พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 790 การตกใจของคุณแม่ปารวี
หลังจากนั้น เธอก็จดที่อยู่ เขียนไว้บนกระดาษแผ่นหนึ่ง หลังจากนั้นก็วางสาย
มองไปที่ที่อยู่ที่เขียนไว้บนกระดาษ มือของปาจรีย์นั้นสั่น
เธอจะไม่ฉันแบบนี้ได้ยังไง?
จะทำยังไงถึงจะทำให้หัวใจนั้นไม่มีคลื่น
ใช่ที่สุด กระดาษแผ่นนี้ คือกุญแจที่จะทำให้เธอลืมพงศกร
คิดอยู่ ปาจรีย์ก็กำกระดาษแน่น แล้วหลับตาลง รกายของเธอมีลมหายใจที่เศร้าโศกและโล่งใจ
พงศกร ฉันตัดใจจากคุณแล้ว แล้วปล่อยตัวเองแล้วเหมือนกัน
สิบกว่าปีมานี้ ฉันรักเขามาตลอด รักจนสูญเสียตัวเอง รักเขารักจนไม่มีศักดิ์ศรี รักเขารักจนแทบจะบ้า
เขารู้สึกขยะแขยง ทำไมหัวใจเธอถึงจะไม่เจ็บนะ ?
แต่เธอไม่ได้เรามาเอง ไม่ได้ออกมาจากความสัมพันธ์นี้ คือเอาตัวเองเข้าไปในตะข่าย จะหลุดพ้นมาไม่ได้
เพราะฉะนั้นความจริงแล้วเธอก็อย่างนี้เอามาเหมือนกัน แต่หาทางไม่เจอ
แต่วันนี้ เธอทำได้เพียงใช้วิธีสุดโต่งนี้ มาทำให้หลุดพ้นจากพัฒนาการทางอารมณ์นี้ ปลดปล่อยตัวเอง และปลดปล่อยเขา
ดังนั้นพงศกร ฉันไม่รักคุณแล้ว
“พงศกร ฉันไม่รักคุณแล้ว” ปาจรีย์ลืมตาขึ้น ทั้งร้องไห้ทั้งยิ้ม
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ตอนที่เธออ้างว่าเธอจะออกไปเดินเล่น เธอก็เดินเข้าไปในคลินิกสะกดจิตที่เธอติดต่อไว้เมื่อวานคนเดียว
เมื่อเธอออกมาจากข้างใน อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ตอนที่เธอเดินเข้าไป สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความ อารมณ์รอบตัวเธอก็หนักอึ้งและเศร้า
แต่ตอนนี้แม่ออกมาแล้ว สีหน้าเธอมีแต่รอยยิ้ม บรรยากาศรอบตัว ก็เปลี่ยนไปมีแต่ความสดใสเช่นเดียวกัน
ถ้าเธอบอกว่า ปาจรีย์คนก่อนที่เข้าไป เป็นคนที่ได้รับการบาดเจ็บจากอารมณ์ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีตัวตน เรากลับว่าเป็นคนที่สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว
แต่ปาจรีย์คนปัจจุบัน คือคนที่ไม่เคยได้รับความเจ็บปวดทางอารมณ์มาก่อน แล้วตาคือคนที่มีแต่ความสดใส
สรุปได้ว่า ถ้าหากตอนนี้ปาจรีย์ไปยืนอยู่ตรงหน้าของคุณพ่อประสิทธิ์และคุณแม่ปารวี คุณพ่อประสิทธิ์และคุณแม่ปารวีจะต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน วันนี้คือลูกสาวของพวกเขา
เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อปาจรีย์กลับถึงบ้าน ก็เห็นรอยยิ้มบนหน้า ราวกับว่าไม่เคยพบกับความล้มเหลวมาก่อน ทั้งคู่ตะลึง
“เกิดอะไรขึ้น?” คุณแม่ปารวีที่ถือตะหลิวอยู่ ก็ตกใจแล้วมองคุณพ่อประสิทธิ์
คุณพ่อประสิทธิ์มองปาจรีย์ แล้วส่ายหัว “ไม่รู้สิ”
“แหละ ทำไมปาจรีย์ถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ล่ะ?เปลี่ยนเป็นคนที่สดใสขนาดนี้?เหมือนตอนที่เธอเป็นเด็ก” คุณแม่ปารวีพูดพึมพำ
คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้า “ผมก็ว่า”
“ไม่ปกติ นี่ไม่ปกติแน่ๆ ” การแสดงออกของคุณแม่ปารวีเคร่งขรึมขึ้นมา “เมื่อวานนี้ปาจรีย์ยังดูหดหู่อยู่ วันนี้จะเป็นเหมือนเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้นได้ยังไงกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ ต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างแน่”
เมื่อกี๊ตอนที่ปาจรีย์กลับมา ท่าทางที่ยิ้มทักทายพวกเขา ซึ่งแปลกมาก ทำให้สองสามีภรรยาทั้งคู่รู้สึกว่าผิดปกติ
หลังจากปาจรีย์อายุสิบกว่าขวบ ก็ไม่ทักทายพวกเขาเหมือนเด็กแล้ว
แต่วิธีที่ปาจรีย์เพิ่งทักทายเขาไปเมื่อกี้นี้ เหมือนกับตอนที่อายุสิบกว่าขวบ
นี่ไม่ได้บ่งชี้พิสูจน์แล้วว่ามีปัญหาแล้วเหรอ?
“ไปถามหน่อยไหม?” คุณพ่อประสิทธิ์แนะนำขึ้น
คุณแม่ปารวีพยักหน้า “ถามสิ ต้องถาม ถ้าไม่ทำให้ชัดเจนว่าเมื่อกี้ที่ออกไปเกิดอะไรขึ้น ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ฉันไม่สบายใจแน่”
“งั้นคุณไปถาม” คุณพ่อประสิทธิ์บ่ายเบี่ยง
คุณแม่ปารวีกลอกตาใส่เขา “ไปก็ไป”
พูดจบ ขอยืมตะหลิวในมือให้เขา “ถือไว้ คุณไปคนหม้อ”
“ได้ รีบไปเถอะ” คุณพ่อประสิทธิ์รับตะหลิวมาแล้วเร่ง
คุณแม่ปารวีถอดผ้ากันเปื้อนบนตัวและโยนไปให้เขา หลังจากนั้นก็เดินไปที่ห้องของปาจรีย์
เมื่อถึงหน้าประตู คุณแม่ปารวีก็ยกมือขึ้น เตรียมที่จะเคาะประตู ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเพลงได้ออกมาจากห้อง
คุณแม่ปารวีตกใจ ปาจรีย์ร้องเพลง
ปาจรีย์กำลังร้องเพลงเหรอ?
แถมยังร้องเพลงเร็วอีก
นี่ๆๆ ……
คุณแม่ปารวีหน้าสีเปลี่ยนอีกครั้ง ในใจเกิดความโกลาหล และไม่สงบเลย
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าหลังจากที่ปาจรีย์ไปฆ่าตัวตายมา ก็ไม่เคยอารมณ์ดีอีกเลย แล้วก็ยิ้มน้อยมาก เรื่องร้องเพลงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ตอนนี้จะไม่เพียงแค่ร้องเพลง แถมยังร้องเพลงเร็วอีก เห็นได้ชัดว่ามันผิดปกติ
คงไม่ใช่เพราะว่าปาจรีย์เศร้ามากเกินไป ไม่ถูกแรงกระตุ้น จนทำให้บุคลิกเปลี่ยนนะ?
ได้ยินมาว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เมื่อคิดถึงว่าปาจรีย์อาจจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วทำให้บุคลิกเปลี่ยน คุณแม่ปารวีก็ร้อนใจจนไม่เคาะประตู แล้วเปิดประตูเข้าไปเลย
หนังจะเข้าไป คุณแม่ปารวีก็เห็นว่าปาจรีย์นั่งอยู่หน้าคอม ใส่เสื้อนอนตัวใหญ่สบายๆ ใส่หูฟัง ท่าทางส่ายหัว มีความสุขอย่างมาก
ปาจรีย์กับท่าทางแบบนี้ ทำให้คุณแม่ปารวีตกตะลึง “ปาจรีย์?”
ทำไมปาจรีย์ถึงทำท่าทางแบบนี้?
ได้รับแรงกระตุ้นมาใช่ไหม?
ปาจรีย์กับท่าทาง เธอเคยเจอแค่ตอนสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นปาจรีย์แต่งตัวแนวร็อก แต่งแบบนี้ทุกวัน อย่างกับเด็กบ้า
จนกระทั่งหลังขึ้นมอปลาย นิสัยของปาจรีย์ก็โตขึ้นมาหน่อย แล้วก่อนไม่เป็นแนวนั้นอีกแล้ว
แต่ท่าทางของปาจรีย์ตอนนี้……
ภายในห้อง เมื่อปาจรีย์ได้ยินเสียงของคุณแม่ปารวี ก็หยุดท่าทางส่ายหัว ปิดหูฟังแล้วหันไป เมื่อเห็นคุณแม่ปารวี ก็ยิ้มทักทาย “แม่ ไม่มาทำไมเหรอ?”
เธอถอดหูฟัง แล้วเอาขาลงจากเก้าอี้ ไม่ยกต่อ
คุณแม่ปารวีเดินเข้าไป แล้วมองเธอด้วยสายตาและเคร่งขรึม “ปาจรีย์ ลูก……”
“หูเป็นอะไรไปเหรอ?” ปาจรีย์เอียงหัว แล้วถามด้วยใบหน้าสงสัย
คุณแม่ปารวีอ้าปากค้าง อ้าปากค้างอยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็ถามสิ่งที่อยู่ในใจออกมา “ ปาจรีย์ ลูกได้รับแรงกระตุ้นอะไรใช่ไหม?”
ประโยคนี้ทำให้ปาจรีย์หัวเราะออกมาทันที เธอกุมท้องหัวเราะไม่หยุด “แม่ นี่แม่กำลังพูดอะไรเนี่ย อะไรมาทำให้หนูได้รับแรงกระตุ้น”
เมื่อมองดูลูกสาวที่หัวเราะอย่างมีความสุข คุณแม่ตาราวีเขารู้สึกหนักใจขึ้น ยิ่งรู้สึกว่า ลูกสาวของตัวเองได้รับแรงกระตุ้นเข้าแล้ว
คุณแม่ปารวีจับเข้าที่แขนของปาจรีย์ทันที ร้อนใจอย่างสุดๆ “ปาจรีย์ ทำไมลูกถึงฮือๆๆ ……” คุณแม่ปาจรีย์อดไม่ได้ที่จะรอให้ออกมา
ปาจรีย์ตกใจมาก “แม่ แม่เป็นอะไร?ร้องไห้ทำไม?”
คุณแม่ปาจรีย์ไม่ตอบ แล้วพ่อเธอเข้ามาก่อน “ปาจรีย์ของแม่ ปาจรีย์ผู้น่าสงสาร”
ปาจรีย์มองที่คุณแม่ที่ร้องไห้อย่างหนัก เธอจำใจสุดๆ ตบเขาทีหลังของแม่ตัวเอง: “แม่ หยุดร้องเถอะ แม่เป็นอะไร บอกหนูมา”
“ปาจรีย์ ลูกบอกแม่ก่อน ว่าลูกเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” คุณแม่ปารวีจับเข้าที่หน้าของเธอ ไม่ตอบแต่กลับถามแทน
ปาจรีย์กะพริบตา “ เปลี่ยนเป็นแบบนี้อะไร หนูก็เป็นแบบนี้มาตลอด”
“อะไรนะ?” คุณแม่ปารวีตะลึง “ เป็นแบบนี้มาตลอดเหรอ ?”
ไม่ใช่สิ หลังจากที่ปาจรีย์ได้รับแรงกระตุ้น นิสัยก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนตอนสิบกว่าขวบเหรอ?
เมื่อคิดถึงเท่านี้ คุณแม่ปารวีก็รีบถามต่อ “ ปาจรีย์ ตอนนี้ลูกอายุเท่าไหร่?”
“ห้ะ?” ปาจรีย์ตกใจ “แม่ แม่มาถามอายุหนูทำไมเนี่ย?”
“ลูกรีบตอบแม่มา ว่าลูกยังจะมาอยู่ตัวเองได้อยู่ไหม?” คุณแม่ปารวีเขย่าไหล่ของปาจรีย์ แล้วพูดเร่ง
ปาจรีย์ถูกเขย่าจนเวียนหัว แล้วตอบ: “ยี่สิบเจ็ดปี”
คุณแม่ปารวีก็หยุด “ ลูกรู้ว่าตัวเองอายุยี่สิบเจ็ด ?”
ปาจรีย์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่ แม่ทำอะไร คิดว่าหนูโง่เหรอ ขนาดอายุตัวเองยังไม่รู้?”
คุณแม่ปารวีไม่พูดต่อ
เธอยังคงคิดว่าลูกสาวของตัวเองได้รับแรงกระตุ้นจริงๆ ทำให้บุคลิกและสติปัญญากลับไปตอนที่อายุสิบกว่าขวบ ลืมอายุที่แท้จริงของตัวเอง
แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิด
“แม่ ตกลงว่าแม่เป็นอะไรไปเนี่ย?” ปาจรีย์มองที่คุณแม่ปารวีด้วยความสงสัย
คุณแม่ปารวีจ้องไปที่เธอยังโกรธเคือง “ลูกจะมาถามแม่ทำไม?แม่ต้องถามลูกถึงจะถูก ปาจรีย์ทำไมอยู่ๆ ถึงอารมณ์เปลี่ยนไปดีขนาดนี้?