พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 797 คำถามของรพี
“ประธานนัทธี” รพีผงกหัวให้นัทธี ถือเป็นการทักทาย
นัทธีอืมใส่ จากนั้นก็มองไปทางพงศกรต่อ “คนทั้งตระกูลจิรดำรงค์ เป็นฉันที่จัดการให้จากไป และฉันก็ไม่ได้ส่งคนมาบอกรพี ว่าพวกเขาไปที่ไหน ดังนั้นถึงแม้ว่านายจะถามจนพลิกฟ้า นายก็ไม่ได้คำตอบหรอก”
พงศกรกำหมัดแน่น “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่? ”
“ฉันที่ธุระที่นี่นิดหน่อย พอดีกับที่เห็นนายมาหาเรื่องรพี ดังนั้นจึงมา”นัทธีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างนิ่งๆ “พงศกร นายอยากจะรู้ที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์ ฉันแนะนำนายว่าอย่าเสียแรงเสียเวลาเลย เมื่อก่อนฉันบอกนายชัดเจนมากแล้วนะ ว่าฉันจะไม่มีทางให้นายที่รู้ที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์ นอกจากจะเป็นการปกป้องตระกูลจิรดำรงค์แล้ว มันยังเป็นคำสัญญาที่ฉันให้ไว้กับภรรยาฉัน”
“อ่า ปกป้องตระกูลจิรดำรงค์!” นัยน์ตาของพงศกรมีความดูถูกแวบขึ้นมา “นัทธี นายคิดว่า นายจะปกป้องตระกูลจิรดำรงค์ไปได้ตลอดทั้งชีวิตงั้นเหรอ? จะซ่อนตระกูลจิรดำรงค์ได้ทั้งชีวิตเหรอ? ขอแค่ฉันไม่ยอมแพ้ที่จะตามหา สักวันนึง ฉันก็ต้องหาพวกเขาเจออยู่ดี ถึงตอนนั้น นายจะปกป้องยังไง? ”
“พงศกร นายยังคงคิดที่จะแก้แค้นปาจรีย์กับคุณลุงคุณป้าพวกเขาอยู่อีก!” บนเตียงผู้ป่วย รพีกำหมัดแน่นอย่างแรง สีหน้าแย่สุดๆ
พงศกรหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไมฉันจะยังคิดอยู่ไม่ได้? พวกเขาทำร้ายพ่อแม่ฉันจนตาย หรือว่าจะให้ฉันลืมความแค้นครั้งนี้งั้นเหรอ? ”
“นายนี่มันดื้อด้านจริงๆ” นัทธีส่ายหน้า “ฉันเคยพูดกับนายแล้วนะ ตระกูลจิรดำรงค์ไม่ใช่คนที่นายจะต้องล้างแค้นเรื่องการตายของพ่อแม่นาย แต่ตระกูลจิรดำรงค์เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยนาย เห็นที่แม้แต่คำเดียวก็ฟังไม่เข้าหูนะ และยังดื้อดึงไม่ยอมรับ คิดว่าตระกูลจิรดำรงค์ทำร้ายพ่อแม่นายจนตาย เห็นที่คนแบบนาย ไม่รักษาสมองคงจะไม่ไหวนะ”
“นายบอกว่าสมองฉันมีปัญหา? ” พงศกรตาแดงก่ำ
นัทธีเม้มปากพูดเสียงเบา:“ไม่มีปัญหาแล้วจะเป็นอะไร คนปกติต่างก็รู้ว่าตระกูลจิรดำรงค์เป็นผู้บริสุทธิ์ มีแค่นายที่มองตระกูลจิรดำรงค์เป็นคู่แค้น นายบอกสิว่าสมองนายมีปัญหามั้ย? ”
“ที่นัทธีพูดนั้นไม่ผิด” รพีพูดเสริม “ตระกูลจิรดำรงค์ช่วยนายไว้ แต่นายกลับมาเกลียดพวกเขา จะบอกว่าเป็นคนอกตัญญูก็ไม่เกินไปหรอก ถ้าหากทำได้ ในปีนั้นคุณลุงคุณป้าพวกเขา ไม่น่าช่วยพวกนายไว้เลย!”
“เหอะ คนที่ตายไม่ใช่พ่อแม่พวกนาย แน่นอนว่าพวกนายสามารถยืนอยู่ฝั่งคุณธรรมอันสูงส่งมาตำหนิฉัน” พงศกรหัวเราะเย็นชาอย่างเหยียดหยาม
นัทธีพูดนิ่งๆ:“ไม่มีใครตำหนินาย ก็แค่ไม่อาจทนดูคนบ้าอย่างนายได้เท่านั้น”
“ฉันบ้าคลั่ง? ” หมัดสองข้างของพงศกรสั่น พูดด้วยสีหน้าดุร้าย:“นั่นก็เพราะว่าถูกพวกมันทำให้เป็นแบบนี้!”
“พอเถอะประธานนัทธี คนๆนี้กู่ไม่กลับแล้ว ไม่ต้องพูดกับเขาให้มากความ ในใจเขา เกรงว่ามีแค่คุณลุงคุณป้าทั้งตระกูลตาย ถึงจะได้สติแหละมั้ง” รพีมองพงศกร ความรังเกียจแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
นัทธีเงยคางเล็กน้อย “ประธานรพีพูดก็ใช่ พงศกร นายไปซะเถอะ มีฉันอยู่ ฉันไม่มีทางให้นายมีโอกาสข่มขู่เค้นถามใครหรอก และนายก็ไม่มีทางรู้ที่อยู่ของตระกูลจิรดำรงค์ ฉันเคยบอกแล้ว นายเกลียดตระกูลจิรดำรงค์ งั้นนายจะตามหาตระกูลจิรดำรงค์ทำไม? คิดซะว่าตระกูลจิรดำรงค์ตายไปแล้วก็ได้แล้วนี่? หรือว่านายคิดอยากจะฆ่าตระกูลจิรดำรงค์จริงๆ? ”
พงศกรหรี่ตา
สายตาเย็นชาของนัทธีมองเขาอย่างสงสัย “แล้วก็พงศกร นายคิดจริงๆเหรอ ว่านายจะลงมือกับตระกูลจิรดำรงค์ได้ลง? ”
จู่ๆม่านตาของพงศกรก็หดเล็กลง “นายหมายความว่าไง?”
“ความหมายฉันชัดเจนมาก ฉันถามนายว่า นายลงมือฆ่าตระกูลจิรดำรงค์ได้ลงจริงๆเหรอ?” นัทธีมองเขาอย่างเย็นชา
“จากที่ฉันดู นายทำไม่ลงหรอก”
รพีเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจกับคำพูดของนัทธีเล็กน้อย
พงศกรก็ยิ่งกว่านั้นอีก เขาหัวเราะเยาะ “นายเอาอะไรมาคิดว่าฉันจะทำไม่ลง? น่าขำสิ้นดี!”
“ก็วัดจากหลายปีนี้ นายไม่ได้ลงมือฆ่าพวกเขาไง” ริมฝีปากบางของนัทธีพูดอย่างนิ่งๆ:“เมื่อก่อนฉันเคยพูด ถ้านายคิดอย่าจะล้างแค้นตระกูลจิรดำรงค์ นายสามารถฆ่าตระกูลจิรดำรงค์ทั้งตระกูลได้นานแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงตอนนี้ แต่ว่านายก็ไม่ได้ทำ งั้นก็หมายความว่า ตั้งแต่แรก นายก็ลงมือกับตระกูลจิรดำรงค์ไม่ได้ แถมยังไม่คิดจะฆ่าพวกเขาด้วย งั้นความแค้นของนายนี้ไม่น่าขำงั้นเหรอ”
ม่านตาของพงศกรหดเล็กราวกับเข็มแหลมๆ สั่นไปทั่วทั้งร่าง
เห็นได้ชัด ว่าคำพูดของนัทธี พูดได้ตรงความคิดที่แท้จริงในใจของเขา
รพีพยักหน้าทันที “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
นัทธีพูดอีก:“พงศกร ที่จริงแล้วนายไม่ได้เกลียดตระกูลจิรดำรงค์หรอก นายแค่ใช้ตระกูลจิรดำรงค์เป็นเกราะกำบังความขี้ขลาดของนาย”
“ไม่ต้องพูดแล้ว!” พงศกรราวกับแมวที่ถูกเหยียบหาง จู่ๆก็ตะคอกขึ้นเสียงแหลม
นัทธีหรี่ตา “ทำไม? ที่ฉันพูดทำให้นายรับไม่ได้เหรอ? ”
เขาหัวเราะ “ก็ใช่ เพราะว่าฉันพูดแทงใจดำ”
“นาย……” ตาแดงก่ำทั้งสองข้างของพงศกรจ้องไปที่นัทธี สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จู่ๆก็ออกหมัดชกไปทางหน้าของนัทธี
รพีเปลี่ยนสีหน้าทันที และรีบพูดเตือน:“ประธานนัทธีระวัง!”
นัทธีรู้อยู่แล้วว่าพงศกรอาจจะทำแบบนี้ ถึงยังไงพงศกรคนนี้ก็มีปัญหาทางจิต ไม่สามารถรับความกระทบกระเทือนใจได้ ถ้าได้รับการกระทบกระเทือนใจก็จะสุดโต่ง
ดังนั้นตั้งแต่เขาเริ่ม ตอนที่เขาพูดเรื่องพวกนี้ ก็ได้เตรียมรับมือพงศกรไว้แล้ว
ดังนั้นตอนนี้เห็นพงศกรชกมา นอกจากเขาจะมีสีหน้าเย็นชาแล้ว ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยามากมายอะไร จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา บังหมัดของพงศกร และผลักเขาออกไป
ทันใดนั้นพงศกรก็เซถอยหลังไปสองก้าว จนสุดท้ายแผ่นหลังกระแทกกับกำแพง เจ็บจนเขาครางออกมา ขมวดคิ้วเข้ม แม้แต่บนใบหน้าก็มีเหงื่อไหลแล้ว
นัทธีมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “นายควรจะขอบคุณที่ปีนั้นนายเคยช่วยภรรยากับลูกฉันไว้ และทักษะทางการแพทย์ที่ดีของนาย ไม่อย่างนั้นฉันทำลายนายทิ้งไปแล้ว! ไสหัวไปซะ”
พงศกรกุมไหล่ที่กระแทกจนเจ็บไว้ นัยน์ตามืดมนจ้องไปทางนัทธีอยู่ครู่ สุดท้ายก็หันหลังออกไป
หลังเขาออกไป นัทธีก็หันมาทางรพีที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย “นายไม่เป็นไรนะ? ”
“ขอบคุณประธานนัทธีมากที่ช่วยเหลือ ฉันไม่เป็นไร เขายังไม่ได้ทำอะไรฉัน” รพีนวดหว่างคิ้ว และยิ้มขอบคุณ
นัทธีพยักหน้า และพูดอืม ไม่ถามอะไรแล้ว
แต่ขณะนั้นจู่ๆรพีก็เอ่ยปากถามขึ้น:“ประธานนัทธี ตอนนี้พวกปาจรีย์ ไปอยู่ที่ไหนกันแน่? ”
“ฉันบอกนายไม่ได้” นัทธีตอบ
รพีขมวดคิ้ว “งั้นบอกช่องทางการติดต่อให้ฉันได้มั้ย? ตอนนี้ฉันเป็นห่วงเธอมาก เป็นห่วงคุณลุงคุณป้า”
พวกเขาจากไปไวเกิน ต่างก็ไม่ได้บอกเขาเลย ตอนนี้เขาไม่รู้ร่องรอยของพวกเขาเลย ช่องทางการติดต่อพวกเขาก็เปลี่ยนแล้ว
เขาไม่รู้ข่าวคราวของพวกเขาเลยสักนิด มืดแปดด้าน ราวกับล่องเรือในทะเล ที่ไม่มีทิศทางเลย ในใจกังวลมากๆ
“ฉันก็ยังบอกนายไม่ได้” สองมือนัทธีล้วงกระเป๋า น้ำเสียงเย็นชาพูดอย่างนิ่งๆ:“อย่างน้อยก็บอกตอนนี้ไม่ได้ นายก็เห็นแล้ว คนบ้าอย่างพงศกร ในใจอยากจะหาปาจรีย์ทั้งตระกูล ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ดังนั้นตอนนี้ยิ่งคนรู้ข่าวน้อยยิ่งดีต่อพวกเขา แบบนี้ ถึงแม้พงศกรอยากจะตามหาตระกูลจิรดำรงค์ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานเลย เกรงว่าถึงตอนนั้น ตระกูลจิรดำรงค์คงไม่ได้กลัวพงศกรแล้ว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาตระกูลจิรดำรงค์จะต้องติดต่อหานายเอง”
ฟังที่นัทธีพูดจบ รพีก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันรู้ ก็แค่ตอนนี้เป็นห่วงพวกเขามากๆ”
“นายวางใจเถอะ มีการคุ้มครองจากฉัน พวกเขาจะต้องอยู่ดีแน่ๆ แล้วก็สภาพแวดล้อมที่ฉันจัดไว้ พ่อแม่ของปาจรีย์ก็ชอบ ขณะเดียวกันสำหรับปาจรีย์แล้ว ก็เป็นที่ที่เหมาะกับเลี้ยงครรภ์ และเป็นสถานที่พักฟื้น” ริมฝีปากบางของนัทธีพูดขึ้น