พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 816 ความหวาดกลัวของตระกูลจิรดำรงค์
ใช่ พงศกร เป็นเขาแน่ๆ !
มีแค่เขา ที่ทำเธอรู้สึกหวาดกลัวได้มากขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะลืมเขา และไม่ได้รักเขาแล้ว แต่ความรู้สึกและร่างกายของเธอ ยังคงจดจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเขาได้ โดยเฉพาะความรู้สึกหวาดกลัวนั่น
เขารู้เบอร์เธอได้ยังไง แล้วเขาโทรมาทำไม?
ชั่วขณะหนึ่ง ร่างของปาจรีย์ก็สั่นสะท้านจนหยุดไม่ได้ ใบหน้าซีดเผือดจนน่ากลัว รูม่านตาหดเกร็งเท่ารูเข็ม ร่างทั้งร่างก็กระสับกระส่ายไม่หยุด
ปลายสาย พงศกรราวกับสัมผัสได้ถึงความกลัวของหญิงสาว มุมปากยกหยักอย่างชั่วร้าย“ปาจรีย์ ได้ยินเสียงฉัน แปลกใจมากใช่ไหม?”
เขารู้ ว่าเธอรู้ว่าเขาเป็นใคร
ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร นั้นก็หมายความว่า เธอไม่ได้ความจำเสื่อม และไม่ได้ลืมเขา
เหอะ นิรุตติ์ยังกล้าโกหกเขาอีก!
แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เบอร์นี้เป็นเบอร์ที่ถูกต้อง และที่อยู่ก็เป็นที่อยู่ที่ถูกต้อง ทุกอย่างเขาไม่ถือสาเอาความก็ได้ !
ปาจรีย์อ้าปากค้าง เป็นเวลานานกว่าจะเปล่งเสียงที่สั่นเทาออกมาได้“ฉัน……ฉันไม่รู้จักคุณ คุณ……คุณโทรผิดแล้ว!”
พูดจบ ก็กดสายทิ้งในทันที เพื่อกันเขาโทรมาอีกครั้ง เธอรีบปิดเครื่องหนี
แต่ถึงกระนั้น ภายในใจของปาจรีย์ก็ไม่ได้สงบลงเลย เธอโยนโทรศัพท์ทิ้ง สองมือกำผ้าห่มไว้แน่น แล้วปล่อยโฮออกมาทันที
เดิมทีเธอไม่ได้อยากจะร้อง แต่เพราะความรู้สึกหวาดกลัวที่มีต่อพงศกร ทำเธอควบคุมตัวเองไม่ได้
ในห้องถัดไป คุณแม่ปารวีที่กำลังนอนหลับอยู่ จู่ๆก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้แผ่วเบา ทันใดนั้นก็ตื่นจากความฝันในทันที จากนั้นก็ลุกลงจากเตียง แล้วแนบร่างไปกับผนังเพื่อฟังเสียง
เพราะการเคลื่อนไหวอันรุนแรงและโจ่งแจ้งของเธอ ทำเอาคุณพ่อประสิทธิ์ที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกตัวไปด้วยเช่นกัน
หลังจากที่รู้สึกตัว ก็ลืมตาตื่น และเห็นท่าทีของคุณแม่ปารวี ก็ต้องตกใจ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า“ดึกดื่นค่ำคืนไม่หลับไม่นอน มัวทำอะไร?”
“สิทธิ์ มาฟังนี่ เหมือนปาจรีย์กำลังร้องไห้เลย ”คุณแม่ปารวีทำท่าให้เงียบเสียง แล้วชี้ไปยังผนัง ส่งสัญญาณให้คุณพ่อประสิทธิ์มาฟัง
เมื่อคุณพ่อประสิทธิ์ได้ยินที่เธอพูด ก็มีท่าทีจริงจังขึ้นมา รีบเปิดโคมไฟที่ข้างเตียง แล้วลุกขึ้นนั่ง ฟังมันไปพร้อมกับเธอ
เพราะตอนนี้ สำหรับพวกเขาสองคนแล้ว ลูกสาวนั้นสำคัญที่สุด
สิ่งที่พวกเขากังวลที่สุด คือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาว
สองสามีภรรยาเงียบเสียงลง แล้วตั้งใจฟัง
ฟังกันอยู่สักพัก คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีก็มองสบตากัน ต่างเห็นความเคร่งขรึมผ่านดวงตาของกันและกัน
“ปาจรีย์กำลังร้องไห้จริงๆ ”คุณพ่อประสิทธิ์พยักหน้าแล้วพูด
คุณแม่ปารวีดึงผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียง“ ไม่ได้ ฉันต้องไปดูสักหน่อย ดึกป่านนี้แล้วเธอเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม หากไม่ได้ไปดู ฉันไม่สบายใจแน่ ”
“ผมไปด้วย”คุณพ่อประสิทธิ์ดึงผ้าห่มออกแล้วสวมใส่รองเท้า
สองสามีภรรยาพากันเดินประคองออกจากประตู แล้วเดินไปยังห้องถัดไป
เมื่อมาถึงหน้าห้องของปาจรีย์ คุณแม่ปารวียกมือขึ้น และเคาะประตู “ปาจรีย์ กำลังร้องไห้อยู่เหรอ?”
ภายในห้อง ปาจรีย์ไม่คิดว่าเสียงร้องไห้ของตัวเอง จะได้ยินไปถึงหูของพ่อกับแม่ อีกทั้งยังตามมาดู จึงรีบเช็ดคราบน้ำตา แล้วนอนลง ตอบกลับด้วยเสียงสะอื้นว่า “ไม่นะ แม่ หนูไม่ได้ร้องไห้ ”
คุณแม่ปารวีที่อยู่หน้าประตูมุมปากกระตุก“นี่ไม่ได้ร้องเหรอ เสียงเปลี่ยนซะขนาดนี้ ลูกเป็นอะไรไป?”
ปาจรีย์ขบริมฝีปาก ไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ว่าตัวเองถูกพงศกรหาเจอแล้ว
ไม่อย่างนั้น พ่อกับแม่ต้องมาเป็นกังวลอย่างแน่นอน
คิดได้ดังนั้น ปาจรีย์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมตัวเองให้นิ่ง อย่างน้อยก็ไม่ให้มีอาการหวาดกลัวแบบนี้ ตอบกลับว่า“แม่ หนูไม่ได้เป็นอะไร แค่นอนฝันร้าย แม่กลับไปนอนเถอะ อีกสักเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
แต่คุณแม่ปารวีก็ไม่มีความคิดที่จะจากไป
เรื่องของลูกสาวไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนเป็นแม่ น้ำเสียงของลูกสาวมีความหวาดกลัวอย่างชัดเจน นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คนฝันร้ายเขาเป็นกัน อีกอย่าง ใช่ว่าลูกสาวจะไม่เคยฝันร้ายมาก่อน แต่ก็เป็นเพียงแค่สะดุ้ง แล้วก็ไม่มีอะไร เพราะต่างรู้กันดี ว่าฝันร้ายมันก็แค่ความฝัน เป็นเรื่องไม่จริง ต่อให้จะหวาดกลัว ก็ไม่มีทางร้องห่มร้องไห้อยู่นานแบบนี้
ดังนั้น ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับปาจรีย์แน่นอน แต่เพราะไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นกังวล ดังนั้นก็จึงปกปิดเอาไว้
“เปิดประตูเข้าไปเลย ”คุณพ่อประสิทธิ์ที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นกับคุณแม่ปารวี
ปาจรีย์ที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงของคุณพ่อประสิทธิ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นชัดว่าคิดไม่ถึง ว่าคนเป็นพ่อก็อยู่ด้วย
และพ่อก็ยังให้แม่เปิดประตูเข้ามา ดูท่าคืนนี้เธอคงหนีไม่พ้นซะแล้ว
เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ ปาจรีย์ขบริมฝีปาก ลุกขึ้นแล้วนั่งบนเตียง จากนั้นก็ตอบกลับ“รอเดี๋ยวนะพ่อแม่ หนู……หนูเปิด!”
คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีที่อยู่หน้าห้องได้ยินว่าเธอจะเปิดประตูให้ ก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปเอากุญแจสำรองมาไขในทันที
คุณแม่ปารวีพยักหน้าและตอบกลับ“ได้ เร็วๆนะ”
“ค่ะ……”ปาจรีย์ตอบเสียงเบาราวกับเสียงยุง จากนั้นก็ลุกลงจากเตียง ใส่รองเท้า เดินตรงไปที่ประตู
ไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก
คุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีเห็นดวงตาที่แดงก่ำ กับเปลือกตาที่บวมเล็กน้อย และใบหน้าก็ซีดเซียวของลูกสาว ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจขึ้นในทันที
คุณแม่ปารวีดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด ถามอย่างร้อนรน “ปาจรีย์ บอกแม่ ว่าลูกเป็นอะไรไป ? อย่าบอกนะว่าฝันร้าย ลูกคิดว่าคนเป็นพ่อแม่อย่างเราจะเชื่อเหรอ?”
คุณพ่อประสิทธิ์ที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าให้อย่างจริงจัง“แม่เราพูดถูก ปาจรีย์ ตอนนี้เราสามคนต้องคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีแค่พวกเราเท่านั้น ดังนั้นพ่อไม่อยากให้ลูกต้องปิดบังอะไรพ่อกับแม่ หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่จะอยู่กันยังไง ?”
เมื่อได้ยินคำนี้ ปาจรีย์ก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “พ่อแม่หนูขอโทษ หนูขอโทษ……”
“พอก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดขอโทษในตอนนี้เลย ลูกบอกพ่อกับแม่มาก่อน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”คุณพ่อประสิทธิ์ลูบไปที่ศีรษะของเธอ
ตั้งแต่ที่ลูกสาวไปที่สถานสะกดจิต ลบความรู้สึกและความทรงจำทั้งหมดที่มีต่อพงศกร ก็มีความสุขมาโดยตลอด ไม่มีความทุกข์โศกอย่างที่ผ่านมา ให้ใครต้องมาเป็นกังวลอีก
สองสามีภรรยาคิดว่า ครอบครัวของพวกเขา ต่อไปคงมีชีวิตที่มีความสุขไปตลอด ไม่มีเรื่องของตระกูลฉัตรวิไล มาทำให้ครอบครัวของเขาต้องวิตกกังวลอีก
แต่ไม่คิดว่า นี่แค่ผ่านไปได้ไม่กี่วัน อารมณ์ความรู้สึกของปาจรีย์ ก็มีปัญหาขึ้นมาได้
เขาสงสัยมากกว่า ว่าการสะกดจิตของปาจรีย์นั้นจะหายไปแล้วหรือเปล่า ปาจรีย์นึกถึงพงศกรขึ้นมาอีกครั้ง และฟื้นความทรงจำที่มีกับพงศกร
ไม่อย่างนั้นปาจรีย์ที่อยู่ดีๆ ทำไมถึงร้องไห้ขึ้นมากลางดึก และเสียงร้องไห้นั้น ก็เต็มไปด้วยความสับสนวิตกกังวลและความกลัว
นี่มันทำให้คนเป็นพ่อแม่อย่างพวกเขา รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไปด้วย
“แม่ค่ะ พ่อค่ะ……”ปาจรีย์เชื่อฟังในสิ่งที่พ่อกับแม่พูด เงยหน้าขึ้น มองไปยังคุณแม่ปารวี แล้วหันมองคุณพ่อประสิทธิ์ จากนั้นก็ขบริมฝีปากแน่น และบอกเล่าในสิ่งที่ทำให้ตัวเองตื่นกลัว “พงศกร เมื่อกี้เขาโทรมาหาหนู เขาหาพวกเราเจอแล้ว พ่อค่ะ แม่ค่ะ เขาหาพวกเราเจอแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของคุณพ่อประสิทธิ์กับคุณแม่ปารวีก็เปลี่ยนในทันที
“อะไรนะ ? พงศกรโทรหาลูกงั้นเหรอ ?”ใบหน้าของคุณพ่อประสิทธิ์สั่นเทา น้ำเสียงก็สูงขึ้นตาม
ใบหน้าคุณแม่ปารวีซีดเซียว ริมฝีปากสั่นไม่หยุด“เขา……เขารู้เบอร์ลูกได้ยังไง ?”
“หนูไม่รู้ หนูไม่รู้จริงๆ”สองมือของปาจรีย์กุมไปที่ศีรษะ และส่ายหัวไปมาไม่หยุด
คุณแม่ปารวีแกะมือที่กุมศีรษะของเธอออก “ปาจรีย์ ลูกอย่าทำแบบนี้ ลูกทำแบบนี้แล้วแม่รู้สึกเจ็บไปถึงหัวใจเลย ”
ปาจรีย์โผเข้ากอดคุณแม่ปารวี “ขอโทษค่ะแม่ ”
“ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไร”คุณแม่ปารวีตบไปที่หลังของเธอเบาๆเพื่อปลอบ และภายในใจ กลับเต็มไปด้วยความกังวล
“สิทธิ์ คุณว่าตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?”คุณแม่ปารวีมองไปยังคุณพ่อประสิทธิ์
คุณพ่อประสิทธิ์ในฐานะผู้ชาย ก็ดึงสติจากความตื่นตระหนกได้อย่างรวดเร็ว เขาหรี่ตาลง ถามปาจรีย์ “ปาจรีย์ ลูกแน่ใจว่าเป็นพงศกรเหรอ?