พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 793 ข้อสงสัยของนัทธี
หลังจากนัทธีได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เขามีปฏิกิริยาตอบกลับเพียงเล็กน้อย แค่รู้สึกประหลาดใจเท่านั้น
“เธอตัดสินใจทำแบบนี้ คงเติบโตขึ้นไม่น้อย” ริมฝีปากบางของนัทธีเอื้อนเอ่ย
วารุณีเหล่มอง “ทำไม ก่อนหน้านี้คุณคิดว่าเธอยังไม่โตงั้นเหรอ”
“เปล่า” นัทธีส่ายศีรษะ “เธอเป็นคนดี ดีกับคุณและลูกของเรา อุปนิสัยก็ถือว่าไม่แย่ แต่เรื่องความรู้สึก เธอจริงจังมากเกินไป มากจนเสียสติ เสียศักดิ์ศรี ตรงนี้เองที่ทำให้ผมไม่ชอบเธอ”
เขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่จริงจังกับเรื่องความรักเอามากๆ และใครบางคนจริงจังมากจนสามารถทำได้ทุกอย่าง
แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่มีวันเป็นบ้าเสียสติเหมือนปาจรีย์แน่นอน
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อก่อนครั้งที่ปาจรีย์เคยหลงรักพงศกรหัวปักหัวปำขนาดนั้น มีอะไรบางอย่างผิดปกติอยู่หน่อย
ลองถามใครสักคน ต่อให้ตกหลุมรักคนคนหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น ก็คงไม่เป็นบ้าเสียสติ ทำบาปทำกรรมกับตัวเองได้ถึงขนาดนี้ เรื่องทั้งหมดคิดอย่างไรก็น่าสงสัย
วารุณีไม่รู้ว่านัทธีกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจ้องมองคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันของชายหนุ่ม แล้วตำหนิ “ที่รัก คุณคิดอะไรอยู่ถึงได้หน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้น ไม่กลัวริ้วรอยขึ้นบนหน้าผากรึไง!”
นัทธีพูดกลั้วหัวเราะ “ถ้าผมมีริ้วรอย คุณจะรังเกียจงั้นเหรอ”
“แน่นอนว่าไม่ ฉันรักคุณที่สุด” วารุณีหัวเราะร่า “ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ฉันก็รัก”
“ผมก็เหมือนกัน” นัทธีตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน
วารุณีรู้สึกใจชื้นขึ้นมา จากนั้นเอ่ยถามว่า “ใช่สิ เมื่อกี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่”
นัทธีไม่ปกปิดเธอ บอกสิ่งที่ตัวเองครุ่นคิดภายในใจเมื่อครู่
หลังจากวารุณีได้ฟัง ใบหน้าของเธอตื่นตระหนักอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแทน “ที่คุณพูด ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้..”
“หืม? คุณกำลังคิดอะไรอยู่” นัทธีนั่งตัวตรง
วารุณีกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “ฉันก็ยังไม่แน่ใจ จริงๆ แล้วความรักเมื่อก่อนที่ปาจรีย์มีให้พงศกร เป็นความรักไม่ลึกซึ้งเท่าทุกวันนี้ เพราะเมื่อก่อนปาจรีย์มักเก็บพงศกรไว้ในความรู้สึกลึกๆ เป็นวันหรือเป็นเดือนก็ไม่เคยเอ่ยถึง ราวกับว่าเธอไม่เคยรู้จักพงศกรมาก่อน แต่เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ฉันเพิ่งรู้สึกได้ว่าปาจรีย์เอาแต่พูดถึงพงศกรอยู่ตลอดเวลา ถึงขนาดเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวเพราะเขา”
“หืม?” นัทธีหน้าขมวด
วารุณีพยักหน้า “จริงสิ ตอนที่คุณยังไม่บอกฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อคุณพูดขึ้นมา ฉันคิดว่าคงเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้วล่ะ ฉันรู้จักปาจรีย์มาหลายปี สนิทกันแทบเป็นเงาตามตัว พูดได้เลยว่า นอกจากพ่อแม่ของเธอแล้ว ฉันนี่แหละคือคนที่รู้จักเธอดีที่สุด เวลาเธอรักสักคนเธอจะยกให้หมดหัวใจ แต่จะไม่มีวันสูญเสียความเป็นตัวเองและทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนเช่นตอนนี้ ทำให้ตัวเองอยู่ไม่ได้หากปราศจากความรัก ที่รักคุณเดาถูก ในตัวของปาจรีย์ อาจมีความผิดปกติบางอย่าง”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดมา ปาจรีย์ก็ไม่ใช่พวกคลั่งความรักตั้งแต่แรก แต่มีความเป็นไปได้สูงว่า ที่เธอเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ เพราะถูก PUA[ PUA ย่อมาจาก Pickup Artist คือการที่อีกฝ่ายใช้เทคนิคการควบคุมจิตใจหลายอย่างเพื่อสร้างความสับสน ล้างสมองจนทำให้เหยื่อหมกมุ่นอยู่กับพวกเขาและไม่สามารถคลี่คลายตัวเองได้ จนเหยื่อคิดว่าตัวเองกำลังมีความรัก แต่ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นหุ่นเชิดให้ถูกหลอก และจะไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
] งั้นเหรอ” นัทธีแกว่งแก้วไวน์ในมือไปมา พลางบอกเล่าสิ่งที่ตัวเองกำลังคาดเดา
วารุณีจับโทรศัพท์แน่น “ฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้ เพราะฉันเพิ่งพูดไปเองว่า เมื่อก่อนปาจรีย์รักพงศกรมาก แต่กลับไม่เคยเอ่ยถึงเขาสักครั้ง เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด แต่ปฏิกิริยาของเธอไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้มาก่อน แน่นอนว่า เพราะเด็กในท้องจึงทำให้การตอบสนองของปาจรีย์หนักขึ้น แต่เมื่อถึงตอนที่จำเป็นต้องไปเธอกลับไม่ลังเล ทันทีที่ออกจากจังหวัดจันทร์ ปาจรีย์กลายเป็นคนเด็ดขาดขึ้นมาก แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นไม่ปกติแบบนี้ บางทีอาจเพราะถูก PUA จริงๆ”
“ถ้าเป็นการทำPUAจริงๆ คุณคิดว่าใคร” นัทธีจ้องมองหญิงสาวในวิดีโอ
วารุณีปิดเปลือกตาลงแล้วทอดถอนหายใจ “ฉันคิดถึงแค่คนคนเดียว พงศกร”
ริมฝีปากของนัทธีเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง “ผมก็เหมือนกัน พงศกรคนนี้สะกดจิตได้ เพียงเพิ่มความรักของปาจรีย์ที่มีต่อเขาให้มากขึ้น เช่นนั้นแสดงว่าเขาทำPUAกับเธอ มันง่ายดายมาก เขาทำได้โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ”
“ใช่” วารุณีนวดคลึงขมับ รู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ
นัทธีพูดเสริมขึ้นมา “ที่เขาทำแบบนี้ ผมเกรงว่าเพราะเป็นการจงใจแก้แค้นปาจรีย์ ตระกูลจิรดำรงค์พัวพันกับการตายของพ่อแม่เขา เขาจงเกลียดจงชังตระกูลจิรดำรงค์ยิ่งกว่าอะไร ดังนั้นเขาจึงทำกับปาจรีย์แบบนี้ ตราบใดที่เธอยังคลั่งไคล้เขา ร้องไห้เพื่อเขา เขาจะบรรลุเป้าหมายการแก้แค้นตระกูลจิรดำรงค์ทางอ้อมยังไงล่ะ เพียงแค่ว่าที่เขาทำแบบนี้ได้ ต้องเลวทรามต่ำช้ามากแค่ไหน”
วารุณีนิ่งเงียบ
การใช้วิธีเช่นนี้ทำร้ายคนคนหนึ่งที่รักตัวเองสุดหัวใจ ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ
เขาไม่กลัวว่าปาจรีย์จะทุกข์ทรมานจนตายเลยหรืออย่างไร
“นัทธี ถ้าคุณบอกว่าปาจรีย์ถูกพงศกรทำPUAจริง ในสถานการณ์แบบนี้ คิดว่าปาจรีย์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม” วารุณีถามด้วยความกังวลใจ
นัทธีหัวเราะเบาๆ “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่ว่าปาจรีย์จะถูกพงศกรทำPUAจริงหรือไม่ คุณไม่ต้องคิดให้ปวดสมองด้วยซ้ำว่าเธอจะกลับเป็นเหมือนเดิมได้ไหม เพราะเธอไม่ได้เป็นอะไร”
“คุณหมายถึงการสะกดจิตน่ะเหรอ” วารุณีตอบสนองทันควัน
นัทธีพยักหน้า “การสะกดจิตทำให้ปาจรีย์ลืมพงศกรอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ PUAจึงถูกการสะกดจิตลบออกไปด้วย ตอนนี้ปาจรีย์ เป็นปาจรีย์คนที่บริสุทธิ์ราวกับผ้าขาวบาง”
เมื่อได้ฟังคำพูดของชายหนุ่ม วารุณีพลันโล่งใจขึ้นมาเป็นกอง “คุณพูดถูก แต่แท้จริงแล้วพงศกรทำPUAกับปาจรีย์จริงไหม ฉันยังต้องการคำตอบของคำถามข้อนี้ และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องที่พงศกรพาอารัณไปด้วยจนอารัณเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเรื่องเผาโรงงานของเรา ฉันยังต้องการคำตอบของเรื่องพวกนี้อย่างชัดเจน”
“แน่นอน” นัทธีพยักหน้า
สองสามีภรรยาวิดีโอคอลพูดคุยกันเนิ่นนาน กระทั่งแบตโทรศัพท์มือถือของวารุณีแบตใกล้หมดเต็มที จึงวางสายจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์
วันรุ่งขึ้น หลังจากตื่นนอนวารุณีล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นลงมายังด้านล่าง เพื่อรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับลีน่า
บิ๊กเดินเข้ามา “คุณผู้หญิงครับ ผู้ช่วยมารุตสั่งให้ผมมาบอกคุณว่า สุชาดาถูกส่งตัวไปแล้วครับ”
“ทำไมเร็วขนาดนี้” ตะเกียบในมือวารุณีหยุดชะงัก
ทางด้านลีน่าก็เงี่ยหูขึ้นมาฟังเช่นกัน
บิ๊กพยักหน้า “ตอนที่คุณให้เราไปจับกุม เราจับเธอได้ตั้งแต่วันนั้น แล้วถูกจับขังเดี่ยวมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวานผู้ช่วยมารุตโทรมาและสั่งให้พวกเราส่งตัวเธอไป เราจึงต้องนำตัวไปครับ”
“แล้วพวกคุณส่งตัวเธอไปที่ไหน” ลีน่าถามขึ้น
บิ๊กตอบกลับ “แอฟริกา”
“แค่ก…แค่ก…” ลีน่าถึงกลับสำลัก ไอออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ผ่านไปสักพัก เมื่ออาการไอทุเลาลง เธอพูดขึ้นด้วยความตื่นตกใจ “อะไรนะ แอฟริกา?”
“ครับ”
“ประธานของพวกคุณไม่ได้สั่งให้พวกคุณส่งตัวสุชาดาไปขุดเหมืองหรอกเหรอ” ลีน่าขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
สีหน้าของบิ๊กดูประหลาดใจ “คุณรู้ได้ยังไง”
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!” ลีน่าเอามือกุมขมับ “เพราะคนในแวดวงไฮโซชอบส่งตัวคนไปที่นั่น มันไม่ใช่การขุดเหมือง แต่เป็นขายบริการต่างหาก ยังไงซะพวกที่ถูกส่งตัวไปที่นั่น ตลอดชีวิตนี้คงไม่อาจกลับมาได้อีก ชั่วชีวิตที่เหลือคงต้องทุกข์ทรมานอยู่ในนั้นจนตาย”
วารุณีตอบทันควัน “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ แต่ที่นัทธีทำก็ถือว่าไม่เลว แบบนี้ฉันจะได้ไม่ต้องคอยกังวลใจว่า จะมีผู้หญิงอย่างยัยสุชาดาออกมาก่อเรื่องพอีก”
“มันก็จริง” ลีน่าพยักหน้าเห็นด้วย
แม้ว่าเธอไม่ได้เคียดแค้นและจงเกลียดจงชังสุชาดา แต่หล่อนคนนี้ไม่ใช่คนดีเลยสักนิด หากหล่อนต้องถูกส่งตัวไป เธอก็ไม่ติดขัดอะไร
ไม่อย่างนั้นคงต้องปล่อยให้สุชาดาไปอยู่ที่อื่น หากว่าเป็นดั่งที่เธอพูด ไม่ตายเสียก่อนคงได้กลับมา และไม่แน่ว่าต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีกสักกี่มากน้อย
“เอาล่ะบิ๊ก นายลงไปก่อนเถอะ ฝากบอกผู้ช่วยมารุตด้วยว่า ฉันรับทราบ” วารุณีส่งยิ้มให้บิ๊ก
บิ๊กพยักหน้าพลางตอบว่า “ครับคุณผู้หญิง เช่นนั้นผมขอตัวก่อน”
“ไปเถอะ” วารุณีโบกไม้โบกมือ