พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 781 นอนเป็นเพื่อนลูก
“ถูกต้อง” หลังจากที่ไอริณถูกเธอเกลี้ยกล่อม เธอก็อารมณ์ดีขึ้นทันที เชยคอแล้วมองที่อารัณอย่างอิ่มเอมใจ “หม่ามี๊ เมื่อกี้นี้พี่บอกว่าไอริณโง่ หม่ามี๊ช่วยไอริณว่าพี่หน่อย”
“ไม่ได้นะลูก” วารุณีส่ายหัว “หม่ามี๊ว่าพี่เขาไม่ได้ แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับพี่เขา และก็จะทำร้ายจิตใจพี่เขามากๆ แต่หม่ามี๊ช่วยไอริณว่าพี่ได้สองคำ เพราะยังไงพี่เขาก็ผิดจริงๆ ”
พูดอยู่ เธอก็กวักมือเรียนอารัณ “อารัณมานี่”
อารัณก้มหน้าแล้วเดินเข้าไป “หม่ามี๊”
วารุณีแบบมือข้างหนึ่ง แล้วลูบเข้าที่หัวเล็กๆ ของเขา “อารัณ เมื่อกี้นี้ลูกไม่ควรว่าน้องไม่ฉลาดนะรู้ไหม?แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับน้องมากเหมือนกัน แล้วก็ทำร้ายจิตใจน้องมากด้วยแล้วนอกจากน้องแล้ว ลูกก็พูดแบบนี้กับเพื่อนคนอื่นหรือกับผู้ใหญ่ไม่ได้ด้วยแบบนี้ไม่สุภาพมากๆ รู้ไหม?”
อารัณพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับหม่ามี๊ ผมแค่พลั้งปากไป”
“หม่ามี๊เชื่อครับ” วารุณียิ้มแล้วขยี้ผมเด็กตัวน้อย “อารัณเป็นคนฉลาด บางครั้งมันเลยง่ายที่เราจะถือดี เพราะฉะนั้นเลยพูดออกมาแบบไม่ทันคิด แบบนี้ก็ไม่ได้นะลูก ทำแบบนี้จะเปิดให้เห็นถึงข้อบกพร่องหลายอย่าง แล้วก็จะทำให้คนอื่นๆ เกลียดลูก เพราะฉะนั้นเวลาพูดต้องมีสติอยู่ตลอด คิดให้ดีก่อนตัดสินใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี แบบนี้จะได้ไม่มีใครจับจุดอ่อนจากคำพูดของลูก แล้วเอามาจัดการลูกได้ เข้าใจไหม?”
อารัณครุ่นคิดแล้วตอบรับ “เข้าใจแล้วครับหม่ามี๊”
“งั้นก็ดี งั้นตอนนี้มาขอโทษน้อง” วารุณีดันอารัณไปตรงหน้าไอริณ
อารัณมองหน้าไอริณ “ขอโทษนะไอริณ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่” ไอริณส่ายหัว หลังจากนั้นก็ขอโทษเช่นกัน “หนูเองก็ต้องขอโทษพี่เหมือนกันค่ะ ไม่ควรให้แม่ว่าพี่ แบบนี้ไม่ถูกเลย”
“ดีมาก” มองไปที่ลูกสาวลูกชายที่ช่างรู้ความของตัวเอง วารุณีรู้สึกปลาบปลื้มใจ
หลังจากนั้น เธออุ้มอารัณขึ้นเตียงเช่นกัน “ที่จริงที่อารัณพูดก็ถูก ครั้งนี้หม่ามี๊ ขอลูกให้ช่วยหม่ามี๊จริงๆ ”
พูดถึงเท่านี้ เพื่อไม่ให้เด็กน้อยหวง วารุณีพูดขึ้นอีกครั้ง: “รอรอบหน้า หม่ามี๊ต้องการไอริณจัดการคนเลว ให้ไอริณช่วยดีไหม?หม่ามี๊รู้ ไอริณเป็นมวยที่เยี่ยมที่สุด”
เพราะไอริณเข้าใจว่าวารุณีมาขอความช่วยเหลือจากอารัณ ไม่ขอจากตัวเอง เลยไม่ค่อยพอใจนัก
แต่เมื่อวารุณีพูดแบบนี้ อารมณ์ที่ไม่ดีอยู่นั้นก็หายไปทันที แกว่งมือน้อยๆ แล้วพูด: “อื้ม ไอริณเป็นมวย ถ้ามีคนแล้วล่ะก็หม่ามี๊ต้องจำไว้ว่าเรียกหนูนะ หนูจะซัดให้หางจุกตูดเลยค่ะ”
“หม่ามี๊ก็เชื่อว่าไอริณทำได้แน่นอน” อารัณวางมือบนไหล่ของเด็กน้อย
วารุณียิ้มพร้อมพยักหน้า “โอเค หม่ามี๊จะมาหาไอริณ”
“อื้มๆ ” ไอริณรีบส่งเสียงตอบรับสองครั้ง หลังจากนั้นก็มองไปที่อารัณ “พี่คะ ตอนนี้พี่ไปช่วยหม่ามี๊เถอะ”
“หม่ามี๊ ตกลงมีเรื่องอะไรครับ?” อารัณมองที่ไอริณ
วารุณีห่มผ้าให้เด็กทั้งสอง “ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก หม่ามี๊อยากให้ลูกหาคนคนหนึ่งน่ะ สุชาดา”
“สุชาดา?” อารัณกะพริบตา
วารุณีพยักหน้า “ใช่แล้ว”
“ผมรับทราบครับหม่ามี๊ เดี๋ยวผม…….”
ยังไม่ทันที่เขาพูดจบ ก็ถูกวารุณีกดไว้ “ไม่ต้องรีบ นี่ไม่ใช่เรื่องด่วน จะให้ลูกทำเดี๋ยวนี้เลยได้ยังไง หน้าที่ของลูกตอนนี้คือนอน ตื่นมาพรุ่งนี้ค่อยช่วยหม่ามี๊หา”
เมื่อได้ยินวารุณีพูดแบบนี้ อารัณเลยไม่ขยับ แล้วนอนลงใหม่อย่างเชื่อฟัง “ผมเข้าใจแล้วครับหม่ามี๊ พรุ่งนี้ผมจะตามให้”
“ใช่แล้ว เอาล่ะ ลูกๆ นอนได้แล้ว หม่ามี๊กลับก่อนนะ” วารุณีพูดอยู่ ก็จะลุกจากไป
ทันใดนั้นไอริณก็ดึงมือเธอไว้ “หม่ามี๊อย่าไปค่ะ หม่ามี๊นอนกับไอริณกับพี่ได้ไหมคะ?”
“นอนกับลูก?” วารุณีเลิกคิ้ว
ไอริณรีบพยักหน้า “ใช่ค่ะ หม่ามี๊ไม่ได้นอนกับไอริณกับพี่นานแล้ว ไอริณอยากนอนกับหม่ามี๊มากเลยค่ะ”
“ผมก็ด้วย” สุดท้ายแล้วอารัณก็เป็นเด็กคนหนึ่ง เด็กน้อยล้วนติดพ่อแม่กันทั้งนั้น
ได้นอนกับพ่อแม่ เขาก็ดีใจเป็นเรื่องธรรมชาติ
วารุณีมองที่ดวงตาโตๆ อย่างคาดหวังของเด็กทั้งสอง ไม่ว่ายังไงก็ปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับ “ก็ได้ หม่ามี๊จะนอนกับลูก”
“โอเค!” เด็กทั้งสองปรบมือดีใจ
สุดท้ายเด็กทั้งสอง ก็เปิดผ้าห่ม แล้วดันวารุณีขึ้นไป
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงถอดรองเท้าแตะแล้วขึ้นไป นอนลงข้างเด็กทั้งสอง
ไอริณหยิงหนังสือนิทานยื่นให้เธอ “หม่ามี๊เล่านิทาน”
“ได้ค่ะ งั้นหม่ามี๊เล่าให้ลูกฟังหนึ่งเรื่อง” วารุณีรับนิทานมา
ขณะที่เธอเจอนิทานเรื่องที่น่าสนใจ กำลังเตรียมที่จะเล่าให้เด็กทั้งสองฟังนั้น ประตูห้องก็เปิดออก
นัทธีเดินเข้าในชุดนอน มองสามแม่ลูกที่นอนกันอยู่บนเตียง ริมฝีปากบางเอ่ย “ผมว่าแล้วว่าคุณต้องอยู่ที่นี่”
เขาออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เห็นว่าเธอไม่อยู่ที่ห้อง
แทบจะไม่ต้องคิด ก็รู้ได้เลยว่าต้องอยู่กับเด็กสองคนที่นี่
วารุณีมองชายที่ตามมาแล้วยิ้ม “วันนี้อารัณกับไอริณให้ฉันนอนด้วยค่ะ ฉันเลยจะไม่กลับห้อง ที่รักคะ คุณกลับไปนอนก่อนเถอะค่ะ”
“ใช่ครับพ่อ พ่อรีบกลับไปเถอะครับ” อารัณคล้อยตาม
ใบหน้าของนัทธีกลายเป็นสีเข้ม จ้องไปที่อารัณ
เด็กนี่ รีบไล่เขาจริงเชียวนะ
“พ่อไม่ไปหรอก” และในตอนนี้ ไอริณก็พูดขึ้น ตบลงที่ข้างๆ อีกฝั่ง “พ่อก็อยู่ค่ะ อยู่กับแม่ นอนกับหนูกับพี่นะคะ”
ประโยค ราวกับเสียงสวรรค์แพร่กระจายเข้ามาในหูของนัทธี
ใบหน้ามืดครึ้มของนัทธีก็สว่างจ้าขึ้นทันที ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น หลังจากนั้นก็ส่งสายตาลำพองใจไปหาอารัณ
หนุ่มน้อย เห็นหรือยัง น้องนายรู้ความกว่านายอีกนะ
ลูกสาวนี่ดีกว่าลํกบายจริงๆ แฮะ
ดูสิเด็กนี่ลูกอกตัญญู มาไล่พ่อออกไปเฉยเลย
ท่าทางยั่วยุอารัณของนัทธี ทั้งหมดถูกตกอยู่ในสายตาของวารุณี
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไร้สาระ”
“พ่อคะ รีบขึ้นมาเร็ว” ไอริณตบเข้าที่ตำแหน่งข้างๆ แล้วพูดเร่ง
นัทธียิ้มอยางอ่อนโยน “มาแล้วครับ”
ถึงแม้ว่า เขาจะมาที่นี่เพื่อพาวารุณีกลับไป
แต่เด็กสองคนรั้งเขาไว้ ให้เขาอยู่นอนกับพวกเขา เขาก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว
อีกอย่าง เขากับวารุณีนอนกับพวกเขาน้อยมากจริงๆ ปล่อยให้พวกเขานอนกันเองตลอด
แต่มีบางครั้งที่นอนกับเด็กสองคน ทำตามอย่างที่เขาปรารถนา ก็เป็นเรื่องดี
แบบนี้แหละ ครอบครัวสี่คนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
วารุณีกับนัทธีแยกกันนอนอยู่คนละฝั่งของเตียง เด็กสองคนนอนอยู่ข้างระหว่างพวกเขา
โชคดีที่เตียงใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงแน่นอัดไม่ได้
มีพ่อแม่นอนกับตัวเอง คืนนี้ เด็กทั้งสองตื่นเต้นมีความสุข พลิกตัวไปมาอยู่นานก็ไม่หลับ
แต่โชคดีที่เด็กทั้งสองเล่นจนเหนื่อย จึงหลับตาหลับไป
วารุณีกับนัทธียังไม่หลับ หลังจากมองตากัน ต่างก็เห็นสายตาโล่งใจจากความอึดอัดของอีกฝ่าย
เด็กสองคนนี้หยอกเล่นกันเสียงดังสุดๆ สักพักก็ให้ขาเล่านิทาน สักพักก็ให้พวกเขาร้องเพลง สักพักก็ให้พวกเขาเล่นเกมกับพวกเขาอีก
สรุปแล้ว นอนกับเด็กสองคนนี้ เหนื่อยสุดๆ
วารุณีกลั้นหาวไม่อยู่ อาการง่วงนอนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
นัทธีเห็น ก็พูดเวยน้ำเสียงอบอุ่น: “นอนเถอะ ผมปิดไปแล้ว”
“อื้ม” วารุณีพยักหน้า “คุณก็นอนเถอะค่ะ ถูกเด็กสองคนนี้ทรมานอยู่นาน เหนื่อยใช่ไหม?”
นัทธียิ้มเบาๆ “นิดหน่อย เด็กคึกคักเกินไปแล้ว”
วารุณียิ้มตาม “ใช่ค่ะ”
“ฝันดีนะ!” นัทธียกมือขึ้น แล้ววางมือลงบนสวิตช์ไฟ
“ฝันดีค่ะ!” วารุณีตอบกลับ
ท่ามกลางเสียงบอกฝันดีของเธอ ดวงไฟก็มอดตาม ทั้งห้อง ก็ตกอยู่ในความมืด