พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 83 อาการยันเดเระ
นัทธีเม้มริมฝีปากบางของเขา ไม่ได้ตอบ
พิชิตก็ไม่ได้สนใจ ลูบคางแล้วกล่าว “นายดูมันสั่งRemy Martin Louis XIIIมาหนึ่งขวด ตัวเองนั้นดื่มไม่หมดแม้แต่แก้วเดียว กลับเอาแต่รินให้คุณวารุณี เห็นๆอยู่ว่ามันอยากจะมอมเหล้าคุณวารุณี เพื่อง่ายต่อการทำเรื่องไม่ดี”
ได้ยินคำพูดนี้ มือของนัทธีที่วางอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ก็กำแน่นขึ้นมาทันที รอบตัวกระจายไปด้วยไอเย็น
พิชิตเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา แล้วมาคิดถึงเขาที่สนใจวารุณีเป็นพิเศษ หัวใจก็จมลงไป “นัทธี หรือว่าแกจะ………….”
ยังไม่ทันพูดจบ นัทธีก็หันหลังทันที เดินออกไปทางประตูห้อง
พิชิตอึ้งไปครู่หนึ่ง “นัทธี นายจะไปไหน?”
นัทธียังคงไม่สนใจเขา เปิดประตูเดินออกไปโดยตรง
พิชิตก็ถูแก้มอันน่ารักของตัวเองอย่างทำอะไรไม่ได้ หลังจากพึมพำ ก็รีบวิ่งตามไป
ชั้นล่าง ตอนนี้วารุณีเมาแล้ว ใบหน้าแดงระรื่น นั่งทำตาปริบๆสะอึกสะอื้น
พงศกรวางตะเกียบลง ยื่นมือไปโบกมือตรงหน้าของเธอ จากนั้นก็กลางฝ่ามือตรงหน้าของเธอ “คุณวารุณี นี่กี่นิ้ว?”
วารุณีกะพริบตาที่พร่ามัว มองไปครู่หนึ่ง จึงได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ “สอง?”
พงศกรแววตากะพริบผ่านด้วยแสงสีดำ “ผิดแล้ว มันคือห้า วารุณี คุณเมาแล้ว”
“ฉัน………ฉันยังไม่เมา!” ตอนนี้วารุณีไม่พอใจแล้ว มุ่ยริมฝีปากแดงแล้วคัดค้าน
พงศกรถอดแว่นมาสอดไว้ตรงกระเป๋าเสื้อ หัวเราะเสียงต่ำไปสองที เหมือนกับกำลังปลอบเด็กน้อย ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ใช่ๆ คุณยังไม่เมา ผมเมาเอง งั้นเรากลับบ้านกันดีมั้ย?”
“ดี” วารุณีสะอึกไปสองที พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
พงศกรลุกขึ้นมา เรียกบริกรมาเช็กบิล
หลังจากเช็กบิลแล้ว เขาได้นำตัววารุณีมาพาดไว้บนไหล่ของเขา จากนั้นจึงได้กุมเอวของวารุณีขึ้นมา
ได้กลิ่นหมอสดชื่นที่โชยมาจากร่างของวารุณี และกลิ่นหอมของRemy Martin Louis XIII พงศกรสูดดมอย่างหลงใหล แววตาเต็มไปด้วยความคลั่ง
และแล้วในเวลานี้ น้ำเสียงที่เย็นเฉียบก็ดังขึ้นมา “หยุดเดี๋ยวนี้!”
พงศกรหยุดฝีเท้าลงทันที เงยหน้ามองไปทางต้นเสียง เห็นนัทธีที่อยู่ด้านหน้ากับพิชิตที่เดินตามเข้ามา ใจก็จมดิ่งลงไปทันที
พวกเขาทำไมถึงอยู่ตรงนี้?
“ส่งเธอมาให้ผม!” นัทธีเดินไปข้างหน้าของพงศกรแล้วหยุดฝีเท้าลงในระยะห่างหนึ่งเมตร มองวารุณีที่เมาไม่ได้สติที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ให้เถียง
พงศกรไม่ได้ทำตาม กลับกอดวารุณีแน่นกว่าเดิม “ทำไมต้องส่งให้คุณ?”
แววตาที่อันตรายของนัทธีได้หรี่ลง “ทำไม? คุณจงใจมอมเหล้าเธอ ยังต้องให้ผมพูดชัดเจนเหรอ?”
พงศกรยิ้มแล้ว แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มมาจากใจ “ประธานนัทธี ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร ยังไงก็เชิญคุณหลีกไปจะดีกว่า ผมกับคุณวารุณีจะกลับกันแล้ว”
“คุณคิดว่าผมจะให้คุณพาเธอไปเหรอ ผมขอพูดอีกครั้ง ส่งเธอมาให้ผม!” นัทธีขวางเขาเอาไว้ เตือนอย่างชัดถ้อยชัดคำ
รอยยิ้มบนใบหน้าของพงศกรค่อยๆหดลงมา สบตาเขาอย่างไม่เกรงกลัวเลย “หากบอกว่าว่าไม่ล่ะ?”
ใช่ เขาจงใจที่จะมอมเหล้าวารุณีจริง เมื่อตอนกลางวันตอนที่เขาเข้าเยี่ยมผู้ป่วยตามห้องพักนั้น บังเอิญได้ยินนิรุตติ์กับแม่เขากำลังสนทนากันเรื่องที่ช่วงนี้นัทธีสนิทสนมกับวารุณีเป็นพิเศษ เขาก็เลยทนไม่ได้อีกต่อไป เขาอยู่เคียงข้างเธอมาห้าปีแล้ว กลับเทียบช่วงเวลาสั้นๆเดือนสองเดือนของนัทธีไม่ได้
คืนนี้เขาก็เลยอ้างเรื่องฉลองหลอกให้เธอออกมา ก็เพราะต้องการจะได้ตัวเธอ ขอเพียงได้ตัวเธอมา เธอก็จะอยู่กับเขา ดังนั้นเขาไม่มีทางที่จะยอมให้คนอื่นมาทำลายแผนการของเขา!
ขณะที่คิด แววตาของเขาพงศกรก็เต็มไปด้วยความดุดัน ใบหน้าก็เขียนเต็มไปด้วยคำว่าบ้าคลั่ง
พิชิตที่มองดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างถูกเขาทำให้ตกใจจนสะดุ้ง และประหลาดใจไม่น้อย
ที่แท้พงศกรซึ่งปกติแล้วเป็นคนที่อ่อนโยน เป็นที่ชื่นชอบของผู้ป่วย กลับมีอาการทางจิตด้วย
ได้ยินมาว่าคนที่มีอาการยันเดเระโดยพื้นฐานในใจมักจะมีปัญหา ไม่ใช่ว่าพงศกรก็มีด้วยนะ?
พิชิตมองสำรวจพงศกรด้วยสายตาที่สงสัย
พงศกรสังเกตเห็นแล้ว ก็เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา
พิชิตถูกสายตาของเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบ เสมือนถูกงูพิษจ้องมอง อดไม่ได้ที่ตัวสั่นไปหนึ่งที
“คุณไม่มีสิทธิ์พูดคำว่าไม่” นัทธีไม่มีเวลาสนใจว่าพิชิตจะเป็นยังไง ยื่นมือไปจับแขนของวารุณีเอาไว้ อยากจะดึงตัวเธอมาจากอ้อมแขนของพงศกร
แม้ว่านัทธีจะว่องไว แต่พงศกรก็ไม่ชักช้า ในขณะที่เขากำลังจะดึงไปนั้น ก็ได้คว้าแขนอีกข้างของวารุณีเอาไว้
วารุณีถูกเขาสองคนดึงตัวไปดึงตัวมา เหมือนกับชักเย่อ ถูกดึงไปซ้ายทีขาวที เวียนหัวจนจะระเบิดอยู่แล้ว
พิชิตทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว ก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เอามือไปวางไว้บนมือของพงศกรที่จับแขนของวารุณีไว้ ยิ้มแหยๆแล้วค่อยๆแกะมือของพงศกรออกทีละนิด คุณหมอพงศกร “ผมได้ยินมาว่าคุณมีวิทยานิพนธ์ฉบับหนึ่งได้ตีพิมพ์แล้ว เรามาหารือร่วมกันเป็นไง?”
เขาพลางพูด พลางส่งสายตาให้นัทธี ให้นัทธีรีบพาวารุณีไป
พงศกรทำไมจะไม่รู้ว่าพิชิตกำลังสร้างโอกาสให้นัทธีไปจากที่นี่ล่ะ เขามองพิชิตด้วยสายตาที่ดุร้าย “หลีกไป!”
“ไม่หลีก!” พิชิตก้มหน้ามองร่างกายที่กะทัดรัดของตัวเอง แม้จะรู้ดีว่าไม่สามารถที่จะสู้พงศกรได้ แต่ก็ยังคงดึงดันที่จะขวางเขา
นัทธีเหลือบมองพิชิตอย่างลึกๆแล้ว ก็ได้อุ้มวารุณีขึ้นมา เดินจากไปภายใต้สายตาที่อาฆาตแค้นของพงศกร
ที่ลานจอดรถ แต่ไกลมารุตก็เห็นนัทธีอุ้มใครคนหนึ่งเดินมา
หลังจากเดินเข้ามาใกล้ เขาเห็นคนที่นัทธีอุ้มอยู่คือวารุณี ไม่เพียงแต่ประหลาดใจยังได้อ้าปากค้าง “ท่านประธาน คุณกับคุณวารุณีเจอกันได้อย่างไร?”
นัทธีไม่ตอบ ได้อุ้มวารุณีเข้าไปในรถ แล้วออกคำสั่งโดยตรง “ออกรถ!”
“ครับผม” มารุตตอบรับ ก็สตาร์ทรถทันที
ทันใดนั้น เขาก็เห็นคนสองคนจากกระจกหลัง กำลังวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว หันหน้าไปถามนัทธี “ท่านประธาน เป็นคุณหมอพิชิตกับคุณหมอพงศกร เราจะรอเขาสองคนมั้ย?”
นัทธีชำเลืองมองไปนอกหน้าต่าง เห็นได้ชัดว่าพิชิตไม่ได้ขวางพงศกร ให้พงศกรวิ่งไล่ตามมา เม้มริมฝีปากบางแล้วตอบ “ไม่ต้อง ไปเลย!”
มารุตพยักหน้า เหยียบคันเร่งแล้วออกจากที่จอดรถ
ระหว่างทาง อาการเมาของวารุณียิ่งอยู่ยิ่งรุนแรง วินาทีก่อนยังสงบอยู่เลย วินาทีต่อมาจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา
มารุตอาศัยกระจกหน้ามองไปเบาะหลัง ก็กล่าวอย่างประหลาดใจ “ท่านประธาน คุณวารุณีกำลังจะเริ่มอาละวาดแล้วล่ะ”
นัทธีเหลือบตามองวารุณีที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง เห็นเธอยิ้มบ้าๆบอๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขับเร็วหน่อย”
“ได้เลยครับ” มารุตตอบ
ความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้น วารุณียังนั่งไม่เข้าที่ ถูกเขย่าจนตกลงไป
นัทธีวางโทรศัพท์ลง ดึงตัวเธอขึ้นมา
และเธอกลับกอดมือของเขาเอาไว้ ขยับร่างกายเข้ามาใกล้เขา
นัทธีตัวเกร็งทันที “เธอจะทำอะไร?”
วารุณีกะพริบตาอย่างมึนๆ “ฉันหิวน้ำ ฉันจะดื่มน้ำ…….”
“มารุต” นัทธีเคาะไปที่เบาะหลังคนขับหนึ่งที
มารุตทำท่ายักไหล่อย่างไม่รู้จะช่วยยังไง “ท่านประธาน นี่มันรถใหม่ ผมยังไม่ทันได้เตรียมของจนครบเลย”
ได้ยินแบบนี้ นัทธีก็นิ่งไปสองวินาที แล้วจึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “กลับไปค่อยดื่ม”
“ไม่ ฉันจะดื่มตอนนี้” จู่ๆวารุณีก็โวยวายขึ้นมา ทุบเบาะนั่งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
เป็นครั้งแรกที่นัทธีเห็นเธอเป็นแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ก็บอกแล้วว่าไม่มีน้ำไง!”
“คุณโกหกฉัน เห็นๆอยู่ว่ามี ยังมีพุดดิ้งด้วย” วารุณีชี้ไปที่เขาด้วยท่าทางที่อยากจะร้องไห้
“พุดดิ้ง?” นัทธีขมวดคิ้ว พุดดิ้งมาจากไหน?”
“ตรงนี้ไง” วารุณีที่คุกเข่าอยู่ใต้เก้าอี้ ภายใต้สายตาที่สงสัยของนัทธี เธอได้ยื่นมือไปจับแก้มของเขาเอาไว้ เข้าไปใกล้กับริมฝีปากของเขา แล้วกัดมันลงไป