พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 786 การสูญหายของสุชาดา
คุณพ่อประสิทธิ์กอดคุณแม่ปารวี พยักหน้าด้วยความปวดร้าว “คุณพูดถูก ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างวันนี้ ปีนั้น ผมไม่ควรไปช่วยพวกเขา”
เขากับพ่อแม่ของพงศกรเป็นเพื่อนกัน เมื่อได้ยินพ่อแม่ของพงศกรบอกว่า มีคนไล่ตามฆ่าพวกเขา เขาคิดว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นเพื่อนนั้น ไม่สามารถที่จะเพิกเฉยไม่สนใจเขาอย่างนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกระทำโดยชอบธรรม เสี่ยงที่จะถูกพัวพัน และเสี่ยงที่จะถูกฆ่าตาย โดยไม่คิดคิด ลงมือโดยไม่ลังเล ที่จะช่วยพวกเขา จัดที่หลบซ่อนให้พวกเขา เพื่อที่จะไม่ให้มือฆ่าหาพวกเขาเจอ
แล้วผลสรุปล่ะ?
ครอบครัวพวกเขาได้อะไร?
คือความเกลียดแค้นของลูกเขา คือสิ่งที่ลูกของพวกเขาทำให้ปาจรีย์เสียใจ!
เขายอมรับ ว่าครอบครัวพวกเขาไม่ทันระวังเลยเปิดเผยที่อยู่ของตระกูลอิสริยานนท์ ทำให้พ่อแม่ของพงศกรเสียชีวิตอย่างอนาถ ในใจเขาเองก็รู้สึกโทษตัวเอง และละอายใจ ดังนั้นสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีวันไหนที่เขาใช้ชีวิตโดยไม่เป็นทุกข์ ถึงแม้จะเห็นปาจรีย์จมปลักอยู่กับพงศกรอย่างเต็มเปี่ยม อาจจะถึงทำร้ายตัวเอง เขาก็ไม่เคยเอ่ยปากห้ามปรามปาจรีย์
เพราะเขาแค่คิดว่า ปาจรีย์คบกับพงศกรก็เป็นเรื่องดี ยกลูกสาวให้พงศกรเพื่อชดเชยความผิด เติมเต็มความละอายใจที่ตระกูลของตัวเองมีต่อพ่อแม่ของพงศกรได้
แต่พงศกรไม่ควรเลย ไม่ควรทำปาจรีย์เป็นตัวตลก!
ในเมื่อไม่ชอบปาจรีย์ ไม่ยอมรับปาจรีย์ งั้นก็ไม่ควรสร้างความสัมพันธ์กับปาจรีย์สิ แล้วก็ไม่ควรทำปาจรีย์ท้องด้วยมาใช่เหรอ?
วันนี้ตั้งท้องแล้ว ยังให้ปาจรีย์ไปทำแท้ง ปาจรีย์ไม่ยอม ยังมาใช้คนแก่อย่างเราสองคนไปเป็นอำนาจต่อรอง
เห็นๆ ว่าพงศกรไม่ชอบปาจรีย์ สามารถไล่ปาจรีย์ไปเลยก็ได้ ทำไมต้องทำร้ายปาจรีย์ขนาดนี้?
แถมตระกูลจิรดำรงค์ก็ได้ขอโทษตระกูลอิสริยานนท์ แต่การขอโทษนี้ ไม่อาจยกโทษให้ตระกูลจิรดำรงค์ อย่างแน่นอน
ในปีนั้นถ้าเขาไม่ได้ไปช่วยตระกูลอิสริยานนท์อย่างไม่เด็ดเดี่ยว สามีภรรยาตระกูลอิสริยานนท์ก็ถูกมือห่าสังหารไปนานแล้ว แม้แต่พงศกรเองก็ไม่รอด และถูกฆ่าทิ้งเหมือนกัน
แต่เพราะการยื่นมือของเขา ช่วยตระกูลอิสริยานนท์ในการหลบซ่อน ถึงทำให้พ่อแม่ของพงศกรมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกช่วงหนึ่ง ถึงทำให้พงศกรรอดมาได้
ดังนั้น พวกตระกูลอิสริยานนท์ควรตายตั้งแต่แรก จนกระทั่งเพราะการยื่นมือของเขา เลยเหลือสายเลือดของตระกูลอิสริยานนท์ทิ้งไว้
แต่ทว่าพงศกรกลับไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณเขา กลับกันตระกูลจิรดำรงค์กลับคิดว่าเขาเป็นฆาตรกรตระกูลอิสริยานนท์
นี่มันตรรกะอะไรกัน?
ตระกูลจิรดำรงค์ ผิดมากขนาดนั้นเลย
ดังนั้นตอนนี้คุณพ่อประสิทธิ์รู้สึกเสียใจอย่างมาก เสียใจที่ยื่นมือช่วยในปีนั้น
ถ้ารู้ว่าครอบครัวตัวเองต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดเพราะตระกูลอิสริยานนท์ เป็นเวลาหลายปีแบบนี้ เขาจะไม่ยุ่งกับชีวิตความตายของตระกูลอิสริยานนท์เลย!
“ที่รัก คุณว่าครั้งนี้ปาจรีย์จะตัดใจจากพงศกรได้จริงๆ ไหม?” หลังจากร้องไปสักพัก คุณแม่ปารวีก็รู้สึกดีขึ้นหน่อย หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ก็สงบลงแล้วถาม
คุณพ่อประสิทธิ์ถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่รู้สิ แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าปาจรีย์ตัดใจจากพงศกรได้ง่ายแบบนี้ เธอคงไม่รักพงศกร รักมาหลายปีขนาดนี้ โดยที่ไม่ตัดใจ”
หลังได้ยินคุณพ่อประสิทธิ์พูดแบบนี้ คุณแม่ปารวีก็รู้สึกปวดหัว “ใช่สิ คุณบอกมาสิว่าตระกูลจิรดำรงค์ ไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้ไปตกอยู่ในกำมือของตระกูลอิสริยานนท์!”
มองที่ลูกสาวที่ตัวซูบผอม หัวใจของคุณแม่ปาจรีย์ก็กระตุกวูบ
คุณพ่อประสิทธิ์ก็ถอนหายใจอีกครั้ง “ถือว่าชาติที่แล้วติดหนี้ตระกูลอิสริยานนท์แล้ว ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้ แต่ตอนนี้ พวกเราออกมาจากจังหวัดจันทร์แล้ว ออกมาจากเมืองธาราแล้ว ไปประเทศแปลกหน้า เราก็เลิกคิดอย่างอื่นเถอะ ต่อจากนี้ไป ครอบครัวเรา ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบเถอะ บางที่ต่อไปนี้ ปาจรีย์จะค่อยๆ ตัดใจจากพงศกรได้เอง เพียงแค่ปาจรีย์ตัดใจจากพงศกรได้ ตระกูลจิรดำรงค์ของพวกเรา กับตระกูลอิสริยานนท์ ชาตินี้ ก็จะได้ไม่ต้องติดต่อกันอีก”
“คุณพูดถูก” แม่ปารวีพยักหน้า
จากนั้น เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นได้ แล้วพูดอย่างละอายใจ: “ใช่แล้ว เด็กรพีนั่น ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงแล้วบ้าง ปาจรีย์บอกว่า เพราะห้ามพงศกรไม่ให้ปาจรีย์ทำแท้ง เลยถูกพงศกรทำร้ายบาดเจ็บสาหัสจนนอนโรงพยาบาล เราสามีพยาบาลยังไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลย”
“ใช่” คุณพ่อประสิทธิ์ถอนหายใจแล้วพูด: “รอลงเครื่องเสร็จ ค่อยถามสามีวารุณีแล้วกัน คุณมีทางติดต่อไม่ใช่เหรอ?โทรหาสามีวารุณีถามข่าวเด็กรพีคนนั้น จะว่าไป เราก็ติดหนี้เด็กคนนั้นเยอะเหมือนกันนะ”
“แต่ ครั้งนี้รพีเข้าโรงพยาบาลเพราะช่วยชีวิตปาจรีย์ น้ำใจนี้พวกเราก็ตอบแทนให้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึง การจากไปของเราครั้งนี้ ก็เท่ากับรพีถูกปาจรีย์บอกเลิกฝ่ายเดียวเหมือนกัน” คุณแม่ปารวียิ้มอย่างขมขื่น
คุณแม่ปารวีมองไปที่ปาจรีย์ “รพีน่าจะเข้าใจพวกเรา รอหลังจากเราจัดการทุกอย่างเสร็จ จะติดต่อรพีไป คุยกับเขาแล้วกัน”
“ใช่” คุณแม่ปารวีพยักหน้า
หลังจากนั้น สองสามีภรรยาก็ไม่พูดอะไรอีก เฝ้าดูลูกสาวที่หลับไป หลับใหลในความเงียบ
อีกฝั่ง หลังจากจบการแข่งขันในวันนี้วารุณีและลีน่า ก็กลับคฤหาสน์ด้วยกัน
เพิ่งจะกลับถึงคฤหาสน์ วารุณีก็รับสายอารัณที่โทรเข้ามา “หม่ามี้”
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนโยนของเด็ก หัวใจของวารุณีก็แทบละลายเป็นน้ำ “ที่รัก ทำไมอยู่ๆ โทรหาหม่ามี๊ล่ะ?”
“คิดถึงหม่ามี๊ครับ” อารัณหัวเราะคิกคัก
วารุณีเองก็ยิ้ม “หม่ามี๊ก็คิดถึงลูกค่ะ”
“แล้วก็ไอริณ ไอริณก็คิดถึงหม่ามี๊ค่ะ” ขณะเดียวกัน ข้างกายอารัณ ไอริณปัดคำพูดอารัณ พูดกับโทรศัพท์
เมื่อวารุณีได้ยินเสียงลูกสาว รอยยิ้มบนใบหน้าก็แน่นขึ้น “หม่ามี๊ก็คิดถึงไอริณค่ะ”
“เอาล่ะไอริณ เธอไปเล่นตรงนั้น พี่จะคุยธุระกัวหม่ามี๊” เมื่อเห็นว่าไอริณจะแย่งโทรศัพท์ไป อารัณจึงหยุดไว้
ยังไงเขาก็ไม่ลืม ที่ตัวเองโทรหาหม่ามี๊ นอกจากคิดถึงหม่ามี๊แล้ว ที่สำคัญกว่านั้น คือมีธุระสำคัญจะคุย
ไอริณก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้ความ เมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะคุยธุระกับแม่ ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากยอม แต่ก็เก็บมืออย่างเชื่อฟัง ไม่แย่งโทรศัพท์จากอารัณแล้ว
“งั้นก็ได้ พี่คุยกับหม่ามี๊เถอะ” ไอริณกระดกปากร้อยๆ ขึ้น พูดอย่างขุ่นเคือง
อารัณลูบหัวเล็กๆ ของเขา “เดี๋ยวอีกสักพักพี่พาไปหาคุณยายส้ม ไปกินไอติม”
เมื่อได้ยินไอติม ดวงตาไอริณก็เป็นประกายทันที ตบมือดีใจ “ได้เลย”
เนื่องจากกฎของคุณพ่อ ไม่ให้กินไอติมทุกวัน กินได้แค่สามวันหนึ่งครั้งเท่านั้น
แต่เมื่อวานซืนเธอเพิ่งจะกินไป ดังนั้นวันมะรืนถึงจะกินได้
เนื่องจากเธอมีความตะกละอยู่ตลอด อยากกิน
ตอนนี้เมื่อเธอได้ยินว่าพี่ชายมีวิธีให้เธอได้กินไอติม เธอจึงดีใจสุดๆ
ไอริณเดินกระโดดไป ในที่สุดอารัณก็ว่าง เริ่มพูดธุระกับวารุณี “หม่ามี๊ ครั้งที่แล้วหม่ามี๊ให้ผมหาคนชื่อสุชาดา ผมหาเจอแล้วครับ”
“เอ๊ะ?” วารุณีขมวดคิ้ว
เธอรู้อยู่แล้วเรื่องที่ลูกจะพูดกับเธอ คือเรื่องนี้
วารุณีถามอย่างดีใจ “อยู่ที่ไหนเหรอ?”
“อยู่ที่คลับเฮาท์ หม่ามี๊ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ให้หม่ามี๊นะครับ” อารัณพูด
วารุณีพยักหน้า “ได้ หม่ามี๊เข้าใจแล้ว อารัณเก่งมาก!”
เมื่อได้ยินวารุณีชม อารัณก็ดีใจ แล้วรู้สึกเขิน ใบหน้าเล็กๆ แดงขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อไม่ให้อยู่ใกล้คอมนาน ไม่ดีต่อสายตา
เขาคงหาคนคนนั้นเจอนานแล้ว
หลังจากนั้น วารุณีคุยกับอารัณต่ออีกสักพัก แล้ววางสายไป
เพิ่งจะวางสายไปไม่นาน อีเมลวารุณี ก็ได้รับจากที่อารัณส่งมา เป็นเมลล์เกี่ยวกับที่อยู่ของสุชาดา
ลีน่าเขามาดูกับเธอใกล้ๆ
เมื่อเห็นที่อยู่ในเมลล์ มุมปากก็กระตุก “ฮึ๊ย ที่คลับเฮาท์”
“ทำไม?เธอรู้จักเหรอ?” วารุณีหันมองเธอ
ลีน่าพยักหน้า สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “ฉันรู้จัก คลับเฮาท์นี่ดังมากในประเทศนี้ เป็นคลับเฮาท์ที่วุ่นวายเลอะเทอะมาก สรุปได้เลยคือ สกปรก!”