พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 776 จุดจบของจุ๊บแจง
ลีน่าตอบอือ
ทั้งสองคนเดินไปห้องทานข้าวด้วยกัน
พอนั่งลงแล้ว คนใช้ก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร
วารุณีมองที่ว่างสองสามที่ จากนั้นก็คิดอะไรได้ เงยหน้าถามคนใช้“ใช่สิ คุณผู้ชายของพวกคุณล่ะ?แล้วเด็กสองคนนั้นไปไหนละ?”
พูดถึงแล้ว เพราะว่าซุบซิบเรื่องความรักของลีน่า เธอเลยลืมนัทธีกับลูกทั้งสองคนไปเลย ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ว่าตื่นมานานแล้ว ก็ไม่เห็นสามคนพ่อลูกเลย
“ฉันคิดว่าเธอจะไม่ถามเสียอีก”ลีน่าคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่ง มองวารุณีอย่างรู้สึกขำ
วารุณีหันไปมองเธอ“ทำไม เธอรู้ว่าพวกเขาไปไหนเหรอ?”
สามคนพ่อลูกนี้น่าจะไม่อยู่ที่คฤหาสน์
ถ้าอยู่ล่ะก็ เธอตื่นมาแล้ว พวกเขาต้องปรากฏตัวสิ
ดังนั้นเป็นไปได้อย่างมากที่จะออกไปข้างนอก
“รู้สิ ไอริณอยากไปเล่นที่สวนสาธารณะข้างนอก สามีเธอก็ตามใจลูกสาวสุดๆ เลยพาไอริณไป แต่อารัณก็เป็นคนที่หลงใหลน้องสาวอีก ดังนั้นเลยไปด้วยกัน ให้ฉันบอกเธอ เธอจะได้ไม่กังวล”ลีน่ากลืนอาหารในปากแล้วตอบ
วารุณีพยักหน้าอย่างเข้าใจโดยทันที“ที่แท้ก็แบบนี้ สวนสาธารณะนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่เด็กๆชอบจริงๆ ไอริณอยากไปที่นั่นไม่แปลก”
“ใช่ ประธานนัทธีบอกจะพาพวกเขาไปเล่นแล้วเดี๋ยวกลับมา เอาล่ะ เธอรีบกินเถอะ กินเสร็จพวกเราควรเดินทางได้แล้ว”ลีน่ามองนาฬิกาแล้วพูด
วารุณีก็คิดว่าใช่ พยักหน้าแล้วไม่ถามอีก หยิบตะเกียบมากินข้าว
กินเสร็จ ตอนที่วารุณีกับลีน่าสองคนกำลังเตรียมออกไป นัทธีก็พาลูกสองคนกลับมา
ไอริณกระโดดไปมาตลอดทาง มีความสุขอย่างมาก ชัดเจนว่าเล่นที่สวนสาธารณะอย่างสนุก
ถึงแม้ใบหน้าอารัณดูไม่มีความสุขอย่างไอริณ แต่จากรอยยิ้มในสายตาเขาที่ยังไม่หายไป ก็มองออกว่า เขาพอใจกับสวนสาธารณะนี้อย่างมาก
บางที ไม่ว่าอารัณจะดูเป็นผู้ใหญ่ ไอคิวสูงแค่ไหน
แต่สุดท้ายเขาก็แค่เด็กคนหนึ่ง ชอบของเล่นที่เด็กๆชอบเล่น เป็นปกติอย่างมาก
ส่วนนัทธีกลับมองดูเด็กทั้งสองคนอย่างเอาใจ ริมฝีปากบางๆยกขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ
“หม่ามี๊”เด็กทั้งสองเห็นวารุณี ก็วิ่งไป กอดขาเธอไว้
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ลำบากแล้ว”ไอริณเงยหน้าเล็กๆขึ้น พูดกับวารุณีอย่างไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา
นัทธีได้ยินคำนี้ ก็ไอออกมาเบาๆที่ริมฝีปากทันที หันหน้าไปอีกด้าน
ส่วนลีน่าก็กระตุกปากขึ้นอย่างอึดอัด หันหน้าไปอีกด้าน
ส่วนอารัณ ก็ทำเป็นตัวเองไม่ได้ยินอะไร
วารุณีไม่รู้ว่าสามคนนี้เป็นอะไร เธอก้มหน้ามองเด็กสาวอย่างสงสัย ลูบผมเด็กสาว“ลูกรัก ทำไมบอกว่าหม่ามี๊ลำบากแล้ว?”
ไอริณขยับปากเล็กๆ กำลังคิดอะไรอยู่ นัทธีก็อุ้มเธอจากวารุณีมา แล้วเปลี่ยนเรื่อง“คุณจะไปสถานที่แข่งหรือยัง?”
วารุณีพยักหน้ายิ้มๆ“ใช่ สมควรไปได้แล้ว”
“โอเค งั้นคุณรีบไปเถอะ ผมจะพาลูกสองคนไปเปลี่ยนชุด เมื่อกี๊เล่นจนร้อน เหงื่อออกเลย ไม่งั้นเดี๋ยวเป็นหวัดได้”
พูดไป นัทธีก็ใช้สายตาบอกใบ้อารัณ
อารัณเข้าใจความหมายของเขาแล้ว ก็พยักหน้า รีบพูด:“ใช่หม่ามี๊ ผมกับพ่อและก็ไอริณขึ้นไปเปลี่ยนชุด หม่ามี๊รีบไปทำงานเถอะ บ๊ายบาย”
พูดจบ เขาก็จูงมือของนัทธี เดินไปที่บันได
วารุณีขมวดคิ้วอันสวยงาม หันไปมองสามคนพ่อลูกอย่างสงสัย“ทำไมฉันรู้สึกว่า พวกเขามีลับลมคมใน เหมือนกำลังปิดอะไรฉันอยู่”
ลีน่าหัวเราะ“ตรงไหน เธอน่าจะคิดมากไปนะ เอาล่ะวารุณี พวกเรารีบไปเถอะ ไม่งั้นจะสายจริง”
วารุณีพยักหน้า“โอเค ไปทำงานก่อน มีอะไรกลับมาค่อยว่ากัน”
“ได้”ลีน่าตอบอือ
กลับมาค่อยพูด กลับมาก็ได้ ให้พวกเขาสี่คนคุยกันเอง ตอนค่ำเธอไม่กลับมาแล้ว แล้วจากนั้นปัญหาก็มายุ่งกับเธอไม่ได้
ถึงเรื่องอึดอัดใจในตอนเช้าจะกวนใจเธอ แต่เธอไม่อยู่ตอนดึก พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรให้เธอลำบากใจได้
หึหึ เธอเจ้าเล่ห์เสียจริง
วารุณีกับลีน่าออกไปจากคฤหาสน์ ขึ้นลงรถภายใต้การคุ้มครองของบอดี้การ์ด ออกเดินทางไปยังสถานที่แข่งขัน
ระหว่างทาง วารุณีได้รับสายจากทางตำรวจ บอกเธอว่าจุ๊บแจงถูกส่งกลับประเทศแล้ว
และตำรวจในประเทศก็ได้รับแจ้งแล้ว ถึงตอนนั้นจะไปรับจุ๊บแจงที่สนามบิน และพาจุ๊บแจงกลับไปที่โรงพักเพื่อพิจารณาคดี
แอบใช้การออกแบบของเธอ ใส่ร้ายว่าเธอลอกเลียนแบบผลงาน และยังจงใจทำร้าย บวกกับซ่อนนัทธีไว้ไม่ยอมบอกพวกเขา ความผิดพวกนี้รวมกันแล้ว เพียงพอที่จะให้จุ๊บแจงเข้าคุกไปห้าปีได้
ลีน่าฟังจุดจบที่จุ๊บแจงน่าจะโดน ก็ปรบมืออย่างสะใจ“สมควรแบบนี้แหละ ผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันอยากจะอ้วกจริงๆ ต่อไปวารุณีเธอก็ไม่ต้องรำคาญที่มีคนมาคร่ำครวญถึงประธานนัทธีแล้ว”
วารุณีวางโทรศัพท์แล้วหัวเราะ“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ผู้หญิงที่เพ้อหานัทธีมีตั้งเยอะ ยังไงความสมบูรณ์แบบของเขาก็อยู่ตรงนั้น ไม่มีผู้หญิงที่ไหนชอบเป็นไปไม่ได้เลย แต่การเพ้อหาของผู้หญิงเหล่านั้นที่มีต่อสามีฉัน ฉันกลับไม่หึงนะ และไม่เคยรำคาญด้วย เพราะฉันรู้ พวกเธอก็ได้แต่เพ้อหา ไม่ได้จะลงมือทำอะไร ดังนั้นฉันเลยไม่แคร์พวกเขานัก แต่จุ๊บแจงไม่เหมือนกัน เธอไม่แช่แค่เพ้อหา แต่ยังลงมืออีก ดังนั้นแบบนี้จึงเป็นคนที่ฉันรำคาญที่สุด”
“ก็ใช่”ลีน่าพยักหน้า“ถ้าเธอจะเป็นกังวลผู้หญิงทุกคนที่ชอบประธานนัทธี ก็กังวลไม่ไหวจริงๆ แต่ตอนนี้จุ๊บแจงเข้าไปแล้ว เธอก็ถือว่าโล่งอกแล้วสิ”
“ใช่”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม:“ฉันโล่งอก แต่ไม่ใช่เพราะไม่มีศัตรูหัวใจ ฉันไม่เคยเห็นจุ๊บแจงในสายตาอยู่แล้ว เธอเป็นศัตรูหัวใจฉันไม่ได้เลยสักนิด และก็ไม่คู่ควรด้วย ฉันรู้ ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนอย่างไร นัทธีก็ไม่อาจชอบเธอได้ ดังนั้นเธอข่มขู่ฉันไม่ได้สักนิด ฉันโล่งอก เพราะว่าต่อไปจะไม่มีหนูอย่างเธอมาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว”
“หนู”ลีน่าปิดปากและหัวเราะคิกคัก“ช่างเป็นคำเปรียบเทียบที่เหมาะสมจริงๆ ใช่สิ สุชาดาล่ะ?เมื่อกี๊ตำรวจบอกว่าหาสุชาดาเจอหรือเปล่า?”
“หาไม่เจอ”วารุณีส่ายหน้า“ถึงแม้สุชาดาจะมีส่วนในการยุยง แต่การยุยงนี้ไม่ถือเป็นเรื่องอาชญากรรม ดังนั้นตำรวจเลยไม่ได้ตั้งใจไปหาสุชาดา ถึงหาเจอแล้ว ก็ได้แต่พูดสั่งสอนสุชาดา ลงโทษสุชาดามากไม่ได้หรอก”
“งั้นแบบนี้ ก็ต้องพึ่งพวกเราเองที่ตามหาสุชาดา แล้วจัดการเธอเหรอ?”ลีน่าขมวดคิ้ว
วารุณีพยักหน้า“ประมาณนั้น”
“งั้นให้ประธานนัทธีไปเถอะ จากวิธีการของเขาแล้ว แป๊บเดียวจะต้องหาสุชาดาเจอแน่”ลีน่าเสนอ
ดวงตาวารุณีเป็นประกาย“เธอหมายถึงว่า ไปหาอัจฉริยะตัวน้อยของฉัน จะต้องหาสุชาดาเจอทันทีแน่ งั้นตอนค่ำกลับไปฉันจะให้อัจฉริยะตัวน้อยบ้านฉันลองดู”
สุชาดาไม่ใช่นิรุตติ์ ที่มีอำนาจมากขนาดนั้น สามารถหลบได้แม้แต่อารัณแฮกเกอร์มือดีก็ยังหาไม่เจอ
สุชาดาเป็นแค่คนธรรมดา ถึงจะหลบได้ แต่สู้นิรุตติ์ไม่ได้แน่
ดังนั้นให้อารัณลงมือ ต้องหาสุชาดาเจอแน่
ลีน่าก็รู้ว่าอัจฉริยะตัวน้อยที่วารุณีพูดถึงนั้นคือใคร
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่วารุณีถูกนิรุตติ์จับไป เธอก็รู้แล้วว่าอารัณเด็กคนนั้นเป็นแฮกเกอร์ ตอนนั้นทำเอาเธอตกใจมาก ยังไงก็เป็นเด็กแค่อายุเท่าไหร่เอง ดันมีความสามารถนี้ได้!
แต่หลังจากตกใจ ก็ต้องนับถือ นับถือที่ยีนส์ของวารุณีกับประธานนัทธี คลอดลูกที่แสนเพอร์เฟคได้อย่างนี้ออกมา
ไม่รู้ว่าต่อไปลูกของเธอกับรุ่นพี่ จะเป็นอย่างไร?