พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 710 ซุบซิบนินทา
“เดิมพันก็เดิมพัน แต่ว่าใช้อะไรเดิมพันล่ะ?”
ในกลุ่มมีคนถาม
และคือปัญหาที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด ไม่ว่ายังไงแล้วหากสิ่งที่ใช้เดิมพันไม่สามารถนำออกมาได้ พวกเขาก็บางคนไม่อยากร่วมด้วยไม่ใช่เหรอ?
มีคนหนึ่งหัวเราะ จากนั้นก็รีบพิมพ์ออกมาว่า “เดิมพันด้วยLOUIS XIIIขวดหนึ่ง”
“LOUIS XIII! ได้นะไอ่หนุ่ม เล่นใหญ่จริงๆ ได้ ฉันเดิมพัน”
“ฉันก็เดิมพัน”
คนอื่นๆ ต่างก็ตอบรับ ต่างก็ร่วมการเดิมพัน
จากนั้นทุกคนก็วางโทรศัพท์ลง จ้องไปทางนัทธี
นัทธีได้รับสายแล้ว ขยับริมฝีปากบางเบาๆ เรียกชื่อออกมาว่า “ที่รัก”
สองคำนี้ ทำเอาคนที่อยู่ในห้องประชุม ทั้งดีใจและทั้งเสียใจ
คนที่ดีใจก็คือคนที่เดาผลถูก คนที่เดิมพันชนะ
และคนที่เครียดและเสียใจ ก็คือพวกที่เดาผิด คนที่เดิมพันผิด
คนกลุ่มนี้ จะต้องซื้อLOUIS XIIIคนละชวด ให้คนที่เดิมพันชนะ
แต่โชคดีที่พวกเขาต่างก็เป็นบรรดาผู้สูงศักดิ์ ฐานะสู‘ส่ง LOUIS XIIIชวดหนึ่งถึงแม้จะมีราคาแพง ทว่าก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อไม่ไหว ดังนั้นในไม่ช้าคนพวกนี้ก็ปล่อยวางแล้ว
หัวโต๊ะในห้องประชุม นัทธียังคุยโทรศัพท์กับวารุณีอยู่ ท่าทางสวีทนั้น ทำเอาคนที่อยู่ในห้องเสียวฟันไปหมด
เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยนินทาเรื่องพวกนี้ลับหลัง ประธานที่เย็นชาไร้ความรู้สึก หลังจากที่เข้าสู่โหมดความรักแล้วจะเป็นอย่างไร ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม หรือว่าจะถอดเปลือกภายนอกที่เย็นชาลง แล้วอ่อนโยนขึ้นมาล่ะ?
ความจริงยืนยันแล้วว่า ประธานอยู่ในกรณีหลัง หลังจากแต่งงานแล้ว เปลี่ยนไปทั้งคนเลย กลายเป็นคนอ่อนโยน น้ำเสียงที่พูดก็อ่อนหวานมาก
แน่นอนว่า นี่เป็นแค่กับคุณหญิง ไม่ใช่กับพวกเขา ท่าทีที่มีต่อพวกเขา ยังคงเหมือนกับเมื่อก่อน เย็นชาเยือกเย็น
แต่ว่านี่ก็น่าตกใจจริงๆ หากเมื่อก่อนมีคนบอกพวกเขา หลังจากที่ประธานมีแฟนและแต่งงาน ก็กลายเป็นคนที่อ่อนโยน พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน ยังจะรู้สึกอีกว่าคนคน นั้นต้องแกล้งพวกเขาอยู่แน่นอน
ทว่าความจริงยืนยันแล้วว่า มีเรื่องบางอย่าง ไม่เชื่อไม่ได้จริงๆ คนบางคน พอมีแฟนและแต่งงาน เหมือนว่าสติแบ่งแยกไปเลย
อื้มถูก สิ่งที่พวกเขาพูดก็คือประธาน
ที่ตำแหน่งหลัก นัทธีเหมือนรับรู้ได้ว่าคนพวกนี้กำลังนินทาเขา นัยน์ตาค่อยๆ หรี่ตาลง จากนั้นก็คุยกับทาโทรศัพท์ว่า “ฉันรู้แล้ว เธออยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองดีๆ ระวังความปลอดภัย มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉัน แล้วก็ ตอนที่กลับมาบอกกับฉันด้วย ฉันไปรับเธอที่สนามบิน”
“โอเค” วารุณียิ้มแล้วพยักหน้า
นัทธีวางโทรศัพท์ลง วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็หรี่ตาแล้วเหลือบไปมองคนกลุ่มนั้นในห้องประชุมอย่างเย็นชา “เมื่อกี้พวกนาย นินทาฉันอยู่ใช่ไหม? ”
ทุกคนต่างก็พยักหน้า “ไม่มีไม่มีครับ ไม่มีแน่นอนครับ!”
“ใช่เหรอ?” นัทธีเม้มปาก ชัดเจนเลยว่าไม่เชื่อ
ทุกคนรีบอธิบาย “ประธาน เชื่อพวกเราเถอะครับ พวกเราไม่ได้นินทาจริงๆ ครับ”
ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนี้ ทว่าบนใบหน้าของพวกเขาก็ยังมีความรู้สึกผิด ปกปิดไม่ได้เลย
นัทธีฮื้มไปหนึ่งเสียง “พอแล้ว ประชุมต่อ”
เขาไม่ได้มีความหมายที่จะจับจ้องคนพวกนี้ไม่ปล่อย
เพราะเขาเข้าใจดี การซุบซิบคือธรรมชาติของคน และเขาที่เป็นผู้ดูแลบริษัท ก็คือบุคคลที่ผู้อื่นจะนำไปซุบซิบนินทา
บวกกับตอนที่เขารับสาย ก็ไม่ได้ออกไปรับข้างนอก แน่นอนว่าคนพวกนี้จะอยากรู้อยากเห็นมากกว่าปกติ อดซุบซิบนินทาไม่ไหวก็ถือเป็นเรื่องปกติ
และถึงแม้เขาจะออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก คนพวกนี้ก็เป็นเหมือนเดิม
การประชุมดำเนินต่อ ทุกคนต่างก็รู้ว่านัทธีไม่ได้มีท่าทีที่คิดหยุมหยิมพวกเขา ทันใดนั้นก็โล่งอกไปที
พวกเขากลัวจริงๆ ว่าประธานจะคิดหยุมหยิมกับพวกเขา แล้วสุดท้ายก็จับได้ว่าพวกเขานำเขามาเดิมพัน
ไม่เช่นนั้น พวกเขาต้องจบแล้วแน่ๆ
เมืองธารา
หลังจากที่วารุณีคุยโทรศัพท์กับนัทธีเรียบร้อยแล้ว ก็วางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง ไปที่ห้องอาบน้ำ แช่ตัวในอ่างน้ำสวยๆ ดูทีวีสักพัก จากนั้นก็ขึ้นเตียงหลับ
เช้าวันที่สอง วารุณีถูกนาฬิกาปลูกตื่น
เธอหาวไปหนึ่งทีแล้วลุกขึ้น บิดขี้เกียจ จึงจะเลิกผ้าห่ม ใส่รองเท้าแล้วเดินไปเปิดประตู
คนที่ยืนอยู่นอกประตูคือผู้จัดการโรงแรม
ผู้จัดการเห็นเธอแล้ว รีบโค้งคำนับทำความเคารพ จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีมารยาท “คุณหญิง อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์” วารุณีพยักหน้า ตอบกลับ
หลังจากนั้น ผู้จัดการถือถุงจากพื้นขึ้นมาสองสามถุง ยื่นให้กับเธอ “คุณหญิง นี่คืออาหารเสริมและเสื้อผ้าที่คุณขอให้โรงแรมของเราซื้อให้คุณเมื่อวานนี้ครับ”
“ขอบใจพวกนายนะ” วารุณียิ้มรับ
เมื่อวานในตอนที่เธอเข้ามาพักในโรงแรม ก็ได้จัดให้โรงแรมซื้ออาหารเสริมและเสื้อผ้าเล็กน้อยก่อนเวลาเก้าโมงเช้า วางแผนจะไปเยี่ยมพ่อแม่ของปาจรีย์ และมอบให้พ่อแม่ปาจรีย์
หากเธอไปซื้อเอง จะต้องวิ่งหลายที่แน่นอน เพราะว่าเธอไม่คุ้นเคยกับเมืองธาราเลย
“ไม่เป็นไรครับคุณหญิง นี่คือสิ่งที่พวกเราควรทำครับ จริงด้วยครับคุณหญิง หลังจากนี้มีการแพลนอะไรไหมครับ” ผู้จัดการไถ่ถาม
วารุณียกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เป็นเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว จากนั้นก็วางแขนลง ตอบกลับว่า “เตรียมรถให้ฉัน ฉันจะใช้ประมาณเก้าโมงครึ่ง”
“ได้ครับ” ผู้จัดการพยักหน้า จากนั้นก็พูดต่อว่า “งั้นคุณหญิงครับ ผมลงไปก่อนนะครับ เดี๋ยวให้คนส่งอาหารเช้าขึ้นมาครับ”
“อื้ม” วารุณีปิดประตู
กลับไปถึงห้อง เธอวางถุงในมือสองสามถุงลงบนโซฟา จากนั้นก็นำออกตรวจมาดูทีละอย่าง
สุดท้ายเห็นว่าพวกอาการเสริมและเสื้อผ้าต่างก็ดี ดูเหมือนว่าโรงแรมจะตั้งใจเตรียมให้เธอ
แบบนี้เธอก็วางใจแล้ว
นำพวกนี้เก็บใส่ถุงใหม่ วารุณีลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องน้ำ เริ่มล้างหน้าแปรงฟัน
หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว อาหารเช้าก็ส่งมาแล้ว
เธอทานไปเล็กน้อย แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกบ้าน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถจอดอยู่ที่หน้าประตูหมู่บ้านตระกูลดำรงค์
การปรากฏตัวของรถหรูในแบบรถหรูขนาดยาว ดึงดูดความสนใจของคนในหมู่บ้านขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าหมู่บ้านนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นหมู่บ้านธรรมดา ถือว่าเป็นหมู่ระดับกลางแล้ว ปกติแล้วรถดีๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่รถที่ดีแบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ
รถแบบนี้ ตามหลักแล้ว น่าจะปรากฏอยู่หน้าวิลล่าจึงจะถูก แต่ไม่ใช่หมู่บ้านแบบนี้ของพวกเขา
เพราะแบบนี้ คนในหมู่บ้าน ต่างก็มองไปทางรถ อยากเห็นว่าคนบนรถ คือใครกันแน่
มีผู้อาวุโสบางท่าน ถึงขั้นเริ่มซุบซิบนินทาเสียงเบาขึ้นมา คาดเดาว่าใช่ลูกของบ้านไหนที่เจริญพัฒนาแล้ว จึงขับรถแบบนี้กลับมา
“คุณหญิง ถึงแล้วครับ” คนขับรถจอดรถอย่างคงที่แล้ว จึงจะหันหลังไปพูดกับวารุณีทางที่นั่งหลัง
วารุณีหันไปมองประตูของหมู่บ้านทางหน้าต่าง พยักหน้า แสดงออกว่ารู้แล้ว
จากนั้นคนขับรถก็ลงจากรถก่อน อ้อมมาทางประตูรถที่วารุณีนั่ง ภายใต้การมองที่ประหลาดใจของพูดคน เปิดประตูออก ค่อยๆ โค้งเอวลง ทำท่าเชิญลงมา
วารุณีถือถุงสองสามถุงลงจากรถ
คนในหมู่บ้านเห็นเธอ ต่างก็ตกใจกันหมด
“อัยโย สุดยอดจริงๆ แม่หญิงคนนี้สวยมาก สวยกว่าดาราพวกนั้นในทีวีไม่รู้เท่าไหร่”
“ใช่แล้ว ฉันแก่มาถึงอายุปูนนี้แล้ว เป็นครั้งแรกเลยที่เจอผู้หญิงสวยขนาดนี้”
“ไม่เพียงแค่สวย ยังมีเงินด้วย เธอดูอาหารเสริมที่นางถือในมือสิ ฉันเคยเห็นที่บ้านของเจ้านายผู้ชายบ้านฉันมาก่อน กล่องละหลายแสนเลย เธอถือมาเยอะขนาดนี้ คงจะหลายล้านแล้ว แล้วก็คนที่เปิดประตูนั่นอีก คือคนขับรถสินะ มีคนขับรถโดยเฉพาะ บ้านของแม่หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เฮ้อ” คุณป้าคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชด
“พระเจ้า กล่องละหลายแสน นี่กินทองเหรอ” มีคนตกใจ
คุณป้าเบ้ปาก “นั่นนะสิ”
“พวกเธอว่า ยัยเด็กนี่มาที่นี่ทำไม? มาหาแฟนเหรอ? พวกเธอว่าบ้านไหนที่โชคดีขนาดนี้ สามารถหาผู้หญิงที่รวยขนาดนี้มาเป็นลูกสะใภ้?”