พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 730 เอาออกหรือเก็บเด็กไว้
“อย่าคิดมาก”นัทธีตบไหล่ของเธอเบาๆ“ผมเข้าใจวิธีการของปาจรีย์ได้”
คำนี้พูดออกมา คุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีมองไปที่เขาพร้อมกัน
นัทธีพูด:“ความแค้นของตระกูลจิรดำรงค์กับตระกูลอิสริยานนท์ช่างลึกซึ้งเหลือเกิน และพ่อแม่ของพงศกร ก็ตายเพราะตระกูลจิรดำรงค์จริง ปาจรีย์อยากหยุดความบาดหมางของตระกูลอิสริยานนท์กับตระกูลจิรดำรงค์ จึงทำได้ ใช้ชีวิตแลกกับชีวิต ปาจรีย์ให้พ่อแม่เอาชีวิตไปแลกไม่ได้ ดังนั้นที่เธอทำได้ ก็คือเอาชีวิตตัวเองมาแก้ไข”
ฟังคำพูดของนัทธีแล้ว คุณพ่อประสิทธิ์จึงตีหน้าอก“เด็กนั่น……ทำไมถึงคิดแบบนี้ นี่คือความบาดหมางของรุ่นเรา ก็ต้องให้รุ่นเราแก้สิ ให้ปาจรีย์มาแก้ไขไม่ได้ ทำไมปาจรีย์ถึง……”
คุณแม่ปารวีก็ร้องไห้หนักมากขึ้น“ปาจรีย์ฮือฮือฮือ……”
เวลานั้น เดิมทีสามีภรรยาคู่นี้ที่แก่กว่าคนรุ่นเดียวกันอยู่แล้ว ก็ยิ่งแก่มากขึ้น
วารุณีเห็น ในใจก็อึดอัดอย่างมาก ริมฝีปากขยับ กำลังจะพูดอะไร จู่ๆคุณพ่อประสิทธิ์ก็พูด“ที่จริงอากับแม่ของปาจรีย์ มีความคิดที่จะแก้ไขความขัดแย้งของตระกูลจิรดำรงค์กับตระกูลอิสริยานนท์แล้ว และยังคิดวิธีได้แล้วด้วย ก็แค่ยังไม่ได้ดำเนินการ เจ้าเด็กปาจรีย์ก็ลงมือไปก่อนซะเอง”
“อะไรนะ?คิดหาวิธีแก้ไขความบาดหมางของสองตระกูลไว้แล้ว?”วารุณีตกใจ
คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีพยักหน้าร้องไห้
วารุณีปล่อยมือของนัทธี เดินเข้าไป ดึงมือของคุณแม่ปารวีแล้วถาม“คุณอาคุณน้า พวกน้าคิดวิธีไหนกันแน่?ทำไมยังไม่ดำเนินการล่ะ?”
ถ้ารีบแก้ไขความบาดหมางของสองตระกูลไปแล้ว บางทีปาจรีย์ก็คงไม่เจ็บปวดขนาดนี้ เจ็บปวดจนคิดไปแก้ไขความบาดหมางของสองตระกูลเอง และฆ่าตัวตาย
คุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีได้ยินคำถามของวารุณี จึงเงยหน้าสบตากัน
จากนั้นคุณพ่อประสิทธิ์จึงตอบไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น:“วิธีเหมือนกับปาจรีย์ อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน พ่อแม่พงศกรถูกเปิดเผยเบาะแสและถูกคนฆ่าตาย เพราะว่าพวกเราสองคนสามีภรรยาจริงๆ ดังนั้นพงศกรเจ้าเด็กคนนั้นจึงเกลียดพวกเรามาเสมอ คิดว่าพวกเราก็เป็นฆาตกรด้วย บวกกับปาจรีย์ชอบเขา เห็นเขาเย็นชาขนาดนั้นกับปาจรีย์ อากับน้าก็เสียใจมากเช่นกัน ดังนั้นในตอนนั้น อากับน้าเลยคิดว่า ถ้าพวกเราแก้ไขความบาดหมางของสองตระกูล พงศกรกับปาจรีย์ก็อาจจะอยู่ด้วยกันใช่หรือไม่ จากนั้น……”
พูดถึงตรงนี้ คุณพ่อประสิทธิ์ก็เอามือปิดหน้า จากนั้นพูด:“จากนั้นอาก็ปรึกษากับน้าของหนู รอพวกเราสองคนอายุหกสิบ ก็จะฆ่าตัวตายไปด้วยกัน ทำแบบนี้ ใช้ชีวิตของพวกเราสองคน มาแลกกับชีวิตของพ่อแม่พงศกร งั้นพงศกรก็จะไม่เกลียดตระกูลจิรดำรงค์ ปาจรีย์ของพวกเราอีกต่อไป บางทีแบบนั้น ปาจรีย์ก็อาจจะคบกับพงศกร แต่พอเวลาผ่านไปนานมากขึ้น พงศกรมีท่าทีต่อปาจรีย์เย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นอากับน้าของหนูก็ยิ่งแน่ใจมากขึ้น ถึงแม้ความบาดหมางของสองตระกูลจะแก้ไขแล้ว พงศกรก็ไม่คบกับปาจรีย์”
“ใช่ ดังนั้นน้ากับอาของหนู เลยหวังว่าปาจรีย์จะรักคนอื่น หาความสุขของตัวเอง และน้ากับอาก็ใกล้จะหกสิบแล้ว ดังนั้นน้ากับอาหนู ก็ร้อนใจเร่งให้ปาจรีย์รีบหาแฟน เอาหัวใจคืนมาจากพงศกร แบบนี้ บางทีก่อนที่น้ากับอาจะฆ่าตัวตาย ก็อาจจะได้เห็นปาจรีย์แต่งงาน และปาจรีย์ก็จะมีสามีที่รักเธอ ถึงแม้พวกเราสองคนตายไป ปาจรีย์ก็สามารถผ่านไปได้อย่างดี ก็แค่พวกเราสองคนยังไม่ทันทำอะไร ปาจรีย์ก็ฆ่าตัวตายเสียก่อน”
คุณแม่ปารวีร้องไห้อย่างปวดใจ
มุมปากวารุณีขยับ จู่ๆก็พูดไม่ออก และไม่รู้จะพูดอย่างไร
เดิมทีเธอคิดว่า วิธีที่พวกเขาอยากแก้ไขความบาดหมางของตระกูลจิรดำรงค์กับตระกูลอิสริยานนท์ จะเป็นอะไรที่ดีต่อสองฝ่าย
แต่คิดไม่ถึงว่า จะเป็นอันตรายถึงชีวิต
วิธีแบบนี้ เธอจะพูดได้อย่างไร ให้พ่อแม่ของปาจรีย์ดำเนินการน่ะ?
และก็ดำเนินการไม่ได้เด็ดขาดด้วย!
ดังนั้นจะเห็นว่า ความบาดหมางของตระกูลอิสริยานนท์กับตระกูลจิรดำรงค์ เป็นอะไรที่แก้ไม่ได้แล้ว
วารุณีสูดหายใจลึกๆ ตบมือของคุณแม่ปารวีเบาๆ“คุณน้า หนูรู้ว่าน้ากับอาคิดไว้แล้ว แต่ฉันหวังว่าพวกน้ากับอาจะไม่ทำอย่างนั้นจริงๆ พวกน้าดูสิคะ ปาจรีย์ฆ่าตัวตายเพื่อแก้ไขความบาดหมางของสองตระกูล พวกน้ายังเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าพวกน้าฆ่าตัวตาย ถึงแม้ปาจรีย์มีครอบครัวใหม่ มีคนรักใหม่ เธอก็ยังเจ็บปวด”
“วารุณีพูดถูก ดังนั้นพวกคุณอย่าทำอะไรโง่ๆ มันต้องมีหนทางแก้ไขอยู่แล้วครับ”นัทธีที่ไม่พูดมาตลอดก็พูด
เด็กทั้งสองจึงพยักหน้าตาม
คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีสบตากัน รู้ถึงความเป็นห่วงของพวกเขา ก็รู้สึกประทับใจ
พวกเขาฝืนยิ้มให้พวกวารุณีสี่คนพ่อแม่ลูก
“วางใจเถอะวารุณีคุณนัทธี พวกเรารู้ อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็ยังไม่ทำเรื่องโง่ๆ ปาจรีย์ยังต้องการพวกเราสองคน”คุณพ่อประสิทธิ์พูด
คุณแม่ปารวีตอบอือ“ใช่ ดังนั้นพวกเราไม่ทำอะไรบ้าๆแน่”
“งั้นก็ดี งั้นคุณอาคุณน้าคะ พวกเราไปดูปาจรีย์ก่อนดีกว่า”วารุณีพูด
คุณพ่อประสิทธิ์รีบนำทาง
และพวกเขาก็เข้าไปในห้องคนไข้
บนเตียงคนไข้ ปาจรีย์หลับตาคู่นั้นแน่น นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าซีดขาว เหมือนคนตายแล้ว มองแล้วน่าสงสารมาก
และมือซ้ายเธอ ก็ยังพาดไว้ที่ขอบเตียง ข้อมือนั้นพันด้วยผ้าก๊อซหนาๆ และที่หลังมือก็ยังติดเข็ม กำลังถ่ายเลือดไปที่ร่างกาย
“หมอบอกว่า ตอนที่ปาจรีย์ฆ่าตัวตาย กรีดข้อมือลึกมาก จนเส้นเลือดขาดหมด ถ้าไม่ใช่พวกเราสองสามีภรรยามาพบทัน บางทีปาจรีย์ก็คงทนไม่ถึงที่โรงพยาบาลแล้ว”คุณแม่ปารวีลูบหน้าของลูกสาว พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
วารุณีเห็นเพื่อนสนิทแบบนี้ นอกจากจะสงสารแล้วก็ยังโกรธ
สงสารปาจรีย์ที่ตอนนี้เป็นแบบนี้
และโกรธที่ปาจรีย์ปิดบังได้เป็นอย่างดี ทำให้คนเดาไม่ออกเลยว่าจะฆ่าตัวตาย
“ใช่สิคุณน้า เด็กในท้องปาจรีย์ยังอยู่ไหมคะ?”วารุณีมองไปที่ท้องของปาจรีย์แล้วถาม
คุณแม่ปารวีพยักหน้า“ยังอยู่ ที่จริงตอนรู้ว่าปาจรีย์ท้อง น้าก็อยากให้หมอเอาเด็กออกไปด้วย เพราะน้าคิดว่าเด็กนั้นเกิดขึ้นเพราะปาจรีย์ถูกรังแก พ่อของเด็กเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่อง ดังนั้นน้าเลยไม่อยากให้ปาจรีย์เก็บเด็กคนนี้ไว้ แต่หมอบอกว่า เนื่องจากปาจรีย์เสียเลือดไปมากแล้ว ถ้าทำแท้งอีก กลัวว่าจะช่วยไม่ได้ ดังนั้นจึงเก็บเด็กไว้ก่อน รอให้ปาจรีย์ฟื้นตัวได้พอประมาณแล้วค่อยเอาออกอีกที ยังไงอายุเด็กก็ยังน้อยอยู่”
“อย่างนี้นี่เอง”วารุณีพยักหน้า
จู่ๆนัทธีก็ถาม:“ก็แค่ตอนนี้พวกคุณรู้แล้วว่าพ่อของเด็กคือพงศกร งั้นเด็กคนนี้ พวกคุณจะเก็บไว้หรือเอาออก?”
“เอ่อ……”คำถามนี้ถามจนคุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีพูดไม่ออก
ที่จริงเอาตามความคิดของพวกเขา เด็กคนนี้ไม่ว่าจะเป็นของใคร ก็ต้องเอาออก
พงศกรก็ไม่เป็นที่ยกเว้น
อย่างแรกพงศกรไม่รักปาจรีย์ ถึงแม้ปาจรีย์ท้องลูกของเขา เขาก็ไม่สนใจปาจรีย์ที่เป็นแม่ ดังนั้นยังจะคลอดลูกให้เขาทำไมอีก?
ก็แค่พวกเขาสามารถไม่แคร์ความรู้สึกของพงศกรได้ แต่กลับต้องแคร์ปาจรีย์ ความรู้สึกของลูกสาวพวกเขา
ปาจรีย์รู้ว่าตัวเองท้องพงศกร ก็ไม่แน่นอนว่าจะเอาเด็กคนนี้ออก มีความเป็นไปได้สูงว่า ปาจรีย์จะเก็บไว้ ถึงแม้จะเก็บเด็กไว้ ต่อไปชีวิตของปาจรีย์จะลำบาก แต่ก็เกรงว่าปาจรีย์คงไม่เสียใจหรอก เพราะว่าปาจรีย์รักพงศกรมาก พวกเขาสองสามีภรรยารู้ดี
แต่ถ้าเอาเด็กคนนี้ออก โดยไม่ถามความยินยอมของปาจรีย์ เกรงว่าปาจรีย์จะใจสลาย และบ้าได้
ดังนั้นพวกเขาสองคน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เห็นคุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีไม่พูด นัทธีจึงเหลือบมองปาจรีย์บนเตียง“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ให้ปาจรีย์เลือกเอง เธอเป็นแม่ของเด็ด เธอมีอำนาจตัดสินว่าจะเอาเด็กออกหรือเก็บไว้