พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 728 ปาจรีย์ท้อง
“คุณคิดว่าผมจะล้อคุณเล่น?”นัทธีขมวดคิ้ว มองเขาอย่างไม่พอใจ
มารุตรีบส่ายมือ“ไม่ครับ ผมแค่ตกใจมาก ดังนั้นในตอนแรกเลยไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตายล่ะ?แล้วเธอไม่รอดแล้วเหรอครับ?”
“ยังรอด พ่อแม่เธอไปพบเข้าไว เลยช่วยได้ทันเวลา”นัทธีเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วพูด
มารุตโล่งอก“งั้นก็ดี ถ้าคุณปาจรีย์เป็นอะไรไปจริง คุณหญิงต้องใจสลายแน่”
นัทธีไม่ปฏิเสธ
วารุณีใจสลายไปนิดหน่อยแล้ว
เมื่อกี๊ได้ยินเสียงวารุณี ผิดปกติอย่างมาก
เขาคิดว่า วินาทีที่วารุณีได้ยินว่าปาจรีย์ฆ่าตัวตาย จะต้องเกือบหมดสติไปแน่
“ประธาน ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหน?ไปดูคุณปาจรีย์เหรอครับ?”มารุตถาม
แต่ในใจนั้นแน่ใจแล้ว ว่าไปหาปาจรีย์แน่
ไม่งั้นประธานจะขัดจังหวะการประชุม แค่เพราะเรื่องที่คุณปาจรีย์เกิดเรื่องได้อย่างไร
ต้องรู้ว่าการประชุมครั้งนี้ คาดการณ์ว่าน่าจะสักสองชั่วโมง แต่ตอนนี้เพิ่งหนึ่งชั่วโมงเอง
ดังนั้นไม่ได้ไปดูคุณปาจรีย์ เขาก็คิดอย่างอื่นไม่ออก
จริงๆด้วย การคาดเดาของมารุตก็ได้รับการยืนยันในไม่ช้า นัทธีเงยคางขึ้นพูด:“อือ ไปดูเธอ เธอช่วยผมกับวารุณี และเด็กทั้งสองคนไว้เยอะมาก ไม่ไปไม่ได้”
“ก็เป็นตามนี้จริง”มารุตพยักหน้า
“แจ้งทางสนามบิน ผมจะใช้เครื่องบิน ลำขนาดกลางก็ได้”นัทธีออกจากลิฟต์แล้วสั่งไป
มารุตตอบทันที“ครับ”
แป๊บเดียว สี่คนพ่อแม่ลูก รวมทั้งมารุต ก็ขึ้นเครื่องบิน บินไปที่เมืองธารา
วารุณีไม่ได้บอกเด็กทั้งสองคนว่าเกิดอะไรขึ้นที่เมืองธารา เพราะว่าความรู้สึกของเด็กทั้งสองกับปาจรีย์นั้นดีมาก ถ้าตอนนี้ให้เด็กทั้งสองคนรู้เรื่องของปาจรีย์ กลัวว่าจะร้องไห้หมดสติ
ดังนั้นรอให้ถึงสถานที่ ให้เด็กทั้งสองคนรู้เองละกัน
และแบบนี้ เด็กทั้งสองคนก็ยังคิดว่าพ่อแม่พาพวกเขาไปเที่ยว
แน่นอนว่า อารัณเห็นท่าทางสลดของหม่ามี๊ ก็เดาได้ว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่
แต่หม่ามี๊ไม่ยอมพูด เขาก็ไม่ถาม
หนึ่งชั่วโมงครึ่งถัดมา เครื่องบินก็จอดลงที่สนามบินของเมืองธารา
พวกเขาลงจากรถ เดินออกจากสนามบินก็มีรถกำลังรอพวกเขาอยู่
บนรถ วารุณีบอกที่อยู่ไป
ได้ยินว่าโรงพยาบาล ในที่สุดอารัณก็ทนไม่ไหว ถามไปว่า:“หม่ามี๊ คุณปู่ภูหรือคุณย่าณาป่วยเหรอครับ?”
เขารู้ว่าพ่อแม่ของแม่บุญธรรมอยู่ที่เมืองธารา
ตอนนี้พ่อแม่พาพวกเรามาเมืองธารา และยังไปที่โรงพยาบาลโดยตรงอีก จะต้องเป็นคุณปู่ภูคุณย่าณาที่ป่วยแน่
ยังไงร่างกายคุณปู่ภูคุณย่าณาก็ไม่ดีขนาดนั้นอยู่แล้ว มองไปก็ดูแก่กว่าคนอายุเท่ากัน ความน่าจะป่วยก็เป็นไปได้สูง
อย่างไรก็ตามวารุณีกลับส่ายหน้า“ไม่ใช่ คุณปู่ภูคุณย่าณาของลูกๆไม่เป็นไรจ้ะ แต่แม่บุญธรรมพวกลูก……”
“แม่บุญธรรมป่วยเหรอ?”เด็กทั้งสองคนพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ริมฝีปากของวารุณีขยับ อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา ได้แต่พยักหน้า“ประมาณนั้น ดังนั้นพวกเราจะไปดูสักหน่อยนะ”
“อือ”เด็กทั้งสองพยักหน้า
ระหว่างทาง พวกเขาต่างไม่พูดอะไร
ไม่นานนัก ก็ถึงโรงพยาบาล
ระหว่างทาง วารุณีก็โทรหาคุณแม่ปารวี บอกเธอว่า พวกเขาจะถึงแล้ว
ดังนั้นคุณแม่ปารวีรออยู่ที่หน้าโรงพยาบาลตลอด
ตอนนี้เห็นวารุณีสี่คนพ่อแม่ลูก ก็รีบเช็ดน้ำตาไปข้างหน้า“วารุณี พวกหนูมาแล้วเหรอ”
“คุณน้า”วารุณีเรียก
เด็กทั้งสองคนก็ทักทาย“คุณย่าณา”
ได้ยินเสียงหวานของเด็กน้อย คุณแม่ปารวีที่เสียใจก็ดีขึ้นเล็กน้อย ยิ้มออกไปให้“จ้ะ อารัณกับไอริณโตขึ้นเยอะเลยนะ”
“ใช่ พวกเราโตขึ้นอีกขวบแล้วค่ะ หนูกับพี่หกขวบแล้ว”มือเล็กๆสองข้างของไอริณประสานกันไว้ แล้วทำท่าชูหกนิ้วไปให้ น่ารักอย่างมาก
อารัณก็ยกมือขึ้นมาชู“ผมสูงกว่าน้องสามเซนติเมตร”
“เก่งกันมาก!”คุณแม่ปารวีลูบหน้านุ่มๆของเด็กทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น เธอสังเกตถึงผู้ชายด้านข้างวารุณี ตัวสูงใหญ่หล่อเหลา มองดูแล้วสะดุดตามาก ยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้คนละสายตาออกไม่ได้
แววตาคุณแม่ปารวีอดไม่ได้ที่จะตะลึง
เธอใช้ชีวิตมาทั้งชีวิต เป็นครั้งแรกที่เห็นผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ บุคลิกดีขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เธอคิดว่า พงศกรกับรพีเป็นคนหล่อที่สุดแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า ผู้ชายคนนี้ จะหล่อกว่าพงศกรกับรพี
และยังยืนกับวารุณีด้วย เป็นอะไรที่ฟ้าดินสร้างมาคู่กัน เข้ากันสุดๆ
ที่สำคัญก็คือ หน้าตาของผู้ชายคนนี้ เหมือนกับอารัณเด๊ะๆ ดังนั้นผู้ชายคนนี้เป็นใคร ไม่ต้องพูดก็รู้
“วารุณี นี่สามีคนนั้นของหนูสินะ”คุณแม่ปารวีมองนัทธีแล้วถาม
วารุณีพยักหน้า“ค่ะคุณน้า สามีหนูเอง นัทธี”
พูดจบ เธอมองไปที่นัทธี และแนะนำตัวเขา:“สามี ท่านนี้คือแม่ของปาจรีย์ คุณน้าปารวี”
“สวัสดีครับคุณน้าปารวี”นัทธียื่นมือออกไป
คุณแม่ปารวีแค่มองก็รู้ว่าเขาเป็นพวกชนชั้นสูง จึงยื่นมือไปอย่างระวัง จับมือกับเขา“สวัสดีๆ น้าเรียกคุณว่าคุณนัทธีละกัน คุณนัทธีช่างเป็นคนมีความสามารถเสียจริง”
“ขอบคุณนะครับคุณน้าปารวีที่ชม”นัทธีตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
คุณแม่ปารวีชักมือกลับ“ไม่เป็นไรๆ น้าพูดความจริง”
“เอาล่ะคุณน้า พวกเราอย่าเพิ่งพูดกันเลย เข้าไปดูปาจรีย์ก่อนดีกว่า ตอนนี้ปาจรีย์เป็นอย่างไรบ้างคะ?”วารุณีถาม
พวกเขาเดินไปในโรงพยาบาล คุณแม่ปารวีน้ำตาไหลอีกครั้ง ตอบกลับอย่างเสียใจ:“ปาจรีย์ยังไม่ฟื้น บอกบอกว่า ข้อมือของปาจรีย์บาดลึกมาก ดังนั้นจึงใช้เลือดจำนวนมากถึงช่วยมาได้ และ……”
“และอะไรคะ?”วารุณีหยิบทิชชูยื่นให้คุณแม่ปารวี
คุณแม่ปารวีรับไป แววตามีความหมดหวัง“และปาจรีย์ก็ยังตั้งท้อง”
“อะไรนะคะ?”สีหน้าวารุณีเปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้แต่ท่าทางของนัทธีก็ดูแปลกใจขึ้นมา
“ปาจรีย์ท้องเหรอคะ?”วารุณีอ้าปาก นานมากกว่าจะพูดออกมาได้
ด้านข้าง เด็กทั้งสองคนได้ยินบทสนทนาของพวกผู้ใหญ่ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่แท้แม่บุญธรรมไม่ได้ป่วย แต่ฆ่าตัวตายโดยการกรีดข้อมือเอง
และแม่บุญธรรมก็ยังท้องด้วย
“ใช่ หมอบอก เด็กหนึ่งเดือนกว่าแล้ว”คุณแม่ปารวีพยักหน้าอย่างเจ็บปวด“ปาจรีย์จะต้องตั้งท้องเด็กคนนี้เพราะถูกรังแกแน่”
“คุณน้า ทำไมน้าพูดแบบนี้ล่ะ?”วารุณีมองเธอ
คุณแม่ปารวีปิดหน้า“ถ้าไม่ใช่ปาจรีย์ถูกรังแก ปาจรีย์จะอยากฆ่าตัวตายได้ไง ตอนนี้น้าเข้าใจแล้วว่าทำไมช่วงนี้ปาจรีย์ผิดปกติ เพราะว่าถูกรังแก ดังนั้นจึงผิดปกติไป จึงคิดสั้นและฆ่าตัวตาย”
ได้ยินคำนี้ นัทธีเม้มริมฝีปากพูด:“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เด็กคนนี้ ไม่ใช่ว่าปาจรีย์ถูกรังแกจนต้องท้องครับ”
คำนี้พูดออกมา เสียงร้องไห้คุณแม่ปารวีก็ชะงักไป รีบเงยหน้ามองนัทธีกับวารุณี“วารุณี คุณนัทธี พวกหนูรู้อะไรใช่ไหม รู้ว่าเด็กในท้องปาจรีย์เป็นลูกใครเหรอ?”
วารุณีพยักหน้า“อือ รู้ค่ะ”
“รีบบอกน้ามา เป็นลูกใคร”คุณแม่ปารวีคว้ามือของวารุณีทันที
วารุณีถอนหายใจตอบกลับ:“เป็นลูกของพงศกร”
เธอควรจะคิดได้นานแล้ว เมื่อวานปาจรีย์ก็มีสิ่งผิดปกติเล็กน้อย เธอน่าจะคิดได้นานแล้วว่าปาจรีย์อาจตั้งท้อง
“พงศกร?”คุณแม่ปารวีตกใจกับคำตอบที่วารุณีพูดออกมา“จะเป็นพงศกรได้ไงล่ะ?พงศกรไม่ชอบปาจรีย์ไม่ใช่เหรอ?เขาจะมีลูกกับปาจรีย์ได้ไง?”
วารุณีตอบกลับอย่างพูดไม่ออก:“นี่เป็นอุบัติเหตุอย่างหนึ่ง หนึ่งเดือนกว่าที่แล้ว ปาจรีย์กับพงศกรดื่มไปเยอะ ก็เลย……”
“วารุณีหนูพูดอะไรน่ะ?”ตอนนี้เสียงของ คุณพ่อประสิทธิ์เต็มไปด้วยความโกรธมหันต์ ดังขึ้นมาจากหน้าห้องคนไข้