พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 702 หึงกับเด็กๆ
จูงมือของเด็กทั้งสองขึ้นตึก วารุณีอาบน้ำให้เด็กทั้งสองด้วยตนเอง
พอพูดแล้วก็ ตั้งแต่ที่เธอไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติแล้ว หลักๆ แล้วเด็กทั้งสองจะมีป้าส้มคอยดูแลมาโดยตลอด น้อยมากแล้วที่เธอจะอาบน้ำให้เด็กทั้งสอง
ดังนั้นในคืนนี้ ตอนที่เธออาบน้ำให้เด็กทั้ง เด็กทั้งสองดีใจมากๆ
อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว วารุณีตบตูดของเด็กทั้งสอง แสดงบอกว่าให้พวกเขารีบขึ้นเตียงไปนอน
สองพี่น้องในตอนนี้ยังเด็ก ดังนั้นจึงนอนอยู่ในห้องเดียวกัน และนอนเตียงเดียวกัน
วารุณีและนัทธีอยากจะแยกเตียงให้กับเด็กทั้งสอง ทว่าไอริณติดอารัณมาก บอกว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอม พวกเขาก็สู้เธอไม่ไหว ดังนั้นจึงปล่อยสองพี่น้องไปแล้ว
แต่ว่ารอปีหน้าสองพี่น้องผ่านวันเกิดห้าขวบแล้ว พวกเขาที่เป็นพ่อแม่ ไม่ว่ายังไงก็จะแยกห้องให้เด็กทั้งสองแล้ว
“หม่ามี๊” ไอริณตบไปที่ตรงกลางของเตียง “รีบขึ้นมาค่ะ เล่านิทานให้หนูกับพี่ชายฟังค่ะ”
วารุณีมองดูนัยน์ตาที่รอคอยของเด็กทั้งสอง ยิ้มอ่อน “โอเค หม่ามี๊ขึ้นมานะ”
เธอนอนขึ้นไป นอนอยู่ตรงกลางเตียง เด็กทั้งสองนอนอยู่ข้างขวาเธอคนข้างซ้ายเธอหนึ่งคน จากนั้นก็กอดของของเธอทั้งสองข้าง รอให้เธอเล่านิทาน
จริงๆ แล้วอารัณไม่ได้มีความสนใจกับนิทานเด็กๆพวกนี้ ทว่าที่เขายอมฟัง เป็นเพียงแค่ว่า เขาชอบความรู้สึกในตอนที่ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่
สำหรับไอริณนั้น นอกจากจะชอบการที่พ่อแม่อยู่เตียงข้างแล้ว ก็ชอบฟังนิทานจริงๆ
วารุณีลูบหลังของเด็กทั้งสองเบาๆ กล่อมเด็กทั้งสองไปด้วย พลางเล่านิทานไปด้วย
ร่างกายของเด็กๆ นั้นหลับง่ายอยู่แล้ว นิทานเรื่องหนึ่งของวารุณียังเล่าไม่จบ เด็กทั้งสองก็ถูกเธอกล่อมหลับไปแล้ว
ตามหลักแล้ว หลังจากที่วารุณีกล่อมเด็กทั้งสองหลับแล้ว หน้าที่ของวารุณีก็หมดแล้ว และควรจะกลับห้องของตนเองกับนัทธีแล้ว
แต่ว่ามองดูใบหน้าตอนนอนหลับที่น่ารักของเด็กทั้งสอง รวมถึงมือน้อยๆ ที่จับแขนของเธอแน่น หัวใจของเธอก็หลอมละลายเป็นน้ำอุ่น ไม่ยอม ไม่อยากจากไป
ดังนั้นวารุณีก็ปิดตาไปด้วย ตัดสินใจนอนที่นี่ในคืนนี้
หากจะพูดแล้วก็ ตั้งแต่ที่แต่งงานกับนัทธีแล้ว เธอเหมือนจะไม่ค่อยได้นอนกับเด็กทั้งสองแล้ว
ในไม่ช้า วารุณีก็ดมกลิ่นหอมของนมและกลิ่นหอมแชมพูเด็กบนตัวของเด็กทั้งสอง แล้วค่อยๆหลับไป
ในตอนที่เธอหลับไปไม่นาน นัทธีประชุมเสร็จ เดินออกมาจากห้องหนังสือ กลับไปถึงหน้าห้องนอน ดึงเนกไทไป พลางเปิดประตูไปด้วย
หลังจากที่เปิดประตูแล้ว ข้างในมืดสนิท นี่ทำให้มือที่ดึงเนกไทของนัทธี ต้องหยุดไปชั่วครู่
เกิดอะไรขึ้น?
ไม่มีคนเหรอ?
ต้องรู้ว่าทุกครั้งที่เขาทำงานอยู่ในห้องหนังสือ วารุณีจะรอเขาอยู่ในห้อง หากรอไม่ทัน เธอหลับไปก่อน ก็จะเหลือโคมไฟเล็กๆ ไว้ให้เขา
แต่ในตอนนี้ ห้องนอนมืดสนิท รู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่าไม่มีคนอยู่
เหมือนที่คิดไว้เลย หลังจากที่นัทธีเปิดไฟแล้ว ในห้องไม่มีคนเลย
นัทธีขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยปากเรียก “วารุณี?”
ในห้องไม่มีการตอบรับ
นัทธีเม้มปาก
น่าแปลก ดึกขนาดนี้แล้ว เธอไม่อยู่ในห้อง ไปไหนแล้ว?
สุดท้าย นัทธีนึกถึงสถานที่หนึ่ง หันหลังแล้วเดินตรงไป
ตรงข้างหน้าไม่ไกล ก็คือห้องของเด็กทั้งสอง ไม่แน่ เธออาจจะอยู่ในนั้น
นัทธียกมือเคาะประตูก่อน หลังจากที่ไม่มีคนเปิดประตู เขาจึงจะเปิดประตูห้องของเด็กทั้งสอง
เปิดประตูห้องออก ไฟในห้องสว่าง และเตียงใหญ่ที่อยู่ตรงกลางห้อง สามแม่ลูกนอนอยู่ที่นั่น หลับสนิทสบายมาก
นัทธีเห็นวารุณีแล้ว เก็บใจที่กังวลในเมื่อกี้กลับเข้าที่เดิม ทั้งโมโหและทั้งน่าตลก
เขากลับถึงห้องแล้วไม่เจอเธอ เป็นห่วงว่าเธอจะไปไหน ยังออกมาตามหาเธอเป็นพิเศษด้วย
ปรากฏว่าหลับกับเด็กทั้งสองอย่างสบายขนาดนั้น ไม่พูดกับเขาเลยสักนิด ทำเอาเขาหาไปทั่ว
ไม่ได้ ในเมื่อเธอไม่เชื่อฟังขนาดนั้น งั้นก็ต้องได้รับการลงโทษ
นัยน์ตาขอนัทธีมีแสงมืดผ่านไป เดินไปยังทางเตียงด้วยเท้าเดินที่เบา
เดินไปถึงข้างเตียง เขาเอียงตัวเล็กน้อย เปิดผ้าห่มออก แล้วมือข้างหนึ่งสอดเข้าไปยังใต้ศีรษะของวารุณี มือข้างหนึ่งสอดไปยังใต้เข่าของเธอ แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
นัทธีอุ้มวารุณีแล้วเดินไปทางโซฟา เดินไปถึงตรงหน้าโซฟาแล้ว เขาวางวารุณีลงบนโซฟา แล้วเดินกลับไปยังข้างเตียง ห่มผ้าให้เด็กทั้งสองอีกครั้ง จึงจะกลับมายังตรงโซฟา อุ้มวารุณีขึ้นมาอีกครั้ง เดินตรงไปทางประตู
ระหว่างที่เดิน ศีรษะของวารุณีที่นอนพิงอยู่ตรงหน้าอกขยับเล็กน้อยตามเท้าเดินของเขา จากนั้นหน้าผากของเธอก็ไม่ระวังไปสัมผัสโดนเนกไท ตัวสั่นจากการสัมผัสความเย็นของเนกไท แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” หลังจากที่ตื่นแล้ว วารุณีรู้สึกว่าตนเองกำลังขยับ เธอตกใจมากๆ
จนกระทั่งบนศีรษะมีเสียงต่ำของผู้ชายดังผ่านมา จึงจะได้สติกลับมา ตัวเองไม่ได้บินขึ้นมา แต่ว่าถูกคนอุ้มแล้วเดินอยู่
“อย่าขยับ เดี๋ยวตกลงไปแล้ว” น้ำเสียงที่แหบของนัทธีพูดเตือน
วารุณีเงยหน้าขึ้นมาเขา “นัทธี ทำไมนาย……”
“ฉันทำงานเสร็จกลับมา เห็นเธอไม่อยู่ในห้อง จากนั้นก็ไปที่ห้องของอารัณและไอริณ เห็นเธอนอนอยู่ในนั้น” นัทธีพูดอธิบาย
วารุณีเข้าใจทั้งหมดขึ้นมาทันที “ดังนั้นนายก็เลยอุ้มฉันออกมา?”
“อื้ม” นัทธีพยักหน้า
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “นายอุ้มฉันทำไม ฉันตั้งใจอยู่กับเด็กข้างใน ตัดสินใจจะนอนกับเด็กๆ ในคืนนี้”
“เธอนอนกับเด็กๆ ก็ไม่นอนกับฉันสามีเธอแล้วเหรอ?” นัทธีก้มหน้ามองเธอ
สบตากับนัยน์ตาที่ลึกซึ้งของผู้ชาย วารุณีเหลือกตาขาว “ฉันนอนกับนายทุกวันยังไม่พอเหรอ? จำเป็นต้องหึงกับเด็กทั้งสองด้วยเหรอ?”
“จำเป็น ไม่พอ!” นัทธีตอบกลับอย่างไม่ลังเล “เธอคือภรรยาของฉัน ต้องนอนกับฉันอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อที่จะลงโทษเธอที่ไม่บอกฉันในวันนี้ แล้วอยู่กับเด็กทั้งสองที่นั่นเลย เธอต้องชดเชยให้ฉันดีๆ?”
“ชดเชย?” วารุณีกะพริบตา “ชดเชยอะไร?”
นัทธีอุ้มเธอเดินเข้าไปในห้อง แล้วใช้ขาถีบประตูข้างหลัง ปิดประตู อุ้มเธอเดินตรงไป จนกระทั่งถึงข้างเตียง เขาปล่อยเธอลงกะทันหัน
ร่างกายของวารุณีตกลงไปยังข้างล่างแบบนี้ ทั้งตัวของเธอล้มลงบนเตียง
โชคดีที่เตียงนุ่ม เธอล้มลงกะทันหันจึงไม่ได้บาดเจ็บ และไม่รู้สึกเจ็บ ทว่าจะตกใจ
วารุณีส่ายหัวที่วิงเวียน มองดูผู้ชายที่อยู่ข้างเตียงอย่างโมโห “นายทำอะไร?”
“ทำอะไร?” นัทธีดึงเนกไทออกแล้วทิ้งออกไประหว่างอากาศ
เนกไทลอยผ่านอยู่บนอากาศเป็นกราฟพาราโบลารูปโค้ง ตกอยู่บนพื้น แล้วเขาเอนตัวลง มุดศีรษะอยู่ตรงข้างหูเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบ “เธอว่าล่ะ?”
เบ้ที่มุมปาก
เข้าใจแล้ว
ที่แท้การลงโทษของเขาก็คือสิ่งนี้
“เธอไม่ได้อยู่กับฉันหลายวันแล้ว ดังนั้นคืนนี้ เธออย่านอนแล้ว”
พูดจบ นัทธีก็กัดหูของเธอ……
นัทธีพูดได้ก็ทำได้จริงๆ บอกว่าไม่ให้วารุณีหลับ ทั้งคืนนี้วารุณีไม่ได้หลับจริงๆ ถึงแม้จะสลบก็ทำไม่ได้
เพราะว่าตอนที่นัทธีเห็นว่าเธอมีอาการจะสลบ ก็รีบคิดหาวิธีทันที ให้เธออยากหลับก็หลับไม่ได้ อยากสลบก็สลบไม่ได้ ถูกเขาทรมานเป็นๆ ทั้งคืน จนกระทั่งตอนที่ฟ้าค่อยๆ สว่าง เขาจึงจะยอมปล่อยเธอ ให้เธอหลับไป
นัทธีไม่ได้หลับ ลุกขึ้น ทั้งคนเดินเข้าห้องน้ำอย่างกระฉับกระเฉง
สภาพของเขาแบบนี้ มองไม่ออกเลยว่าเมื่อคืนออกกำลังกายทั้งคืนจนไม่ได้นอน ในทางกลับกันทั้งคนของเขากลับมีสภาพดีมาก
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยเดินออกมา นัทธีเปลี่ยนชุดออกกำลังกาย จากนั้นก็ออกจากห้องเบาๆ ออกไปวิ่งแล้ว
รอให้วารุณีตื่นแล้ว ก็เป็นเวลาสิบโมง
ส่วนนัทธี ไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปตั้งแต่เช้าแล้ว
วารุณีมองดูทั้งตัวของตนเองเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรัก รวมถึงร่องรอยพวกนั้นบนเตียง เบ้ปากที่มุมปาก ทั้งหน้าของเธอแดงไปหมด
นึกถึงวิธีต่างๆ นานา ที่นัทธีให้เธอเล่นเมื่อวาน เธอปิดหน้า นานมากกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ เดินออกมาจากความเขินอาย ลุกจากเตียงแล้วไปล้างหน้า