พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 715 ไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว
“แน่นอนครับ” รพีหรี่ตาแล้วยิ้มตอบกลับ
ปาจรีย์เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาจากห้อง เห็นบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างวารุณีและรพี ไม่ค่อยเข้าใจ “วารุณี พี่รพี เมื่อกี้พวกพี่คุยอะไรกัน อะไรแน่นอนเหรอ?”
“ไม่มีอะไร คุณรพีคุยเรื่องงานกับฉันน่ะ” วารุณีดื่มน้ำ ยิ้มตอบกลับ
รพีพยักหน้าตาม แสดงออกว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ
ชัดเจนเลยว่าปาจรีย์ไม่เชื่อ มองเธอ แล้วมองรพี “พวกเธอคุยเรื่องงาน? พวกเธอคนหนึ่งเป็นดีไซเนอร์ คนหนึ่งเป็นประธานของโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ใช่อาชีพเดียวกันเลย จะคุยเรื่องงานได้ยังไง”
“ใครว่าคุยไม่ได้? บริษัทอุตสาหกรรมของคุณรพี สามารถช่วยบริษัทของเราในการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ใหม่ได้ พวกเราคุยเรื่องนี้กันไง” วารุณีมองลงล่าง ตอบกลับโดยปิดบังความรู้สึกผิดในแววตาของตนเอง
รพียิ้มตอบ “ใช่แล้วปาจรีย์”
เห็นทั้งสองพูดอย่างจริงจัง ปาจรีย์ยักไหล่ “เอาเถอะ ดังนั้นวารุณี เธอตัดสินใจจะร่วมงานกับพี่รพี?”
“มีความคิดนี้” วารุณีตอบกลับไปประโยคหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “พอแล้วปาจรีย์ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว รีบมานั่ง”
เธอตบไปยังที่นั่งข้างๆ ของตนเอง
ปาจรีย์เดินไปนั่งลง ที่นั่งใกล้กับรพีพอดี
วารุณีลุกขึ้น “เฮ้ย ฉันลืมไปเรื่องหนึ่ง รอแป๊บนะปาจรีย์ ฉันออกไปคุยโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวคุยเสร็จแล้ว ฉันกลับมาคุยกับเธอดีๆ”
พูดจบ เธอหยิบโทรศัพท์ เดินออกไปทางระเบียง
ปาจรีย์เอนศีรษะด้วยความสงสัย “แปลกจัง ทำไมฉันรู้สึกว่าวารุณีดูผิดปกติ ดูชิวๆ ประหม่าๆ นี่ไม่เหมือนเธอเลย อีกอย่างฉันรู้สึกว่า เหมือนเธอกำลังหนีอะไรบางอย่าง”
นัยน์ตาของรพีมีแสงแวววาวผ่านไป ยิ้ม แล้วยื่นน้ำให้เธอ “คุณหญิงไชยรัตน์จิตใจดีจริงๆ”
“ห๊ะ?” ปาจรีย์สับสนยิ่งกว่าเดิม “จิตใจดี? จิตใจดีอะไร?”
“ความลับ” รพีดื่มน้ำ เห็นได้ชัดเลยว่าจะไม่คุยกับเธอให้ชัดเจน
วารุณีทำแบบนี้ ก็เพราะว่าอยากให้เขาและปาจรีย์สมหวัง ดังนั้นถึงได้ให้ปาจรีย์นั่งลง ตัวเองหาข้ออ้างออกไป เพื่อที่จะเหลือพื้นที่ให้เขาและปาจรีย์ เพิ่มพูนความสัมพันธ์
ดูเหมือนว่าผู้สนับสนุนเขาก็เยอะนะเนี่ย ก่อนหน้านี้มีคุณลุงไกรวิชญ์และคุณป้าปารวีสนับสนุนให้เขาคบกับปาจรีย์ ตอนนี้มีเพื่อนที่ดีที่สุดของปาจรีย์มาสนับสนุน สามารถเห็นได้เลยว่ายัยพงศกรนั่นไม่เป็นที่ชื่นชอบในใจพวกเขาเพียงไหน
แต่ว่าแบบนี้ก็ดี คนที่ปาจรีย์ใส่ใจ ต่างก็สนับสนุนฝ่ายเขา ปาจรีย์ก็อาจจะคบกับเขาเพราะสิ่งนี้ก็เป็นได้
และยัยพงศกรนั่น ก็จะถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง
จริงๆ จากที่เขาดูมา ยัยพงศกรนั่นควรจะถูกกำจัดตั้งนานแล้ว คนที่ทำร้ายเป็นแต่ปาจรีย์ มีสิทธิ์อะไรได้ปาจรีย์ไป
มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์มากที่สุด
ในไม่ช้า หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันแล้ว รพีก็จากไป กลับไปยังโรงแรมที่เขาพัก
ที่บังเอิญคือ โรงแรมนั้นกลับเป็นโรงแรมที่วารุณีพัก และเป็นห้องเพรสซิเดนเชียล สวีทเช่นกัน
ตามที่ปาจรีย์พูด รพีอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน ไม่ได้มีความหมายที่จะอยู่ยาวในเมืองธารา ดังนั้นเขาไม่ได้ซื้อบ้านอะไรไว้ที่เมืองธารา จึงพักที่โรงแรม
วารุณีไม่ได้ใส่ใจในสิ่งนี้ เธอล้างมือออกมาจากห้องน้ำ มายังหน้าประตูห้องของปาจรีย์ ยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามา” เสียงของปาจรีย์ดังมาจากข้างใน
วารุณีเปิดประตูเข้าไป “ปาจรีย์”
“วารุณีเหรอ” ปาจรีย์กำลังดูรูปถ่ายอยู่ ได้ยินเสียงของเธอ เงยหน้าแล้วยิ้มกับเธอ
วารุณีอื้มตอบกลับ ยกเท้าแล้วเดินไป ก้มหน้ามองไปยังตรงเข่าของเธอ “นี่คืออัลบั้มภาพถ่ายเหรอ?”
“อื้ม ค้นออกมาเมื่อกี้ จู่ๆ ก็อยากดูรูปถ่ายในอดีต คิดถึงความหลังซะหน่อย” ปาจรีย์มองลงล่าง ยิ้มที่มุมปากแล้วพูด
วารุณขมวดคิ้ว
สีหน้าของปาจรีย์ในตอนนี้ยิ้มอยู่แท้ๆ แต่ว่าในสายตาของเธอ รอยยิ้มนั้นกลับไม่ใช่รอยยิ้มที่จริงใจ แต่ในทางกลับกันคือความขมขื่น คือรอยยิ้มที่โดดเดี่ยว
วารุณีบีบฝ่ามือ “ปาจรีย์ เกิดอะไรขึ้น?”
“ห๊ะ?” ปาจรีย์มองเธอด้วยสีหน้าที่สับสน “อะไรเกิดอะไรขึ้น?”
วารุณีเดินไปนั่ง “ก็ความผิดปกติสองสามวันนี้ของเธอไง ปาจรีย์ บอกฉันมา เธอเป็นอะไรกันแน่ อย่าคิดว่าจะไม่ตอบ ฉันมาเมืองธาราครั้งนี้ นอกจากมาเยี่ยมคุณอาคุณน้าแล้ว เป้าหมายหลักๆ ก็เพราะเธอ เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ถึงได้วางใจไม่ลง มาหาเธอ เพราะอยากถามให้ชัดเจน เธอเป็นอะไรกันแน่”
มองดูท่าทีที่เคร่งเครียดของวารุณี ความรู้สึกผิดในใจของปาจรีย์เพิ่มมากขึ้น
เธอจับอัลบั้มภาพถ่ายในมือแน่น ผ่านไปนานมากจึงจะสูดหายใจลึกแล้วพูด “ขอโทษนะวารุณี ฉันไม่สามารถพูดได้จริงๆ ฉันพูดได้แค่ว่า ฉันกำลังทำเรื่องเรื่องหนึ่ง และเรื่องนั้น หากฉันบอกเธอ เธอก็จะห้ามฉันแน่นอน แต่ว่าเรื่องนั้น คือเรื่องที่ไม่สามารถห้ามได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นความพยายามที่ทุ่มเทไปก่อนหน้านี้จะเสียเปล่าหมด ดังนั้นวารุณี เธอไม่ต้องถามแล้วได้ไหม?”
เธอมองตาของวารุณี “รอให้เรื่องนั้นสำเร็จแล้ว ถึงแม้ฉันไม่พูด เธอก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
วารุณีได้ยินการปฏิเสธของเธอ ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “บอกแล้วฉันก็จะห้ามเธอ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรสินะ?”
ดวงตาของปาจรีย์สั่นไหว ก้มหน้าลง เงียบสงบไม่พูด ถือว่ายอมรับแล้ว
วารุณีนวดขมับ “ดังนั้นเพราะแบบนี้ ฉันก็เลยเป็นห่วงเธอไงปาจรีย์”
“ฉันรู้วารุณี” ปาจรีย์เผยรอยยิ้มที่เฉยเมยออกมา “ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน ดังนั้นฉันดีใจมาก ฉันดีใจมากจริงๆ แต่ว่าวารุณีเธอต้องรู้ว่าทุกคนล้วนมีความลับ ล้วนมีสิ่งที่ตนเองอยากทำ และเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เรื่องนั้นฉันวางแผนไว้แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงอีก ดังนั้นวารุณี เธออย่าถามอีกเลย อาจจะเพราะการถามของเธอ ทำให้แผนการของฉันล้มเหลว งั้นสิ่งที่ฉันทำไป ก็สูญเปล่าหมดเลยไม่ใช่เหรอ??”
“……” ประโยคนี้ ทำเอาคำพูดของวารุณีจุกอยู่ในลำคอ ผ่านไปสักพักจึงจะพูดออกเสียง “โอเค ฉันไม่ถามแล้วว่าเธอจะทำอะไรกันแน่ แต่ว่าฉันมีคำถามหนึ่ง ต้องการให้เธอช่วยตอบหน่อย เรื่องที่เธอจะทำ เกี่ยวข้องกับพงศกรใช่ไหม”
ริมฝีปากของปาจรีย์ขยับเล็กน้อย มีความไม่อยากพูด
แต่ว่าเห็นนัยน์ตาของวารุณีแล้ว สุดท้ายก็ใจอ่อนพยักหน้า “อื้ม เกี่ยวข้องกับพงศกรเล็กน้อย แต่ว่าไม่เกี่ยวข้องมากมาย”
เพื่อที่จะไม่ให้วารุณีคิดถึงเรื่องที่เธอจะทำ เธอทำได้แต่พยายามให้เกี่ยวข้องกับพงศกรน้อยที่สุด
วารุณพยักหน้า “นี่ก็พอแล้ว เอาเถอะ ฉันเคารพเธอ ฉันไม่ถามแล้ว แต่ว่าปาจรีย์ เธอต้องตกลงกับฉัน รอให้แผนการของเธอสำเร็จแล้ว เธอต้องกลับจังหวัดจันทร์ กลับไปยังบริษัทของเราใหม่ รับผิดชอบในตำแหน่งรองประธาน ตำแหน่งของเธอ เป็นได้เพียงแค่ของเธอ เข้าใจไหม?”
เธอตบไหล่ของปาจรีย์ “ตอนนั้นเราเคยคุยกันว่า จะพัฒนาให้บริษัทเจริญรุ่งเรืองด้วยกัน สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ตอนนี้ความฝันของเรายังเหลืออีกหนึ่งในสามที่ไม่สำเร็จ ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะไม่ให้ฉันไปทำคนเดียว แบบนั้นมันเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ตัดสินใจตามนี้ละกันปาจรีย์ ฉันรอเธออยู่ที่จังหวัดจันทร์”
พูดจบ หลังจากที่เธอยิ้มอ่อน หันหลังแล้วเดินออกจากห้องของปาจรีย์
ปาจรีย์เห็นท่าทีของเธอแล้ว ดวงตาแดงฉ่ำขึ้นมาทันที ผ่านไปนานมาก มีตำตาไหลลงมาหนึ่งหยด ในปากพูดพึมพำว่า “ขอโทษนะวารุณี ความฝันนี้ ฉันคงทำไม่สำเร็จแล้ว และฉันต้องผิดคำสัญญากับเธอแล้ว ขอโทษนะ……”
แตะแตะ น้ำตาไหลลงมาอีกหยด ตกอยู่บนรูปถ่ายหนึ่งอัลบั้มภาพถ่าย
ภาพถ่ายนั้น เป็นพงศกรพอดี
ข้างบนนั้นใบหน้าของพงศกรอ่อนวัย ใบหน้ามีรอยยิ้ม รอยยิ้มใสซื่อสดใส
นั่นเป็นพงศกรในดั้งเดิม และคือพงศกรที่ร่าเริงมากที่สุด คิดถึงมากที่สุด ในความทรงจำของเธอ
พงศกรในตอนนั้น ยังไม่ได้เสียพ่อแม่ไป ดังนั้นยังสดใสร่างเริง
แต่ว่าในตอนนี้ ไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว ไม่มีอะไรสามารถย้อนกลับไปได้แล้ว…