พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 844 เป็นห่วงความรู้สึกของปาจรีย์
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ปาจรีย์ส่ายหัว แววตาเต็มไปด้วยสับสน “ตอนนี้ฉันจำเขาไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาแล้ว ดังนั้นฉันไม่สามารถมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาได้อีก แต่ตอนนี้เขารักษาอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจะไม่สนไม่ใส่ใจเขาก็คงจะไม่ได้ อีกอย่าง ตอนนี้เขาบอกให้ฉันดูแลเขา”
“พงศกรเป็นคนบอกให้เธอดูแลเขาเหรอ” วารุณีอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ปาจรีย์อือตอบ “ใช่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ คุณพ่อฉันก็คิดว่าเหมือนกันว่าตั้งใจจะแกล้งฉัน จะใช้เวลานี้ทำฉันแท้ง แต่เขาบอกว่าไม่ได้คิดแบบนี้ ตอนนั้นฉันก็สังเกตเขาดูแล้ว พบว่าเขาไม่มีความคิดนี้จริงๆ”
เธอไม่รู้ว่าทำไมพงศกรถึงให้เธออยู่เฝ้า แต่วารุณีกลับรู้แล้ว
วารุณีนึกถึงเมื่อก่อนนั้นนัทธีเคยบอกกับตัวเอง ว่าที่จริงแล้วพงศกรนั้นรักปาจรีย์ เพียงแต่ระยะเวลาที่ผ่านมานั้น พงศกรโดนความแค้นบังตา บวกกับเขาคิดว่าตัวเองไม่ได้รักปาจรีย์ ตัวเองค่อยสะกดจิตตัวเองแบบนี้ ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วตัวเองนั้นรักใครกันแน่
เมื่อก่อนพงศกรบอกรักเธอ แต่จริงๆกลับไม่ใช่ เพราะเธอกับปาจรีย์ในเมื่อก่อนนั้นคล้ายคลึงกันมาก มีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้นพงศกรถึงเกิดความรู้สึกชอบกับเธอเช่นนั้น
แต่ความจริงแล้ว คนที่พงศกรชอบจริงๆ เป็นปาจรีย์มาตลอด เพียงแค่เธอในตอนนั้นกับปาจรีย์ในอดีตมีนิสัยคล้ายกันมาก ดังนั้นเธอถึงดึงดูดความสนใจพงศกรได้
ตอนนี้ เธอสงสัยว่าพงศกรจะรู้ตัวแล้วว่าคนที่ตัวเองชอบจริงๆคือปาจรีย์ ดังนั้นจึงเอ่ยปากให้ปาจรีย์อยู่ดูแลเขา
ในเมื่อนัทธีพูดกับพงศกรอย่างชัดเจน ว่าคนที่พงศกรชอบคือปาจรีย์
ทีแรกพงศกรยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ แต่เมื่อเขาสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วคิดทบทวนดีๆ ถึงคิดได้จริงๆ
ดังนั้นตอนนี้เธอกำลังสงสัยว่าพงศกรนั้นคิดได้แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่เธอเป็นห่วง คือแม้หลังจากที่พงศกรคิดได้แล้วว่าคนที่ตัวเองรักคือปาจรีย์แล้ว
เขาจะทำยังไงกับปาจรีย์ต่อ
เป็นการปลดปล่อยทุกอย่าง แล้วอยู่กับปาจรีย์ หรือเป็นเหมือนแต่ก่อนไม่เปลี่ยน แกล้งทำเป็นไม่รู้ถึงความรู้สึกที่มีต่อปาจรีย์ แล้วเกลียดชังตระกูลจิรดำรงค์ต่อไป
เมื่อเห็นวารุณีเงียบนิ่งไปนาน ใบหน้าปาจรีย์ก็เต็มไปด้วยสงสัย จึงตะโกนเรียก “วารุณี แกยังอยู่ไหม”
แววตาวารุณีถูกปลุกให้ได้สติกลับมา พยายามหัวเราะออกมา พลางพูด “ฉันยังอยู่”
“เมื่อกี้เธอเป็นอะไร ทำไมจู่ๆถึงเงียบไป” ปาจรีย์ถาม
วารุณีมองต่ำ “ไม่มีอะไร เพียงแต่จู่ๆก็นึกถึงเรื่องบางอย่างนะ ดังนั้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไป ใช่แล้วปาจรีย์ เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลย ว่าที่พงศกรให้เธอดูแลเขา เธอรับปากยัง”
ปาจรีย์อือตอบ “รับปากแล้ว ไม่รับปากไม่ได้ ตอนนี้พวกเราต้องการพึ่งเขา หากฉันไม่รับปาก แล้วเขากลับคำ จะดำเนินคดีกับคุณพ่อฉันเหมือนเดิมล่ะ แล้วให้ฉันเอาเด็กออกทำไงล่ะ อีกอย่างเป็นเพราะครอบครัวฉันซ้อมเขาจนเป็นแบบนี้ด้วย พวกเราก็ควรรับผิดชอบด้วยการดูแลเขาอยู่แล้ว”
“แม้จะพูดแบบนี้ แต่ปาจรีย์ แกไม่กังวลเหรอ” วารุณีถามอย่างไม่วางใจเล็กน้อย
ปาจรีย์กะพริบตาอย่างสงสัย“เธอหมายความว่ายังไงเหรอ”
“หมายถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อพงศกรไง” วารุณีถอนหายใจ “ฉันรู้ ว่าตอนนี้ว่าความทรงจำทั้งหมดที่เป็นเขาเธอลบมันไปหมดแล้ว และความรู้สึกที่มีต่อเขาด้วย แต่สิ่งที่ฉันกังวลคือการที่เธอค่อยดูแลอยู่ข้างกายเขา มันจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อเขาวนกลับมาใหม่ และเริ่มคิดอยากหาความทรงจำของตัวเองที่มีต่อเขากลับคืนมา”
เมื่อได้ฟังที่วารุณีพูดแล้ว ในใจปาจรีย์รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
เธอรู้ดี ว่าเพื่อนรักนั้นกำลังเป็นห่วงตัวเอง กลัวว่าจะไปรื้อฟื้นอดีต
“วางใจเถอะวารุณี ” ปาจรีย์ยิ้มพลางตอบ “เป็นไปไม่ได้ ใจฉันรู้ดี ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ดูแลก็ส่วนดูแล ฉันไม่สามารถมีความรู้สึกกับเขาได้อีกแล้ว และยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าฉันจะอยากหาความทรงจำเก่าให้กลับคืนมา นอกจากเวลาที่ดูแลเขา เวลาอื่น ฉันจะพยายามออกห่างจากเขา”
“ฉันรู้ แต่ฉันก็ยังกังวล กังวลว่าเธอออกห่างจากเขา แต่เขากลับไม่ต้องการให้เธอออกห่างจากเขานะสิ” วารุณีกุมหน้าผาก
เพราะตอนนี้พงศกรรู้ใจตัวเองแล้วว่าคนที่เขารักจริงๆคือปาจรีย์ และอาจเป็นไปได้อย่างยิ่ง ว่าอยากสานสัมพันธ์กับปาจรีย์
จากที่เขาให้ปาจรีย์เก็บเด็กไว้ แถมยังยอมปล่อยคุณลุงไปอีก จากสองจุดนี้ ก็สามารถดูออกแล้ว
ดังนั้นพงศกรมีความคิดที่อยากสานสัมพันธ์กับปาจรีย์มีความเป็นไปได้มาก
หากพงศกรไม่ได้มีความคิดนี้ งั้นเขาต้องเลือกมองตระกูลจิรดำรงค์เป็นศัตรูเช่นเดิมแน่นอน
หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะไม่ให้ปาจรีย์เก็บเด็กไว้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยคุณลุงไปแน่นอน
ดังนั้นจากการคาดเดาของเธอแล้ว ที่พงศกรให้ปาจรีย์อยู่เฝ้าเขา เป็นไปได้สูงว่าต้องการให้ปาจรีย์เกิดความรู้สึกดีๆกับเขาใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็คลายการสะกดจิตของปาจรีย์ออก ให้ปาจรีย์รื้อฟื้นความทรงจำที่มีต่อเขาทั้งหมด
เพราะตัวพงศกรนั้น สามารถสะกดจิตได้
แน่นอน สำหรับการที่พงศกรยอมรับความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อปาจรีย์ เธอนั้นยินดีด้วย
เพราะเป็นเช่นนี้ อาจเป็นไปได้ว่าพงศกรเลือกจะทิ้งความแค้นทั้งหมดที่มีตระกูลจิรดำรงค์
เพียงแต่เธอก็ยังกังวลว่าหลังจากที่พงศกรรื้อฟื้นความทรงจำปาจรีย์แล้ว ปาจรีย์สภาพจิตใจย่ำแย่
เพราะพงศกรในเมื่อก่อนสร้างความเจ็บปวดให้ปาจรีย์ไว้มาก บาดแผลที่ลึกขนาดนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้พงศกรจะรู้แล้วว่าตัวเองนั้นรักปาจรีย์ และอยากสานสัมพันธ์กับปาจรีย์
แต่ถ้าปาจรีย์หาความทรงจำส่วนของเขากลับคืนมาแล้วจริงๆ หลังจากที่หาความรู้สึกที่มีต่อเขาได้แล้ว ปาจรีย์จะสามารถรับจุดนี้ได้ไหม
หากเปลี่ยนเป็นเธอ เธออาจรับไม่ได้
เพราะคนที่ตัวเองรัก เมื่อก่อนทำร้านตัวเองมากมายขนาดนั้น จากนั้นจู่ๆก็บอกว่าตกหลุมรักตัวเองเข้าแล้ว อยากปลูกต้นรักกับตัวเอง ช่างดูตลกจริงๆ
ตอนที่ฉันรักคุณ คุณไม่รักฉัน ทำฉันอับอายทุกวิถีทาง
ตอนนี้ฉันไม่อยากรักคุณแล้ว คุณกลับมาบอกว่ารักฉัน อยากอยู่กับฉัน นี่ไม่ใช่การล้อเล่นกับเธอเหรอ
ดังนั้นสิ่งที่เธอกังวล คือเรื่องนี้
ปาจรีย์ไม่รู้วารุณีกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินที่เธอพูด ปาจรีย์ก็เอียงหัวด้วยความสงสัย “วารุณี แกกำกำลังพูดอะไร อะไรที่ว่าเขาไม่อยากให้ฉันอยู่ห่างเขา ทำไมเขาต้องไม่อยากให้ฉันออกห่างด้วย”
วารุณีถอนหายใจ “ไม่มีอะไร”
เธอไม่คิดจะบอกเรื่องที่พงศกรรักปาจรีย์เข้าแล้วให้ปาจรีย์
หากปาจรีย์สงสัย หรืออะไรก็ตาม จู่ๆอยากคืนดีกับพงศกร แล้วจากนั้นก็ไปหาหมอสะกดจิตให้ฟื้นความทรงจำของตัวเองกลับมา
แน่นอน เมื่อรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตได้แล้ว หากปาจรีย์สามารถยอมรับความเจ็บปวดที่พงศกรทำไว้กับตัวเองได้ และยอมสานสัมพันธ์กับพงศกร งั้นมันคงเป็นเรื่องที่ดีมาก เธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก
แต่ถ้าหากปาจรีย์ไม่สามารถรับความเจ็บปวดที่พงศกรทำไว้กับตัวเองได้ แต่ก็อยากสานสัมพันธ์กับพงศกร งั้นปาจรีย์ก็คงต้องตกอยู่ในความเจ็บปวดอีกแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้น หากยังไม่แน่ใจว่าแท้จริงแล้วปาจรีย์จะเป็นแบบไหน เธอก็จะไม่บอกเรื่องที่พงศกรมีใจให้ปาจรีย์ได้รู้อย่างแน่นอน
บางที ให้ปาจรีย์ค้นพบด้วยตัวเองมันอาจจะดีกว่า
บางที่แบบนั้น อาจทำให้ปาจรีย์ยอมรับได้มากกว่า
อีกอย่าง ต่อจากนี้พงศกรก็คงค่อยๆรุกปาจรีย์มั้ง
หากเขาต้องการอยู่กับปาจรีย์จริง เขาต้องทำเช่นนี้แน่นอน
วารุณีพูดอย่างคลุมเครือ และมีท่าทีพิรุณ ปาจรีย์ยักไหล่ “แกยังปิดบังอะไรไว้”
วารุณีหัวเราะ “ไม่ได้ปิดบังอะไรไว้ แต่คือ……ช่างเถอะ ต่อไปแกก็คงรู้เองแหละ”
“ก็ได้ เธอพูดแบบนี้แล้ว ฉันยังถามอะไรได้อีก” ปาจรีย์แลบลิ้น
วารุณีเปลี่ยนท่านั่ง แล้วพูด “โอเคปาจรีย์ สายมากแล้ว ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันยังมีเรื่องต่ออีกนิดหน่อยค่อยคุยคราวหน้า มีเวลาเมื่อไหร่ ก็โทรหาฉันได้ตลอดนะ ”
เธอมองดูนาฬิกาข้อมือพลางพูด
ปาจรีย์พยักหน้า “โอเค งั้นแกไปยุ่งเถอะ ฉันไม่รบกวนแกแล้ว บาย”
วารุณีตอบกลับ“บาย”