พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 840 เหมือนจะไม่ได้เกลียดขนาดนั้น
พงศกรหันหน้า ไม่สนใจคุณพ่อประสิทธิ์
คุณพ่อประสิทธิ์คนนี้เขารู้จักเป็นอย่างดี ตอนที่สนิทสนมกันนั้น ช่างบ่นมาก
ตอนที่อคติกับคนอื่น ก็ขี้บ่นมากเช่นกัน มันจะหาคำพูดไปวิจารณ์คนอื่นได้เสมอ
แต่ตัวเขานั้นไม่ใช่คนประเภทพูดมาก และก็ไม่มีความสามารถคารมคมคาย ผลลัพธ์จากการต่อล้อกับคุณพ่อประสิทธิ์ก็มีแค่หนึ่งคน ที่ถูกทำให้หงุดหงิด
ดังนั้นถ้าหากตัวเองสนใจคุณพ่อประสิทธิ์ ก็มีแต่จะเสริมศักดิ์ศรีของคุณพ่อประสิทธิ์ ทำให้คุณพ่อประสิทธิ์ตำหนิพึมพำไปไม่มีประโยชน์ สู้พูดอะไรเลยดีกว่า
“ไม่พูดอะไร เดี๋ยวคุณพ่อประสิทธิ์ก็หยุด
อย่างที่คิด เมื่อคุณพ่อประสิทธิ์เห็นว่าพงศกรไม่สนใจเขา ในใจก็ตระหนก แต่ท้ายที่สุดก็ไม่พูดอะไร แล้วปิดปากเงียบ
ด้านตรงข้าม ปาจรีย์ออกแรงหักบิดส่วนบนของขวดอย่างแรง
แต่หลอดแก้วราวกับหิน หักยังไงก็ไม่ออก จนหน้าแดงขึ้นมา
คุณพ่อประสิทธิ์ทนดูไม่ได้อีกต่อไป ขณะที่กำลังบอกว่าเปิดเอง พงศกรถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมกับเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย “ซ้ายมือเธอมีกรรไกรตัดผ้าก๊อซอยู่ เธอใช้ด้ามมีดกรรไกรขีดสักสองสามครั้ง ให้มันเป็นรอยแล้วค่อยหัก เดี๋ยวก็จะหักออก”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ดวงตาของปาจรีย์ก็เป็นประกาย หลังจากนั้นจึงตบไปที่หน้าผาก “ใช่สินะ ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกนะ ขอบคุณนะคะคุณพงศกร ขอบคุณที่เตือนฉัน”
พูดจบ เธอก็หยิบกรรไกรขึ้นมาเปิด หลังจากนั้นก็ทำตามที่เขาบอก ภายใต้การขีดไปสองสามครั้งเพื่อให้ขวดเป็นรอย
กรรไกรนั้นคมมาก ไม่นานขวดหลอดแก้วก็ถูกขีดจนเป็นรอย
ปาจรีย์วางลงอย่างง่ายๆ แล้วออกแรงหักอีกครั้ง ครั้งนี้ ในที่สุดขวดแก้วก็ถูกเธอหักออก
เธอชูจุดหลอดแก้วที่หักออก ให้พงศกรดูแล้วยิ้ม “คุณพงศกรดูสิคะ ฉันหักออกแล้ว”
พงศกรมองรอยยิ้มที่ใสสะอาดของเธอ นัยน์ตามืดดำ ตั้งใจแสร้งทำเสียงพ่นลมอย่างเย็นชา
คุณพ่อประสิทธิ์พ่นลมอย่างเย็น “ปาจรีย์ ลูกอวดอะไรเขา ลูกดูสิเขาสนใจลูกไหม?”
ปาจรีย์ยิ้ม “เอาล่ะค่ะพ่อ ฉันไม่ได้อวด ฉันแค่อยากให้เขาดู ว่าฉันทำตามที่เขาบอกได้แล้ว”
“แล้วมีอะไร วิธีเปิดของนี่มีเยอะแยะ ต่อให้วิธีเขาเปิดไม่ออก ลูกก็ยังมีวิธีอื่นมาใช้เปิด เพราะฉะนั้นมีอะไรดีให้เขาดู” คุณพ่อประสิทธิ์เหลือบไปมองพงศกรอย่างเย็นชาแล้วพูด
ปาจรีย์ยิ้มแล้วพูด “เอาล่ะค่ะพ่อ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ยื่นมือมาค่ะ ฉันจะฆ่าเชื้อให้”
คุณพ่อประสิทธิ์เชื่อฟังที่เธอพูด ยื่นมือออกมา วางบนโต๊ะเล็กๆ
ปาจรีย์หยิบก้านสำลีขึ้นมา หลังจากที่จุ่มลงไปบนเบตาดีน ก็เริ่มทำการฆ่าเชื้อบนมือให้เขา
พงศกรเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเธอ ถ้าหากว่าเธอทำผิด เขาจะได้เตือนได้ทัน ให้เธอแก้ไข
แต่การฆ่าเชื้อไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนมากอะไร เพียงเช็ดปากแผลแค่หนึ่งรอบก็พอแล้ว
ดังนั้นทุกขั้นตอน ปาจรีย์ทำได้อย่างดี โดยที่พงศกรไม่ได้พูดเลยสักประโยค
ฆ่าเชื้อเสร็จ ปาจรีย์ก็ทิ้งก้านสำลีบนมือ หลังจากนั้นก็มองไปที่พงศกร “คือ……คุณพงศกรคะ ที่คุณพูดเมื่อกี้ หลังฆ่าเชื้อเสร็จ ก็พ่นอะไรนะสเปรย์ใช่ไหมคะ?”
“ขวดขวามือเธอ” พงศกรชี้แล้วพูด
ปาจรีย์หยิบขวดขึ้นมาพ่น “ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่เธอขอบคุณ หลังจากนั้นก็เปิดฝาสเปรย์
ทันใดนั้นพงศกรก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ก่อนพ่นเขย่าสองครั้ง ไม่อย่างนั้นพ่นออกมาตอนแรก จะมีแต่อากาศ”
“ค่ะ ขอบคุณที่เตือน” ปาจรีย์พยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นก็หยิบขวดสเปรย์ขึ้นมาเขย่า
หลังจากเขย่าไปสองครั้ง เธอจึงกดลงบนปุ่มพ่นสเปรย์
ไม่ช้า ผงเปียกสีขาว ก็พ่นออกมาจากปากพ่นสเปรย์ และตกลงบนตำแหน่งผิวที่แตกของคุณพ่อประสิทธิ์ได้อย่างดี
พงศกรอธิบาย “นี่คือผงห้ามเลือด สามารถช่วยจับตัวเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้ตกสะเก็ดแผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ปาจรีย์ดูชื่อบนขวดสเปรย์บนมือ
บนนั้นไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาของอีกประเทศหนึ่ง เธอไม่รู้จัก
แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสิ่งนี้คืออะไร คือผงห้ามเลือด
“คุณหมอพงศกรคะ ต่อไปทำอะไรคะ?” ปาจรีย์วางขวดสเปรย์ลง หลังปิดฝาเสร็จ ก็ถามอีกครั้ง
พงศกรชี้ไปที่ซ้ายมือเธอ “เจลในขวดเล็กๆ ใช้ช้อนขูดขึ้นมาเบาๆ แล้วเกลี่ยให้ทั่วแผลของพ่อเธอ สุดท้ายก็พันด้วยผ้าก๊อซจากนั้นก็เสร็จ”
“เจล?” ปาจรีย์หยิบขวดเล็กๆ ที่เขาบอกขึ้นมาเปิด ข้างในเป็นสีเบจอย่างที่คิดไว้ กลิ่นเจลกระจายขึ้นมามีกลิ่นฉุน
เธอเข้าใจว่า ข้างในจะเป็นยาเม็ดทั้งหมด
“อันนี้คือเจลอะไรเหรอคะ?” เธอย่นจมูกถาม
เพิ่งจะถามเสร็จ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้อีกครั้ง แล้วรีบโบกมือ “ขอโทษด้วยค่ะคุณพงศกร ฉันไม่ได้ตั้งใจถาม คุณจะไม่ตอบฉันก็ได้ค่ะ”
จริงๆ เลย เพราะความเมตตาตอนนี้ของเขา ที่สอนเธอพันแผลให้พ่อ เธอลืมไปได้ยังไงว่าเขาเกลียดคนตระกูลสวนจันทร์อย่างพวกเขามากขนาดไหน
ทำไมตัวเองต้องทำเรื่องเกินความจำเป็น ไปถามเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้
แต่พงศกรกลับไม่ได้ไม่ตอบตามอย่างที่ปาจรีย์พูด
แต่ริมฝีปากบางของเขากลับเปิด แล้วอธิบายให้เธอฟัง “นี่เป็นยาตัวใหม่ ที่ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เป็นยาเจลที่สามารถเสริมสร้างการเจริญเติบโตของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากต้นทุนการผลิตไม่สูง จึงสามารถเป็นที่นิยมได้ทั่วโลก ดังนั้นตอนนี้เจลตัวนี้ ในหมู่โรงพยาบาลและคลินิกใหญ่ๆ เลยกลายเป็น ยาสมานแผลภายนอกที่ดีที่สุด”
“แบบนี้นี่เอง” ปาจรีย์พยักหน้าทันที แต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ที่เขายังคงตอบเธอ
ดูเหมือนเขา ราวกับไม่มีพ่อแม่ และก็ไม่ได้เป็นอย่างที่อย่างที่วารุณีพูดไว้เกินไป
เขาปฏิบัติต่อเธอ เหมือนมีความอดทนมาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ปาจรีย์เอียงหัวอย่างสงสัย
แล้วยังมีอีกอย่าง ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดภาพลวงตาหรือเปล่า เหมือนเธอรู้สึกว่า เหมือนเขาจะไม่เกลียดเธอมากขนาดนั้น ไม่ได้เกลียดตระกูลสวนจันทร์
แน่นอน ว่าการเกิดภาพลวงตาของเธอมีความเป็นไปได้สูงมาก ยังไงซะพ่อแม่และวารุณีก็ไม่มีทางโกหกเธอ
ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับเขา ความกลัวนั้นก็ไม่ใช่ของปลอม
ดังนั้นเขาที่ทำกับเธอในเมื่อก่อน ที่ทำกับตระกูลสวนจันทร์ มันเกินไปมากจริงๆ
ตอนนี้ มันแค่ถูกซ่อนไว้ชั่วคราว
“เธอเหม่ออะไรอยู่เหรอ?” พงศกรเห็นปาจรีย์กำลังก้มหน้า ท่าทางที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเม้มริมฝีบางถามอย่างอดไม่ได้ “เธอยังไปทาเจลอีก ผงห้ามเลือดจะแห้งหมดแล้ว ถึงตอนนั้นมันจะมีประโยชน์อะไร?เจลกับผงห้ามเลือดต้องใช้รวมกัน ถึงจะได้ประสิทธิภาพถึงจะดีที่สุด”
เมื่อถูกเขาเตือนแบบนี้ ปาจรีย์สั่นและสติกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วบีบมุมปากอย่างเขินอาย “ขอโทษค่ะ ฉันจะทาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เธอรีบหยิบช้อนขึ้น ตักเจลขึ้นมาก้อนใหญ่ แล้วทาให้ทั่วปากแผลของคุณพ่อประสิทธิ์อย่างระมัดระวัง
ทาไป แล้วถามคุณพ่อประสิทธิ์ไป “พ่อคะ เจ็บไหม?”
คุณพ่อประสิทธิ์ยิ้มด้วยความรักแล้วตอบ “ไม่เจ็บ อบอุ่นใจมาก”
เขาชี้ไปที่อกของตัวเอง
พูดความจริง ทายาทำไมจะไม่เจ็บ ยาพวกนั้นมีผลข้างเคียงคือการระคายเคืองแผล ตอนที่ทายานั้น เขาจนต้องกัดฟัน
แต่มันหวานนะ
หวานในใจ!
ลูกสาวทายาให้ตัวเอง แถมยังห่วงตัวเองว่าเจ็บหรือเปล่า ใจดวงนี้ ทั้งหวานทั้งอบอุ่น
ปาจรีย์มองที่รอยยิ้มของคุณพ่อประสิทธิ์ แล้วมองไปที่รอยย่นตรงมุมหางตาของคุณพ่อประสิทธิ์ที่ออกมาจากรอยยิ้ม รวมถึงเส้นผมสีขาวบนหัว ก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงความบาดหมางระหว่างตระกูลสวนจันทร์กับตระกูลอิสริยานนท์ แค่พูดถึงช่วงหลายปีมานี้ เพราะเรื่องที่ตัวเองรักพงศกรเรื่องนี้พ่อกับแม่ ถึงแก่แล้วแก่อีก
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่รู้ว่าตอนที่เธอรักผู้ชายคนนี้นั้น ได้ทำอะไรไปบ้าง แต่เธอก็รู้ ว่าตอนที่เธอถูกพงศกรทำร้ายจิตใจจนใจเจ็บ พวกเขาที่เป็นพ่อแม่ ก็คงจะเจ็บปวดใจตามเหมือนกัน
กล่าวคือ เดิมทีพ่อกับแม่แค่ต้องแบกรับความเกลียดชังของพงศกรเท่านั้น แต่เพราะความรู้สึกของตัวเอง พ่อและแม่กลับยังต้องมาแบกรับความทรมานที่ลูกสาวเกเรเอามาด้วย
เธอ ขอโทษพวกขามากจริงๆ !