พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 811 อุบายของชายหนุ่ม
วารุณีไม่คิดว่าชายหนุ่มจะชมตัวเองกลับ ทันใดนั้นใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมา และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ตรงข้าม ลีน่ามองไปยังสองสามีภรรยาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เอาอีกแล้วเอาอีกแล้ว
สามีภรรยาคู่นี้ไม่จบไม่สิ้นนะ คอยแต่จะหาโอกาสหยอดหวานกันอยู่ตลอด จริงๆเลย พระเจ้า ช่วยส่งสายฟ้าผ่าลงมาทีเถอะ!
วารุณีไม่รู้ว่าคำบอกรักหวานๆของตัวเองกับนัทธี จะทำเอาคนโสดที่อยู่ข้างๆถึงกับเลี่ยนได้
หรือต่อให้รู้ ก็คงจะแค่ให้หญิงสาวรีบหาแฟนเร็วๆ พอเป็นแบบนี้ ก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเหม็นเบื่อคนเขารักกัน
หลังมื้ออาหาร ลีน่าก็รีบกลับขึ้นชั้นบน ไปยังห้องของตัวเอง
หากจะให้เธอพูด ก็คงเพราะกลัวว่าจะมาเห็นพวกเขาโชว์หวานแล้วต้องมานั่งหมั่นไส้อีก
แบบนี้คงทนไม่ไหวแน่
เมื่อวารุณีเห็น ก็ส่ายหัวอย่างขบขันในใจ จากนั้นก็พาเด็กน้อยสองคนขึ้นไปยังชั้นบน
นัทธีไม่ได้ตามขึ้นไป แต่นั่งทำงานต่อในห้องนั่งเล่น เพราะยังมีการประชุมทางวิดีโอต่อ
วารุณีก็จึงเป็นเพื่อนเล่นกับลูกและเล่านิทานให้เด็กน้อยฟังในห้องนอน
เพราะเด็กน้อยทั้งสองคนพรุ่งนี้เช้าก็ต้องเดินทางกลับแล้ว ในฐานะคนเป็นแม่ เธอจึงอยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นอีกเจ็ดวันก็ถึงจะได้เจอกันอีก
แม้ว่าจะโทรและวิดีโอคอลกันทุกวัน แต่ก็ไม่สู้ได้เห็นหน้ากันจริงๆ
คืนนี้ วารุณีอยู่กับลูกทั้งสองคนจนดึกดื่น เด็กทั้งสองก็ไม่ยอมนอน อาจเพราะตอนบ่ายนอนกลางวันไปนาน ดังนั้นเที่ยงคืนแล้วก็ยังมีพลังและกระปรี้กระเปร่าอยู่
ในท้ายที่สุดหากไม่ใช่เพราะนัทธีมา แล้วบังคับให้เด็กน้อยนอน อย่ากวนวารุณีอีก ดูท่าเด็กน้อยก็คงจะยังเล่นต่อได้ถึงดึกดื่นค่อนคืนแน่
นัทธีโอบกอดวารุณีแล้วพากันเดินออกจากห้องของเด็กน้อย
วารุณีพิงไปยังร่างของนัทธีอย่างเหนื่อยล้า พูดอย่างมีความสุขและจนใจว่า “ไม่ไหวแล้ว ฉันแทบจะไม่ไหวแล้ว ไม่คิดว่า เด็กทั้งสองจะมีพลังที่ล้นเหลือขนาดนี้ ให้ฉันเล่นเกมหมากรุกเที่ยวบินด้วย แล้วเล่นไม่รู้จักเบื่ออีก”
“หากคุณแพ้ต้องร้องเพลงให้พวกเขา และหากพวกเขาแพ้พวกเขาก็จะแสดงโชว์ให้คุณดู ดังนั้นพวกเขาจะเบื่อได้ยังไง”นัทธีมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ“คุณก็ตามใจพวกเขาเกินไป น่าจะสั่งให้พวกเขานอนได้แล้ว แบบนี้ตัวเองก็จะได้ปลีกตัวออกมาได้ ไม่งั้นคงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้”
วารุณีคลึงไปที่หว่างคิ้วแล้วตอบว่า“ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน แต่พอคิดว่าวันพรุ่งนี้ลูกๆก็ต้องกลับแล้ว และต้องห่างกับฉัน ฉันก็อดใจไม่ได้ อยากจะอยู่กับพวกเขาให้นานๆ”
“ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกซะที่ไหนล่ะ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยแบบนี้” นัทธีดีดไปที่หน้าผากของเธอ
วารุณีเจ็บจนส่งเสียงร้อง “คุณทำอะไรเนี่ย?”
“ช่วยให้คุณตื่นไง ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”นัทธีปล่อยเธอ จากนั้นก็บีบนวดหัวไหล่ของเธอ ให้เธอนั่งที่ขอบเตียง
วารุณีสะบัดหน้าไปมา“ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ ฉันขอนอนเล่นสักเดี๋ยว เมื่อกี้นั่งบนพรมไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ปวดหลังนิดหน่อย ”
“ปวดมากไหม ?”นัทธีมองไปยังเอวของเธอ
วารุณีตอบกลับ “ก็ไม่เท่าไร แค่เส้นยึด ยืดตัวตรงไม่ได้ พอเหยียดตัวตรงก็รู้สึกปวด ”
“นอนลง” ริมฝีปากบางของนัทธีออกเสียง พูดคำนี้ออกมา
วารุณีหันมองเขา “จะทำอะไร?”
“นวดให้คุณ”นัทธีกล่าว
วารุณียกยิ้ม จากนั้นก็พลิกตัวแล้วนอนลง “ ไม่ง่ายเลยที่จะได้รับอภินันทนาการบริการนวดจากประธานนัทธี ฉันไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”
นัทธีมองไปยังหญิงสาว แววตามีแสงสลัวพาดผ่าน จากนั้นก็โน้มตัวลง ขยับชิดเข้าไปที่ใบหู พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “โอ้ ? หาได้ยากกับอภินันทนาการนี้เหรอ ? แล้วเมื่อคืน……”
“หยุด!”ใบหน้าของวารุณีเห่อร้อนขึ้นในทันที จากนั้นก็เอามือปิดหน้าชายหนุ่ม“คุณอย่าเอาสองเรื่องนี้มารวมกัน เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น นวดก็ส่วนนวด ฉันไม่เคยถูกคุณนวดให้มาก่อนจริงๆนี่นา ”
นัทธีเอามือของเธอออกจากปาก“ แต่การนวดนั้น ก็สบายกว่าการนวดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
ใบหน้าวารุณีแดงก่ำ จ้องเขม็งมองเขาอย่างเอียงอายและหงุดหงิด“คุณอย่าพูดมาก จะนวดไม่นวด ? ไม่นวดก็ไปอาบน้ำเลยไป ”
นัทธีหัวเราะเสียงเบา“นวด ผมนวด”
เขาไม่แกล้งเธอแล้ว ไม่อย่างนั้น เธอจะโกรธและไม่สนใจเขาขึ้นมาจริงๆ
หากเป็นแบบนี้มันได้ไม่คุ้มเสียแน่
นัทธีเหยียดตัวตรง กลับมามีท่าทีจริงจัง วางมือไปบนเอวของวารุณี แล้วบีบนวดเบาๆ
จะว่าไปแล้ว ถึงแม้การนวดของเขาจะไม่เอาไหน แต่แรงที่บีบนวดนั้นก็ถือว่าดีใช้ได้
วารุณีหลับตาลงด้วยความสบาย มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
เมื่อนัทธีเห็นรอยยิ้มของเธอ ริมฝีปากที่เรียวบางก็ยกหยักตาม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นานจนวารุณีจะผล็อยหลับ นัทธีก็ถึงได้หยุดการบีบนวดให้เธอ และลุกขึ้นจากเตียง
วารุณีลืมตาขึ้น พลิกตัวกลับ จากนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปหาชายหนุ่ม ส่งสัญญาณให้เขาดึงเธอ
ชายหนุ่มยื่นมือไป แล้วดึงเธอลุกขึ้น
หลังจากที่วารุณีลุกขึ้นนั่ง ก็ขยับเอวของตัวเองไปมา พบว่าไม่ได้รู้สึกปวดเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว แม้จะยังไม่สบายตัวอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับเมื่อตอนที่เข้ามาก็ดีกว่ามาก
“ที่รัก คุณสุดยอดมาก ”วารุณียกนิ้วโป้งให้ชายหนุ่มอย่างรู้สึกทึ่ง
ชายหนุ่มพยักพเยิดให้ พูดด้วยใบหน้าภาคภูมิว่า“ สามีคุณไม่ได้พึ่งจะมาเก่งแค่วันสองวันนี้นะ คุณเพิ่งรู้หรือไง?”
วารุณีมองบนใส่เขา“พอแล้ว คุณรีบไปอาบน้ำได้แล้ว นอนเร็วๆ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า”
“ไปอาบด้วยกัน”นัทธีพูด พลางดึงไปที่มือของเธออีกครั้ง ดึงเธอขึ้นจากเตียง จากนั้นก็โน้มตัวลง ช้อนไปที่ข้อเข่าของเธอ อุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว และเดินไปที่ห้องน้ำ
วารุณีอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ดิ้นรนขัดขืน “นี่คุณ จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็อาบน้ำด้วยกันไง ” นัทธีไม่เพียงไม่ปล่อย แต่กลับกอดเธอไว้แน่นกว่าเดิมมากขึ้น
วารุณีมองเขา“ ฉันไม่อยากจะอาบกับคุณ ”
ทุกครั้งที่อาบน้ำกับเขา อาบๆอยู่ สุดท้ายก็จะไม่ได้อาบ จากนั้นก็จะถูกรังแกอยู่นานจนไม่ได้พักผ่อน
ครั้งนี้ ดูท่าก็คงจะไม่มีข้อยกเว้น
นัทธีย่อมรู้ถึงสาเหตุที่วารุณีไม่ยอมอาบน้ำกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่ปล่อยเธอ ก้มลงไปกัดที่ติ่งหูของเธอ“พรุ่งนี้ผมก็จะไปแล้ว คุณไม่เติมเต็มผมหน่อยเหรอ?”
“……”คำว่าพรุ่งนี้ก็ไปแล้ว ทำเอาวารุณีพูดอะไรไม่ออกไปในทันที
ดูเอาแล้วกันว่าผู้ชายคนนี้ช่างพูดแค่ไหน ฉกฉวยโอกาส ทำเธอยากที่จะพูดปฏิเสธ
เพราะผู้ชายคนนี้รู้ว่าจุดอ่อนของเธอคือสามคนพ่อลูก รู้ว่าเธออาลัยอาวรณ์พวกเขา ดังนั้นจึงเอาเรื่องจะกลับในวันพรุ่งนี้มาพูด
พอเป็นแบบนี้ เธอก็ยากที่จะปฏิเสธเขาได้
วารุณีมองไปยังชายหนุ่มอย่างหมดคำพูด ไม่ขัดขืนอีก สักพักก็จึงพูดขึ้นว่า“คุณนี่มันแผนสูงจริงๆ ”
นัทธีหัวเราะเสียงเบา “ขอบคุณสำหรับคำชม”
พูดจบ ประตูห้องน้ำก็ถูกปิดลง
ผ่านไปกว่าหลายชั่วโมง ประตูก็ถึงได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง
นัทธีอุ้มวารุณีที่สวมชุดคลุมอาบน้ำออกมา วารุณีพิงอกของเขา สองตาค่อยๆปิดลง เหมือนกับจะผล็อยหลับไป
ก็สมควรอยู่ เดิมทีใช้เวลาอยู่กับลูกทั้งสองคนอยู่นาน ก็เหนื่อยมากพอแล้ว ตอนนี้ก็มาใช้เวลาอยู่กับชายหนุ่มอีก หากไม่สลบ มันคงจะดูแปลกมากกว่า
นัทธีอุ้มวารุณีมาที่เตียง แล้ววางเธอลงอย่างเบามือ หลังจากที่ลูบไล้ใบหน้าของเธอ ก็ดึงผ้าห่มขึ้นแล้วมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มตาม จากนั้นก็ปิดไฟ
แต่นอนไปได้ไม่นาน นัทธีก็ลืมตาตื่นแล้วลุกจากเตียง เก็บข้าวของ แล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง คนรับใช้ได้แต่งตัวให้เด็กน้อยทั้งสองจนเสร็จเรียบร้อย และนั่งอยู่บนโซฟา
เมื่อเห็นนัทธีลงมา เด็กทั้งสองก็โดดลงจากโซฟา วิ่งเข้าไปหาแล้วคว้ามือเขาไปคนละข้าง “คุณพ่อ หม่ามี๊ล่ะ?”