๋า พร้อมกับตามใครเข้าไปในลิฟต์ ถามเธอไปด้วย “คุณป้าเร่งให้เธอนัดบอด เห็นได้ชัดว่าคุณป้าอยากให้เธอเป็นฝั่งเป็นฝาเร็วหน่อย เธอล่ะ?มีความคิดนี้ไหม?”
ปาจรีย์ส่ายหัว “ช่วงนี้ไม่มีหรอก ฉันไม่อยากนัดบอด แล้วก็ไม่อยากแต่งงานด้วย”
เธอไม่มีจริงๆ แล้วก็ไม่กล้ามีด้วย
“ทำไมล่ะ?” รพีกดปุ่มลิฟต์แล้วหันมาถาม
ปาจรีย์ลดเปลือกตาลงแล้วยิ้ม “ไม่ทำไม บางทีฉันอาจจะยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวมั้ง เอาล่ะพูดเรื่องนี้แล้ว พี่รพี ฉันพาพี่ไปดูสวนสาธารณะใกล้ๆ นี่ดีกว่า สิ่งแวดล้อมที่นั่นไม่เลวเลย”
“ได้เลย” รพียิ้มตอบ
ทั้งสองเดินออกจากเขตชุมชนแล้วขึ้นแท็กซี่ ไม่นานก็หายไป
ในเวลาเดียวกัน พงศกรที่อยู่ห่างหลายพันไมล์ก็ได้รับข่าวที่ปาจรีย์ออกจากบ้านไปกับผู้ชายคนหนึ่ง