พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 806 ไม่รักวารุณี
“ไม่จำเป็นต้องให้นายเตือน” พงศกรตอบกลับอย่างเย็นชา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก
นิรุตติ์ยิ้มอย่างมีความหมายอันลึกซึ้ง จากนั้นก็เริ่มอธิบายอาการของผู้ป่วยให้เขา
หลังจากที่อธิบายเรียบร้อยแล้ว พงศกรขมวดคิ้ว จากนั้นก็ก้มศีรษะ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
นิรุตติ์เห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้รบกวนเขา หยิบโทรศัพท์ออกมาไม่รู้ว่าดูอะไรอยู่
ผ่านไปไม่กี่นาที นัยน์ตาที่อยู่ข้างหลังแว่นตาของพงศกร มีความสับสนผ่านไป ในไม่ช้าก็เลือนหายไป เงยหน้าขึ้น มองไปทางนิรุตติ์
การมองนี้ ก็เห็นภาพพื้นหลังหน้าจอโทรศัพท์ของนิรุตติ์พอดี ใบหน้าอันงดงามผ่านเข้ามาในม่านตาของเขา
ดวงตาของพงศกรสั่นไปที นั่นคือ……วารุณี!
“นายกำลังดูรูปของวารุณี?” พงศกรสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียเย็นชาดั่งน้ำแข็ง
นิรุตติ์ไม่ได้มีความรนเลยที่ถูกจับได้ ในทางกลับกันคือยิ้มที่ริมฝีปากขึ้น “นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ? ยังจะถามอะไรอีก?”
“นายกลับยังไม่ตายใจ กับวารุณี!” พงศกรพูดเสียดสี
นัยน์ตาของนิรุตติ์เปล่งประกายขึ้น มองดูผู้หญิงบนภาพพื้นหลังที่รอยยิ้มสวยงามดั่งดอกไม้ นิ้วโป้งลูบไปที่ใบหน้าของผู้หญิงเบาๆ “คนสวยแบบนี้ยากที่จะได้พบ นายว่าฉันจะตายใจไหม?”
อีกอย่าง วารุณีคือผู้หญิงที่เขารักจริงๆ สำหรับผู้หญิงคนแรกที่ตนเองรักจริงๆ ผู้ชายคนไหนจะลืมง่ายได้ขนาดนั้น!
ถึงแม้ว่าจะเป็นอาสะใภ้รอง จนถึงตอนนี้เขายังไม่ลืม
ทุกคนต่างก็บอกว่า เขามีความรู้สึกชายหญิงกับอาสะใภ้รอง
เขายอมรับ เขามีความคิดแบบนั้นจริงๆ ทว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่รุนแรง ไม่ว่ายังไงแล้วอีกด้านหนึ่ง เขาเห็นอาสะใภ้รองเป็นเหมือนแม่ อีกด้านหนึ่ง เขาก็เห็นว่าอาสะใภ้รองเป็นผู้หญิง
อารมณ์ที่ซับซ้อนสองแบบนี้ผัวพันอยู่ด้วยกัน ได้กำหนดแล้วว่าเขาไม่สามารถรักอาสะใภ้รองได้อย่างแท้จริงๆ เพราะเช่นนี้เขาจึงได้พูดว่า วารุณีต่างหากที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารักจริงๆ
สำหรับวารุณี เขาไม่เคยคิดอยากจะยอมแพ้เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้วารุณีจะแต่งงานกับนัทธี มีลูกสามคนแล้ว เขาก็จะไม่ยอมแพ้
ต้องมีสักวัน เขาจะแย่งเธอมาจากข้างกายของนัทธี
ปาจรีย์นั่นก็ถือเป็นการย้ำเตือนหนึ่งของเขา
ในเมื่อไม่สามารถลืมคนคนหนึ่งได้ งั้นก็ใช้วิธีของโลกภายนอก บีบบังคับให้ลืม
รอให้หลังจากที่เขาแย่งวารุณีมาจากข้างกายของนัทธีแล้ว เขาก็จะให้นักสะกดจิต มาลบล้างความทรงจำและความรู้สึกทั้งหมดของเธอที่เกี่ยวข้องกับนัทธี ให้เธอสามารถตกหลุมรักเขาได้คนเดียว!
พอคิดอยู่ นิรุตติ์ก็หรี่ตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวังที่อยากจะได้มา
“เฮอะ ถึงแม้ว่านายจะไม่ยอมแพ้ นายก็ไม่มีทางได้เธอมา” พงศกรหัวเราะเยาะเย้ยนิรุตติ์ “นายสู้นัทธีไม่ไหวอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นนายก็คงไม่มีทางอยู่แต่ต่างประเทศ ไม่กล้ากลับไปในประเทศ”
“นายพูดถูก สู้กันต่อหน้า ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนัทธีจริงๆ ทว่าเล่ห์เหลี่ยมแผนร้าย เขานัทธีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ฉันจะต้องได้วารุณีมา ฉันไม่ได้เหมือนนาย อยู่ข้างกายวารุณีอย่างใกล้ชิดที่สุด ห้าปีนี้ ยังไม่ได้เธอมา” นิรุตติ์พูดเสียดสีอย่างไม่เกรงใจ
สีหน้าของพงศกรแย่มาก “นายรู้อะไรไหม? ฉันแค่ไม่อยากให้เธอลำบากใจ!”
“พอเถอะ” นิรุตติ์เหลือกตาขาวอย่างดูถูก “นายไม่ใช่ไม่อยากให้เธอลำบากใจ ตามระดับความโรคจิตในใจของนาย นายอยากได้คนคนหนึ่ง ไม่มีทางไปพิจารณาถึงความคิดของเธอแน่นอน นายจะทำตามความคิดของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการแย่งหรือการบีบบังคับ ขอแค่ได้คนมาก็พอแล้ว นี่ต่างหากที่เป็นธาตุแม่ของนาย แต่ว่าทำไมนายถึงไม่เคยทำแบบนี้กับวารุณีเลยสักครั้ง พงศกร นายไม่รู้สึกสงสัยจริงๆ เหรอ?”
“นายคิดว่าฉันจะรู้สึกสงสัยอะไร?” พงศกรกำหมัดแน่น พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี
แต่ว่าก็มีเพียงแต่ตัวเขาเองที่รู้ หัวใจของเขาในตอนนี้วุ่นวายเพียงไหน
ถึงขั้นมีความรู้สึกลางๆ ที่เขาไม่กล้าไปคิด และความคิดที่ไม่อยากไปคิดก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
อีกอย่างพอให้ความคิดนั้นโผล่ขึ้นมา เขาก็อาจจะไม่สามารถรับไหว
นิรุตติ์มองพงศกรที่ปากแข็ง ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความคิดจริงๆ ในใจของตนเอง ก็อมยิ้ม “แน่นอนว่าสงสัยว่าตัวนายเองรักวารุณีจริงหรือเปล่า”
สีหน้าของพงศกรเปลี่ยนไปมาก “เป็นไปไม่ได้! ฉันจะไม่รักวารุณีได้อย่างไร!”
หากเขาไม่รักวารุณี ทำไมเขาถึงต้องคิดถึงเธอมาตลอดระยะเวลาห้าปี?
และทำเรื่องราวต่างต่างนานาให้เขา?
เขาคนนี้เขารู้ตนเอง ภายในใจเย็นชาเยือกเย็น หากไม่ใช่คนที่ตนเองใส่ใจจริงๆ ตัวเองไม่มีทางไปสนใจ ไม่มีทางยืนมือไปช่วยตลอด
ดังนั้น เขาจะไม่รักวารุณีได้อย่างไร!
เขาไม่มีทางยอมเชื่อคำพูดของนิรุตติ์แน่นอน
นิรุตติ์เห็นพงศกรปฏิเสธตนเอง ก็ไม่แปลกใจ ไม่ว่ายังไงแล้วนี่ก็เป็นเรื่องอยู่ที่อยู่ในความคาดเดาของเขา
เขาพยุงหัว ใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่มองดูใบหน้าของพงศกรที่เปลี่ยนไปและยากที่จะคาดเดา “นายบอกว่านายรักวารุณี งั้นพงศกรนายตอบฉัน ในเมื่อนายรักเธอ งั้นทำไมนายไม่เริ่มจีบเธอก่อนมาโดยตลอด เมื่อกี้ฉันบอกแล้ว ตามความโรคจิตของนายแล้ว หากวารุณีปฏิเสธนาย นายจะต้องบีบบังคับให้มัดเธออยู่ข้างกายของนายแน่นอน ให้ในใจของเธอมีเพียงแต่แต่ แต่ว่านายไม่สามารถยอมรับคนที่ตัวนายรัก ไปรักไปผู้ชายอื่น แต่ว่าพวกนี้ นายต่างก็ไม่เคยทำกับวารุณีสินะ?”
ดวงตาของพงศกรค่อยๆ ลืมกว้างขึ้น หัวใจหดลงไปที
คำพูดของนิรุตติ์ ทำให้เขาไม่สามารถโต้กลับ
เป็นความจริง ตามจิตใจของเขาแล้ว เขาไม่มีทางยอมให้คนที่ตนเองรัก ไปรักกับผู้ชายอื่น สิ่งที่มีความเป็นไปที่จะทำมากที่สุด ก็คือขังคนที่ตนเองรัก ให้ทั้งชีวิตนี้ของเธอ เห็นเพียงแต่เขาคนเดียว
และแล้ว พวกนี้เขาล้วนไม่เคยทำกับวารุณีจริงๆ
เห็นสีหน้าของพงศกรซีดขาวยิ่งขึ้น นิรุตติ์ยิ้มที่มุมปาก “นายรู้ไหมว่าทำไมนายถึงไม่ทำเช่นนี้กับวารุณี เพราะว่านายไม่รักเธอ นายไม่รักเธอตั้งแต่แรก คำว่ารักที่นายมีต่อเขา ก็แค่เรื่องปลอมเท่านั้นเอง แต่ว่าตัวนายเองแยกไม่ออก คนที่นายรักจริงๆ คือคนอื่น เหมือนจะเป็นคนคนนั้น ที่มีบางส่วนคล้ายคลึงกับวารุณี ดังนั้นนายจึงรู้สึกว่าตนเองตกหลุมรักวารุณีแล้ว แต่ว่าจริงๆ แล้ว นายแค่เห็นวารุณีเป็นตัวแทนของคนที่นายรักจริงๆ เพราะว่านายไม่กล้านำความรักที่มีต่อคนคนนั้น แสดงออกมา ดังนั้นนายจึงนำความรักที่มีต่อคนคนนั้น วางอยู่บนตัวของวารุณี ถือเป็นการฝากไว้”
พูดถึงตรงนี้ นิรุตติ์มองเขา พูดอีกว่า “ดังนั้นฉันว่า ทำไมนายถึงไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกับวารุณี เพราะว่านายไม่รักเธอ หากนายรักเธอจริงๆ นายยอมรับกับการที่วารุณีคบกับนัทธีไม่ไหวตั้งแต่แรก และออกมือจัดการพวกเขาแล้ว ตามความโรคจิตของนาย นายไม่สามารถแย่งวารุณีมาจากทางนัทธีได้ นายก็จะฆ่าพวกเขาไปพร้อมกัน นายไม่สามารถได้รับ ก็จะไม่มีทางให้นัทธีได้ไป แต่ว่านายเปล่า นายกลับปล่อยให้พวกเขามีความสุขขนาดนั้น ยังจัดงานแต่ง คลอดลูกคนที่สาม ทั้งหมดนี้ ต่างก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า นายไม่รักวารุณีไม่ใช่เหรอ?”
ร่างกายของพงศกรสั่นเล็กน้อย ชัดเจนเลยว่าคำพูดพวกนี้ของนิรุตติ์ ได้พลิกแพลงความรู้สึกที่มีต่อวารุณีในใจอย่างสิ้นเชิง
ถึงว่าล่ะเขาถึงได้รู้สึกมาโดยตลอดว่า ตอนที่ตนเองเห็นวารุณีและนัทธีคบกัน นอกจากในใจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจแล้ว ไม่ได้มีความโมโหและความริษยา ถึงขั้นไม่ได้มีความคิดรุนแรงที่อยากจะแยกพวกเขาออกจากกัน
เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าตนเองในแบบนี้ เพียงแค่เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ได้ดี
แต่ว่าจริงๆ แล้ว เขาไม่มีอารมณ์แบบนี้เลย เพราะว่าเขาไม่รักวารุณี
พอนึกถึงจุดนี้ จู่ๆ พงศกรก็รู้สึกว่า ร่องรอยที่วารุณีเหลืออยู่ในหัวใจตนเอง ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นแล้ว ค่อยๆ พร่ามัวขึ้นมา พร่ามัวถึงขั้นที่จะลืมไปแล้ว
และแล้วเขากลับไม่รู้สึกรนและเสียใจ
ดังนั้น ตนเองเป็นเหมือนกับที่นิรุตติ์พูดจริงๆ ไม่รักวารุณีเหรอ?