พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 73 สุภัทรที่ไร้ยางอาย
“ใช่แล้ว……” สุภัทรยิ้มแล้วน้อมรับ ในขณะเดียวกันก็แอบส่งสายตาไปให้วารุณีหนึ่งที
ประธานเด่นภูมิที่อยู่ข้างหน้านี้มีชื่อเสียงว่ารักลูกรักภรรยามาก ไม่ชอบมื้อที่สามและลูกชู้ที่สุดแล้ว
ดังนั้นเขาห้ามให้ประธานรู้เรื่องการมีชีวิตอยู่ของพิชญาเด็ดขาด
และแล้ววารุณีกลับทำเป็นไม่เข้าใจในการส่งสายของคุณสุภัทร หมุนไวน์แดงที่อยู่ในมือแล้วพูดว่า “คุณพ่อ คุณพ่อแก่จนสับสนไปหมดแล้วค่ะ คือพี่สาวของหนูแท้ๆ ต่างหากที่เป็นว่าที่ภรรยาของประธานนัทธี”
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของสุภัทรก็แข็งทื่อไปเลย
ภายในแววตาของคุณเด่นภูมิมีแสงสว่างรางๆ ประกายผ่านไป ทันใดนั้นก็หายไป “อ่าว? ประธานสุภัทรยังมีลูกสาวคนโตอีกคน? แต่ทำไมผมได้ยินมาว่า ประธานสุภัทรมีลูกสาวแค่คนเดียว ที่คลอดกับภรรยาคนแรก หรือว่า……”
“คุณเด่นภูมิเดาไม่ผิดค่ะ พี่สาวคนนี้ คือคนที่คุณพ่อฉันคลอดที่ข้างนอก เมื่อเจ็ดปีก่อนที่หย่ากับแม่ของฉัน พึ่งพากลับมา” วารุณีพูดพร้อมรอยยิ้มที่เสแสร้ง
สุภัทรมองเธอด้วยความโหด แม้แต่ใจที่อยากจะฆ่าเธอก็มีแล้ว
วารุณีเยาะเย้ยในใจ
เธอไม่เข้าใจมาโดยตลอด เธอกับพิชญาต่างก็เป็นลูกของเขา แต่ว่าทำไมหัวใจของเขาถึงได้ลำเอียงขนาดนี้
เพื่อพิชญา เขาสามารถให้เธอขอโทษพิชญาโดยที่ไม่มีเหตุผลใดๆ ถึงขั้นเมื่อกี้ยังจะใช้เธอมาปกปิดฐานันดรลูกชู้ของพิชญาอีกด้วย เธอไม่ใช่รูปปั้น มีนิสัยอารมณ์เหมือนกัน ทำไมถึงต้องปกป้องความหน้าซื่อใจคดของเขา!
การทะเลาะของสองพ่อลูก ถูกคุณเด่นภูมิมองอยู่ในตา
แววตาของคุณเด่นภูมิเย็นชาลง แม้กระทั่งน้ำเสียงก็จางเบาลงไม่น้อย “ประธานสุภัทร ต้องขออภัยครับ คุณอยากให้ผมลงทุนเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ผมเองคุณก็รู้ ค่อนข้างที่จะดูแลเอาใจใส่ครอบครัว ที่ผ่านมานี้ไม่ค่อยชอบคนที่มีชู้ยู่ข้างนอกไปทั่วอมาโดยตลอด ดังนั้นประธานสุภัทรไปหาคนอื่นเถอะครับ”
หลังจากพูดจบ เขาหันสายตาไปทางวารุณี ความเย็นชาในแววตาจางหายไป กลายเป็นอบอุ่นขึ้นมาใหม่ “วารุณี ฉันยังต้องไปพบเพื่อนอีกสองสามคน ไว้คุยกันนะ”
“ได้ค่ะ” วารุณียิ้มอ่อนแล้วพยักหน้า
คุณเด่นภูมิไปแล้ว วารุณีก็ไม่มีอารมณ์อยู่ที่นี่ต่อ เตรียมตัวกลับไปที่จุดพักผ่อน
สุภัทรดึงเธอไว้ ถามด้วยความกล่าวโทษว่า “ทำไมเมื่อกี้เธอถึงพูดแบบนั้น?”
วารุณีกะพริบตาด้วยความไร้เดียงสา “หนูพูดผิดไปหรอคะ? หนูก็แค่ไม่อยากโกหกคุณเด่นภูมิกับพ่อเท่านั้นเอง พ่อ พ่อคิดว่า จะสามารถโกหกคุณเด่นภูมิไปได้ตลอดเลยหรอ? ถึงแม้ว่าตอนนี้พ่อจะได้รับการลงทุนของคุณเด่นภูมิแล้ว แต่ขอแค่คุณเด่นภูมิรู้ว่าพ่อโกหกเขา หรือว่าเขาจะไม่ถอนทุนทรัพย์กลับหรอ?”
“นี่……” สุภัทรหมดคำจะพูดแล้ว
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที จู่ๆ เขาก็หรี่ตาขึ้น ใช้แววตาที่แปลกประหลาดมองไปทางวารุณี “จริงด้วย เหมือนฉันยังไม่ได้ทำแกเลยว่า แกกับประธานเด่าภูมิรู้จักกันได้ยังไง”
“นี่เกี่ยวอะไรกับพ่อหรอ?” วารุณีดึงมือกลับมา
ทันใดนั้นสุภัทรก็ยิ้มด้วยความเป็นมิตร “ฉันมองออก ความสัมพันธ์ระหว่างแกกับประธานเด่นภูมิไม่เลว วารุณี หรือว่าแกช่วยฉันไปพูดกับประธานเด่นภูมิหน่อย…….”
“เป็นไปไม่ได้!” ไม่รอให้เขาพูดจบ วารุณีก็ปฏิเสธไปแล้ว
สีหน้าของสุภัทรแย่ลง “วารุณี ฉันคือพ่อของแก แกกล้าไม่ฟังฉัน?”
วารุณียิ้มอ่อนขึ้นมา “เจ็ดปีก่อน วินาทีที่คุณไล่หนูกับแม่แล้วก็ศรัณย์ออกจากบ้าน คุณก็ไม่ใช่พ่อของฉันแล้ว”
ได้ยินคำนี้แล้ว สุภัทรอึ้งไปเลย ภายในใจก็กระวนกระวายไปหนึ่งที ราวกับว่าสูญเสียสิ่งของที่สำคัญบางอย่างไป แต่ยังไม่ทันคิดเยอะคิดมากว่าเป็นของอะไร ก็หายไปมองไม่เห็นแล้ว
“ได้ ในเมื่อแกไม่ยอมรับฉันพ่อคนนี้ ฉันก็ไม่บังคับ แต่ว่าอย่างน้อยฉันก็เลี้ยงแกมาสิบกว่าปี บุญคุณนี้แกต้องทดแทนอยู่สินะ?” สุภัทรพูดด้วยความเศร้า
วารุณีคิดไม่ถึงว่าเขาจะไร้ยางอายขนาดนี้ กลับล้าที่จะใช้บุญคุณมาบังคับเธอ
สูดหายใจลึก ในตอนที่วารุณีกำลังจะเปิดปากพูด ก็มีเสียงที่เย็นชาดังมาจากข้างหลัง “การกระทำของประธานสุภัทร ได้ทำให้ผมได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ จริงๆ ครับ”
“ประธานนัทธี” ภายในแววตาของวารุณีดีใจมาก รีบหันกลับไป
นัทธีอื้มไปเสียงหนึ่ง แล้วเดิมตรงมาด้วยขาที่ยาว
สุภัทรมีความทำตัวไม่ถูก “นัทธี นายฟังผิดไปแล้ว ฉันไม่ได้ขู่เธอ ฉันก็แค่ปรึกษากับเธอ……”
“พอแล้ว คุณทำหรือไม่ทำ ผมรู้แก่ใจดี ไม่จำเป็นต้องอธิบาย คุณสามารถไปได้แล้ว!” นัทธียกมือไล่คน
สุภัทรไม่กล้าคัดค้านเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นว่าที่ลูกเขยในนามของตัวเอง
ดังนั้นจึงยิ้มไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ออกไปแล้ว
“เมื่อก่อนที่เธออยู่บ้านศรีสุขคํา เขาก็ทำแบบนี้กับเธอ?” นัทธีมองไปทางวารุณี
วารุณียิ้มด้วยความลำบากใจ “ประมาณนี้แหละค่ะ แต่ว่าดีกว่าตอนนี้หน่อยค่ะ”
เมื่อกอนในตอนที่สุภัทรยังไม่ได้เปิดเผยขยานีและพิชญาสองแม่ลูก สำหรับพวกเขาสองพี่น้องแล้วเขาก็ยังเสแสร้งทำดีกับพวกเขาอยู่บ้าง
“ใช่หรอ” นัทธีเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็พูดเตือน “สุภัทรคนนี้ห่วงหน้าห่วงชื่อเสียงที่สุดแล้ว ขอแค่มีจุดอ่อนของเขา เขาไม่กล้าทำอะไรเธอเลยจริงๆ”
วารุณีรู้สึกอบอุ่นในใจ พยักหน้าด้วยความจริงใจ “ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะประธานนัทธี คุณช่วยฉันแก้ไขสถานการณ์อีกครั้งแล้ว หากไม่ใช่เพราะคุณ ฉันเกรงว่ายังจะต้องพูดกับเขาอีกนานเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร” นัทธีดื่มไวน์ที่อยู่ในแก้ว “แต่ว่าเธอเนี่ย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ผู้อำนวยการนิรุตติ์เชิญฉันมาค่ะ” วารุณีก็ไม่ได้ปิดบังเขา หยิบบัตรเชิญในกระเป๋าออกมาให้เขาดู
ทันใดนั้นนัทธีก็เข้าในทุกอย่าง สีหน้าแย่ลง
ที่แท้สองสามวันก่อนที่เธอไปซื้อเครื่องประดับ ก็เพื่อที่จะมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้!
พอนึกถึงจุดนี้ นัทธีเม้มริมฝีปาก มองดู Heart of Fire ที่อยู่บนคอของวารุณีอีกครั้ง ก็ไม่รู้สึกสง่างามแล้ว รู้สึกว่าแสบตามาก ถึงขั้นอยากจะดึงลงมา
แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็อดทนกับความคิดนี้ วางแก้วไวน์ไว้ในมือลงบนถาดที่พนักงานบริกรที่เดินผ่านมา เดินจากไปพร้อมกับทั้งตัวที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
วารุณีงงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงจากไป
อีกอย่างดูท่าแล้ว ราวกับว่าจะไม่พอใจมาก?
เธอพูดอะไรผิด ยั่วโมโหโดนเขาแล้วหรอ?
ไม่รอให้วารุณีนึกถึงปัจจัยหลักสำคัญในนั้น งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นแล้ว
นิรุตติ์สวมชุดราตรีสีขาวลงมาจากตึกชั้นสอง หลังจากได้รับไมโครโฟนจากพนักงานให้บริการแล้ว ก็ยืนไปยังบนเวที พูดกล่าวคำขอบคุณ
หลังจากพูดกล่าวจบลง ก็คือช่วงของการเต้นรำ
นิรุตติ์ที่เป็นเจ้าของงานวันเกิดในคืนนี้ เป็นเจ้าของงานเลี่ยง แน่นอนได้ว่าเต้นรำชุดแรก
และในขณะที่ทุกคนเต็มไปด้วยความหวัง ในตอนที่เขาจะขอเชิญหนึ่งในพวกเขาออกมาเต้นรำ นิรุตติ์กลับมาไมโครโฟนลง อมยิ้มแล้วเดินไปทางวารุณี
“คุณผู้หญิงที่แสนสวยท่านนี้ ผมขอเชิญคุณเต้นรำกับผมได้ไหมครับ?” นิรุตติ์ทำท่าเรียนเชิญไปทางวารุณี
วารุณีรับรู้ได้ถึงแววตาที่อิจฉาจากรอบๆ ข้าง รู้สึกกดดันหนักมาก
จริงๆ แล้วเธอไม่อยากเต้นรำอะไรกับเขา แต่พอคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ก็ไม่ดีที่จะปฏิเสธ จึงตอบตกลงแล้ว
“เป็นเกียรติมากเลยค่ะ!” วารุณีตอบกลับด้วยท่าทางของเจ้าหญิง นำมือวางไว้บนฝ่ามือของนิรุตติ์เบาๆ
นิรุตติ์จับนิ้วมือของเธอ พาเธอเดินไปยังข้างหน้าที่ว่าง
เดินไปยังตรงกลางของที่ว่าง เสียงเพลงดังขึ้น ทั้งสองเต้นรำกันขึ้นมา
คนที่อยู่ในงานก็ล้อมรอบเป็นวงขึ้นมาอัตโนมัติ มองดูพวกเขาเต้นรำ
นัทธีแล้วพิชญาก็อยู่ในนั้น ยังอยู่แถวแรกอีกด้วย
พิชญาดึงแขนของนัทธี สีหน้าดูตกใจมาก “นัทธี พี่ชายใหญ่เชิญดีไซเนอร์วารุณีมาร่วมงานวันเกิด ยังเชิญดีไซเนอร์วารุณีเต้นรำชุดแรกอีกด้วย นายว่าพวกเขาคบกันแล้วหรือเปล่า”
นัทธีดึงแขนกลับด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ไม่ได้สนใจเธอ แค่จ้องชายหญิงที่เต้นรำ แล้วค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมา
นิรุตติ์สังเกตเห็นแววตาของเขา ใช้โอกาสตอนที่หมุนตัว มองมาทางเขา
เห็นในแววตาของนัทธีเต็มไปด้วยฝนฟ้าคะนอง นิรุตติ์ยิ้มที่ริมฝีปากขึ้นด้วยความยั่วยวน มือที่คาดอยู่บนเอวของวารุณีล็อคเข้ามา กอดวารุณีเข้าใกล้ตัวเขามากยิ่งขึ้น
ภาพๆ นี้ ทำให้สีหน้าของนัทธีเปลี่ยนแปลงทันที เต็มไปด้วยหมอกควัน
จากนั้น เขาก็จับข้อมือของพิชญา แล้วเดินเข้าไปในพื้นที่เต้นรำ