พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 778 หาฆาตกรเจอแล้ว
เพราะว่าเรื่องนี้จะว่ายังไงล่ะ พงศกรก็ผิด แต่เธอก็เข้าใจได้
ยังไงพ่อแม่ปาจรีย์ก็ฆ่าพ่อแม่เขาโดยทางอ้อมจริงๆ เขาเกลียดครอบครัวปาจรีย์จึงปกติมาก ไม่อยากให้ปาจรีย์คลอดลูกเขา ก็ปกติมาก
สำหรับพงศกรแล้ว ปาจรีย์ก็เป็นศัตรูของเขา ให้ศัตรูคลอดลูกของตัวเอง เขาจะรับได้ไง
ที่สำคัญก็คือ เด็กคนนั้น เขาจะเผชิญหน้าอย่างไร?
เขาไม่รักปาจรีย์ จะดีกับเด็กคนนั้นได้ไง!
แน่นอน ถ้าพงศกรไม่รู้ว่าปาจรีย์ท้อง ก็ไม่เป็นไร ปาจรีย์สามารถคลอดลูกออกมาแล้วเลี้ยงเองได้
แต่ตอนนี้ พงศกรรู้แล้วว่าปาจรีย์ท้อง เด็กก็ยังเป็นลูกของเขา พงศกรไม่มีทางให้ปาจรีย์คลอดออกมาแน่
ถึงคลอดมาแล้ว พงศกรก็ไม่ยอมปล่อยไปแน่
งั้นต่อไป ปาจรีย์กับลูก อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และนี่ก็เป็นความทรมานต่ออนาคตของปาจรีย์ และไม่ใช่เรื่องดีต่อการเติบโตของลูกเลย
หมายความว่า ตอนนี้ในสถานการณ์แบบนี้ ที่จริงแล้วเอาเด็กออกเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่วารุณีรู้ ปาจรีย์ตั้งตารอคอยเด็กคนนี้ และเพราะเด็กคนนี้เธอจึงยอมแพ้กับชีวิตที่จะฆ่าตัวตาย
ถ้าเธอพูดให้ปาจรีย์เอาเด็กออก งั้นจะต่างอะไรกับพูดให้ปาจรีย์ไปตาย?
ดังนั้นแบบนี้ เธอพูดออกมาไม่ได้เลย
แม้ว่า นี่จะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดในตอนนี้ก็ตาม
คิดไป วารุณีก็ถอนหายใจ จากนั้นถามไปว่า:“ปาจรีย์ ต่อไปฉันจะถามเธอสองสามคำถาม เธอต้องตอบฉันอย่างจริงจังนะ”
“โอเค”ปาจรีย์พยักหน้าพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
วารุณีเม้มริมฝีปาก จากนั้นถามว่า:“เด็กคนนี้ เธอจะอยากเก็บไว้จริงๆเหรอ?”
ปาจรีย์พยักหน้าโดยไม่ลังเล“แน่นอน นี่คือชีวิตของฉัน ฉันจะเก็บเขาไว้ ไม่มีเขา ฉันก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไร”
ฟังความหนักแน่นในเสียงของเธอออก วารุณีก็พยักหน้า ในใจมีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว จากนั้นพูดไปว่า:“แล้วก็ เธอต้องรู้ว่า พงศกรรู้แล้วว่าลูกเป็นของเขา และความคิดที่อยากให้เธอเอาเด็กออกก็จริงจังอย่างมาก และเธอสู้เขาไม่ได้แน่นอน”
“ฉันรู้ ดังนั้นตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร “ปาจรีย์ปิดหน้าไว้ เจ็บปวดอย่างมาก
เสียงวารุณีอ่อนโยนลง พูดปลอบ:“เอาล่ะปาจรีย์ เธออย่าเพิ่งกลัว บางคำ เธอต้องพูดให้ชัดเจน ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้จะช่วยเธออย่างไร ฉันอยากคุยกับเธอก็คือ ถ้าเธอตัดสินใจเก็บเด็กคนนี้ไว้ งั้นเธอกับพงศกร ก็จะเป็นศัตรูกันโดยสิ้นเชิง จากนิสัยของพงศกร เขาเอาเด็กในท้องของเธอออกไม่ได้ เขาไม่ยอมแพ้แน่นอน แบบนี้ ไม่ใช่แค่เธอ แต่ยังมีคนข้างกายเธอ ที่จะโดนเขาแก้แค้นไปด้วยได้”
“โดนแก้แค้น?”มือปาจรีย์ที่ถือโทรศัพท์ไว้ สั่นอย่างแรง สีหน้าก็ซีดขาวไป
วารุณีพยักหน้า“ใช่ พงศกรไม่อบอุ่นขนาดนั้น ตรงนี้เธอก็รู้ ถึงเขาจะบอกว่าไปรักษาสภาพจิตใจที่ต่างประเทศมาเรียบร้อยแล้ว แต่จิตใจเขาได้รักษาอย่างดีมาหรือไม่นั้น มีแค่เขาเองที่รู้ ดังนั้นเธอไปพนันกับเขาไม่ได้”
ได้ยินวารุณีพูดแบบนี้ ปาจรีย์ก็ตัวสั่นขึ้นมา“ฉัน……ฉัน……”
ตอนนี้เธอกลัวมากขึ้น
กลัวว่าตัวเองจะถูกพงศกรลากไปทำแท้งอีกครั้ง กลัวว่าพ่อแม่ของตัวเอง จะถูกพงศกรลงมือ
และยังกลัวพี่รพีจะถูกพงศกรทำร้ายอีกครั้ง
ยิ่งคิดยิ่งกลัว ปาจรีย์หายใจเริ่มเร็วมากขึ้น“วารุณี ฉันผิดไปใช่ไหม?ไม่ควรเก็บเด็กคนนี้ไว้?”
เมื่อก่อนเธอ แค่คิดว่าลูกคนนี้ เป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้เธอ ที่รักพงศกรข้างเดียวอย่างขมขื่นมาสิบกว่าปี
ดังนั้นเธอเห็นลูกคนนี้สำคัญกว่าสิ่งใด แค่คิดว่ามีลูกคนนี้ อนาคตของเธอก็จะสมบูรณ์แบบ และลืมพงศกรได้โดยสิ้นเชิง
แต่ตอนนี้การกลับประเทศของพงศกร ทำให้เธอตระหนักได้ทันที เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ใช่เรื่องดี และยังเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องอันเลวร้าย
เพราะว่าพงศกรรับเด็กคนนี้ไม่ได้ อยากให้เธอเอาออก
ถ้าเธอไม่เอาออก เขาอาจจะใช้พ่อแม่เธอและคนที่อยู่รอบๆตัวมาข่มขู่เธอได้
ถึงตอนนั้นพ่อแม่เธอกับคนที่อยู่รอบข้าง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ก็เป็นเธอที่ทำร้ายหมด
เธอ……
ปาจรีย์ไม่กล้าจะคิดต่อไป ตัวก็เยือกเย็นอย่างรุนแรง
วารุณีฟังความหวาดกลัวของเธอออก จึงรีบพูด:“ปาจรีย์ เธอใจเย็นก่อนโอเคไหม?เรื่องราวยังไม่ถึงไหน ดังนั้นตอนนี้เธออย่าทำให้ตัวเองตกใจสิ เธอยังตั้งท้องอยู่นะ เธอห้ามคิดอะไรมั่วซั่ว ไม่งั้นจะไม่ดีต่อลูก ดังนั้นเธอใจเย็นก่อน”
“ฉันรู้แต่……”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น สรุปคือเธออย่าไปคิดอะไรมั่วซั่วอีก ฉันจะติดต่อกับพงศกรก่อน ดูความคิดเขา ถ้าสุดท้ายแล้วเขายังไม่เปลี่ยนความคิด ฉันจะปรึกษากับนัทธี ดูว่าจะจัดการอย่างไร”
ได้ยินเธอพูดว่าจะไปปรึกษานัทธี ในใจของปาจรีย์ก็สงบลงขึ้นเยอะ
เพราะว่าเธอรู้ อิทธิพลของพงศกรไม่ใหญ่เท่านัทธี
ถ้ามีนัทธีช่วยเหลือ ไม่แน่อาจจะปราบปรามพงศกรได้
“โอเค วารุณี เธอต้องช่วยฉันนะ ตอนนี้ฉันได้แต่พึ่งเธอแล้ว”ปาจรีย์ขอร้องอย่างช่วยไม่ได้
วารุณีพยักหน้าแรงๆ“วางใจเถอะ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของฉัน ฉันไม่อยู่เฉยๆโดยไม่สนเธอแน่ ฉันจะต้องช่วยเธอ”
“ขอบคุณนะวารุณี”ปาจรีย์ก็ยิ้มออกมาแทน
หัวใจที่กังวลในสองวันนี้ ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง
วารุณีตอบอือ“เธออย่าเพิ่งรีบขอบคุณฉัน รายละเอียดว่าจะทำไงนั้น ไว้ค่อยคุยทีหลัง แต่ช่วงนี้ เธอต้องปกป้องตัวเองให้ดี เข้าใจไหม?ฉันจะติดต่อเธอให้เร็วที่สุด”
“อือ”ปาจรีย์พยักหน้า
โทรศัพท์เสร็จ วารุณีวางโทรศัพท์ลง แล้วขมวดคิ้วอย่างกังวล
ลีน่ามองเธอ แล้วถาม:“วารุณี เกิดอะไรขึ้นกันแน่?ฉันได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ แท้งอะไรเหรอ แล้วแก้แค้นคนที่อยู่รอบตัวอะไร หมายความว่าอะไรกันแน่?”
วารุณีนวดคิ้ว ถอนหายใจตอบกลับไปว่า:“ปาจรีย์เธอ……”
เธอก็ไม่ได้ปิดบัง พูดสถานการณ์ของปาจรีย์ออกมา
ลีน่าฟังจบ ก็เข้าสู่ความเงียบ
เพราะว่าความบาดหมางของพงศกรกับปาจรีย์ เธอในฐานะคนนอก ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เธอเห็นใจปาจรีย์ และก็เข้าใจพงศกร
ยังไงพงศกรที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เป็นเรื่องปกติมากที่จะไม่เอาลูก และไม่ผิดด้วย
ส่วนปาจรีย์อยากเก็บลูกไว้ ก็ไม่ผิด
เรียกได้ว่า ทั้งสองคนนี้ไม่ผิด ก็แค่มีจุดยืนที่ต่างกัน
“วารุณี เรื่องนี้ เธอจะยื่นมือช่วยไหม?”ลีน่ามองวารุณี
วารุณีนั่งลงไป“ว่าตามเหตุผลแล้ว เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา ฉันไม่ควรแทรกแซง แต่ครั้งนี้ปาจรีย์หมดหนทางจริงๆ มาขอร้องฉัน ฉันก็สงสารเธอ ดังนั้นฉันเลยได้แต่เข้าไปช่วย”
ถึงสุดท้ายแล้วช่วยพูดให้ไม่ได้ เธอก็จะทุ่มสุดตัว
“งั้นเธอคิดจะจัดการอย่างไร?”ลีน่าถามอีกว่า
วารุณีส่ายหน้า“ยังไม่แน่ใจ ถามพงศกรก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”
พูดไป เธอก็หยิบโทรศัพท์มาอีกครั้ง หาเบอร์ของพงศกรแล้วโทรไป
พงศกรรับไวมาก เสียงนั้นอ่อนโยนเหมือนทุกที“วารุณี”
“พงศกร ไม่ได้คุยกันนานเลย”วารุณียกมุมปากขึ้น ฉีกยิ้มออกไป
ที่ปลายสายนั้น แว่นตาของพงศกรสะท้อนแสง“อือ ไม่ได้คุยกันนานเลย”
“ช่วงนี้นายเป็นไงบ้าง?ฉันได้ยินว่านายไปหาฆาตกรมา เป็นไง หาเจอยัง?”วารุณีถาม
พงศกรมองแบบจำลองคนตรงหน้า มุมปากยกขึ้นมาอย่างเยือกเย็น เสียงก็ทุ้มลงและแหบลงไป“หาเจอแล้ว”
“จริงเหรอ? ดีจัง”วารุณียิ้มอย่างดีใจ จากนั้นถามอีกว่า“แล้วฆาตกรล่ะ?นายจัดการอย่างไร?