พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 791 ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปาจรีย์ก็คลี่ยิ้ม “แม่พูดแบบนี้ ลืมคนและเรื่องที่ทำให้เราไม่มีความสุขทั้งที แน่นอนว่าต้องอารมณ์ดีสิคะ”
“ลืมคนและเรื่องที่ทำให้ไม่มีความสุข?” คุณแม่ชะงัก
หมายความว่าอย่างไร
หากนางเดาไม่ผิด ทั้งคนและเรื่องที่ทำให้ปาจรีย์ไม่มีความสุข ล้วนเป็นฝีมือของพงศกร
พงศกรทำให้ปาจรีย์เป็นทุกข์ใจ ซ้ำยังบอกให้เธอไปทำแท้ง สั่งให้คนทำเรื่องชั่วช้าขนาดนี้ เช่นนั้นเรื่องที่ปาจรีย์พูดถึงคือลืมพงศกร เช่นเดียวกับเรื่องที่เขาสั่งให้เธอไปทำแท้ง
ยิ่งไตร่ตรองยิ่งมีความเป็นไปได้
แต่คิ้วของคุณแม่ปารวียังคงขมวดแน่น
เพราะท่านไม่รู้ว่าสิ่งที่ปาจรีย์ต้องการลืม ความหมายของคำคำนั้นแท้จริงแล้ว เธอต้องการลืมอะไรกันแน่
คุณแม่ปารวีถามอย่างครุ่นคิด “ปาจรีย์ ลูกลืมยังไง แล้วลืมอะไร”
ปาจรีย์กะพริบตาพลางตอบว่า “ก็ลืมคนคนนั้นยังไงล่ะคะ รวมทั้งสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำกับหนู เรื่องราวทั้งหมดที่เคยผ่านมา”
“คนคนนั้นคือหมายถึงใคร” คุณแม่ปารวีจ้องมองเธอ
ปาจรีย์นั่งลงบนเก้าอี้เกมมิ่ง “ดูเหมือนว่าน่าจะชื่อพงศกรนะคะ หนูคิดว่าเป็นชื่อนี้”
ว่าแล้วเธอก็เปิดลิ้นชัก แล้วค้นหาอะไรบางอย่างด้านใน
สีหน้าของคุณแม่ปารวีพลันเปลี่ยน เพราะความคาดไม่ถึง
ปาจรีย์…ลืมพงศกรแล้วงั้นหรือ
เป็นไปได้อย่างไร!
สิ่งที่ปาจรีย์พูดเมื่อครู่ ลืมคนและเรื่องที่ทำให้ตนไม่มีความสุข นางกำลังคลางแคลงใจกับการลืมนี้ เธอลืมเขาไปแล้วจริงๆ งั้นหรือ
แต่เวลานี้คำพูดของปาจรีย์ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง ความสงสัยของคุณแม่ปารวีถูกต้อง ปาจรีย์ลืมพงศกรไปแล้วจริงๆ เพราะแม้ชื่อเธอยังจำไม่ได้
ขณะที่คุณแม่ปารวีรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ ทางด้านปาจรีย์ก็พบสิ่งที่ตัวเองกำลังค้นหา เป็นจดหมายฉบับหนึ่ง
“เจอแล้ว” ปาจรีย์หยิบจดหมายออกมาจากลิ้นชักอย่างมีความสุข พิจารณาดูด้านบนจดหมายแล้วพยักหน้า “ใช่ ชื่อพงศกร”
“ปาจรีย์ หนูลืมพงศกรแล้วจริงๆ เหรอ” คุณแม่ปารวีจับจ้องใบหน้าเธอ
ปาจรีย์พยักหน้า “ค่ะ”
“หนู… ลืมได้ยังไง?” ภายในใจคุณแม่ปารวีว้าวุ่นยิ่งนัก
เมื่อวานปาจรีย์ยังร้องไห้คร่ำครวญเพราะพงศกร แม้จะเคยบอกว่าอยากทอดทิ้งเขาไป แต่ไม่ว่าอย่างไรคงไม่รวดเร็วขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะทอดทิ้งพงศกรได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะลืมคนคนหนึ่งได้
อาจเป็นเพราะความทุกข์ทรมานที่มีมากเกินไป หรืออาจได้รับการกระตุ้น จนทำให้เธอลืมพงศกรได้งั้นเหรอ
ในรายการโทรศัพท์เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อใครสักคนโศกเศร้ามากเกินไป สมองเริ่มกลไกปกป้องตัวเอง จากนั้นความทรงจำอันเลวร้าย ที่ทำให้คนคนนั้นเจ็บปวด จะถูกลบลืมไป
สิ่งนี้เรียกว่าอาการความจำเสื่อมแบบเลือกจำ
หรือว่าปาจรีย์จะเป็นอย่างข้อสันนิษฐานนี้?
ปาจรีย์ส่งจดหมายให้คุณแม่ปารวี “อ่ะ คำตอบอยู่ในนี้”
“คำตอบ?” คุณแม่ปารวีจ้องมองกระดาษที่เธอส่งมาให้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนอดไม่ได้ จึงแย่งจดหมายมา แล้วรีบเปิดอ่าน
นางรู้สึกคุ้นเคยลายมือในจดหมายยิ่งนัก เป็นลายมือของลูกสาวนางเอง ปาจรีย์
เช่นนั้นแสดงว่า จดหมายนี้ปาจรีย์ก็เป็นคนเขียนขึ้นมาเอง
เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า ‘สวัสดีปาจรีย์ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ฉันเขียนถึงตัวเอง ฉันอยากบอกเธอว่า ฉันเคยรักผู้ชายคนหนึ่ง รักมาก แต่ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้รักฉันเลย แถมยังเกลียดฉันด้วยซ้ำ
ฉันตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจกับเขา ทันทีที่เขารู้เรื่องนี้ เขาโกรธมาก และไม่ต้องการเก็บเด็กคนนี้ไว้ เขาสั่งให้ฉันไปทำแท้ง แต่ฉันไม่ยอม และกังวลว่าเขาจะใช้พ่อแม่เพื่อมาข่มขู่ฉัน ฉันจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากวารุณีและสามีของเธอ ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา ฉันและคุณพ่อคุณแม่ออกมาจากจังหวัดจันทร์ได้สำเร็จ ย้ายมาอยู่ประเทศนี้ เพื่ออยู่ให้ไกลจากพงศกร ให้ตัวเองอยู่ในสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบ ค่อยๆ ลบลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเขา
แต่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาลึกซึ้งมากเหลือเกิน ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองจะลืมเขาได้เสียที เลิกรักเขา อาจเป็นสิบปี หรือทั้งชีวิต แต่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน และฉันเหน็ดเหนื่อยกับความทุกข์ทรมานนี้เต็มทน ฉะนั้นปาจรีย์ ฉันวางแผนจะลืมพงศกรให้ได้ด้วยตัวเอง อยากลืมเขาให้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ลืมความทรงจำทั้งหมดและทุกๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับเขา แม้นไม่อาจเป็นไปได้
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงตัดสินใจติดต่อไปหาสำนักงานสะกดจิตแห่งหนึ่ง ฉันไปหานักสะกดจิต และให้เขาสะกดจิตให้ฉัน การใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้ จะทำให้ฉันลืมพงศกร ลืมความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเขาได้ เพราะการลืมคนคนหนึ่งอย่างกะทันหันแบบนี้ อาจเกิดช่องว่างระหว่างความทรงจำ ดังนั้นฉันจึงเขียนจดหมายฉบับนี้เอาไว้ เพื่อให้เธอรับรู้ถึงสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อเกิดช่องว่างระหว่างความทรงจำขึ้น ฉันหวังว่าเธอจะเห็นมัน ไม่ต้องกลัว และอย่าคิดที่จะเอาความทรงจำนี้กลับคืนมา เพราะมันเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ฉันหวังว่าในอนาคต เธอจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข กตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่ และดูแลลูกให้ดี นั่นคือความปรารถนาสูงสุดของฉัน
พงศกรเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต’
หลังจากได้อ่านจดหมาย คุณแม่ปารวีแทบไม่อยากเชื่อ นางยกมือขึ้นปิดปากตัวเองพลันเบิกตากว้าง นัยน์ตาสั่นระริกไม่หยุด ไม่นานน้ำใสๆ ก็ไหลรินลงมา “ปาจรีย์ ลูก… ลูกใช้วิธีนี้เพื่อลืมพงศกรงั้นเหรอ”
ปาจรีย์ยักไหล่ “จดหมายเขียนไว้แบบนั้น ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นนะคะ”
เนื่องจากเธอลืมพงศกรไปแล้ว ความทรงจำของเธอในเวลานี้ จึงไม่มีผู้ชายที่ชื่อพงศกรหลงเหลืออยู่ในเศษเสี้ยวความทรงจำอีก
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร สูงเท่าไหร่ อายุมากแค่ไหน หรือนิสัยเป็นอย่างไร กำลังทำงานอะไรอยู่
หากไม่เจอจดหมายฉบับนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพงศกรคนนี้เป็นใคร
ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่า ก่อนที่ตัวเองจะเลือกใช้วิธีการสะกดจิตแบบนี้ ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่กันแน่
“ปาจรีย์” คุณแม่ปารวีโอบกอดปาจรีย์เข้ามาในอ้อมอก พลางร้องไห้อย่างขมขื่น “ทำไมถึงโง่แบบนี้ ทำไมลูกต้องใช้ทั้งชีวิตเพื่อลืมแค่คนคนเดียว ลูกไม่กลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยหรือไง!”
เธอรู้ว่าการสะกดจิตส่งผลกระทบโดยตรงต่อสมอง
ถ้านักสะกดจิตมีทักษะไม่สูงพอ จะทำให้พลังจิตของผู้ที่ถูกสะกดแตกง่าย และอาจกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือนได้
ปาจรีย์ เด็กคนนี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน ที่ทำวิธีแบบนี้
หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วนางกับพ่อของลูก จะทำอย่างไร?
ปาจรีย์รับรู้ได้ถึงความกังวลและหวาดกลัวภายในใจของคุณแม่ปารวี ความละลายใจพลันก่อเกิดขึ้นมา เธอลูบหลังคุณแม่ปารวีเบาๆ แล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะแม่ หนูคงไม่ได้ไปทักทายคุณพ่อกับแม่ แต่แม่คะ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีใช่ไหมคะ?”
ขณะพูด ปาจรีย์กุมมือคุณแม่ปารวีเอาไว้ แล้วค่อยๆ คลี่กระดาษจดหมายอันยับยู่ยี่ออกมา “ตอนนี้หนูลืมผู้ชายที่ชื่อพงศกรคนนั้นไปแล้ว ฉะนั้นแปลว่าตอนนี้หนูไม่ได้รักเขาแล้ว ด้วยจดหมายฉบับนี้ หนูจึงรู้จักตัวเองคนก่อนว่า คงรักเขามากอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่เสียใจและสิ้นหวังขนาดนั้น จึงเลือกใช้วิธีการสะกดจิตตัวเองให้ลืมเขา และตามที่พูดมา หากหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ให้ลืมพงศกรคนนี้ไป เดิมทีคิดว่าคงไม่อาจเป็นไปได้ เพราะท้ายที่สุดก็เป็นตัวหนูเองที่ถอยออกมาก่อนทุกครั้ง การใช้วิธีแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี”
“แม่รู้ แม่แค่กังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับลูก” คุณแม่ปารวีเขกหน้าผากเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู
ปาจรีย์ลูบหน้าผากปรอยๆ พลันแลบลิ้นให้ผู้เป็นแม่ “เอาล่ะแม่ หนูสบายดีแล้วใช่ไหมเหรอคะ และอีกอย่างแม่มาเยี่ยมหนู หนูลืมคนที่ชื่อพงศกรคนนั้นไปแล้ว ไม่ได้รักเขาแล้ว หนูไม่ต้องทุกข์ทรมาน ไม่ต้องโศกเศร้าอีกต่อไป และมีความสุขมากขึ้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีใช่ไหมคะ?”
คุณแม่ปารวีจ้องมองเธอ ในที่สุดก็ทอนหายใจออกมา “มันเป็นเรื่องดี”
ช่างปะไร ลูกสาวไม่เป็นไรก็เพียงพอแล้ว นางไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปเสียหน่อย
อีกอย่างตอนนี้ลูกสาวลืมพงศกรไปแล้วจริงๆ บางที เรื่องนี้คงเป็นเรื่องดีจริงๆ อย่างว่า
ถึงอย่างไรพวกเขาก็หวังว่าลูกสาวจะลืมพงศกรและผ่านมันไปได้สักวัน แม้ลูกสาวของตนไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ลูกทำมันได้สำเร็จแล้ว ถึงจะด้วยวิธีการอื่น นางก็ควรมีความสุขเช่นกัน
ในอนาคต ลูกสาวของตนจะได้กลับมาเป็นตัวเองได้อย่างสมบูรณ์
“ใช่สิปาจรีย์ แล้วเด็กล่ะ ลูกจะจัดการยังไง” คุณแม่ปารวีมองไปที่ท้องของปาจรีย์