พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 848 คิดถึงคุณมากเหลือเกิ
“อะไรนะ สามีแกกำลังดูแกอยู่” ลีน่าเบิกตากว้างอย่างตะลึง
วารุณีอือตอบสั้นๆ “น่าจะใช่”
“แกรู้ได้ยังไง” ลีน่าเอียงศีรษะ ด้วยความไม่เข้าใจเลยสักนิด
เมื่อกี้ตอนที่เธอเห็นเพื่อนรักกำลังจ้องมองกล้องวงจรปิด แล้วเพื่อนรักบอกว่ารู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองดูตัวเองจากกล้องวงจรปิด ก็รู้สึกตะลึงเป็นอย่างมากแล้ว
รู้สึกว่าแบบนี้ยังสามารถรู้สึกได้ด้วยเหรอ
ตอนนี้มาได้ยินเพื่อนรักบอกว่า คนที่ดูตัวเองจากกล้องวงจรปิดนั้น คือสามีของตัวเอง ก็ยิ่งตะลึงไปอีก
รู้สึกว่าเพื่อนรักนั้นมีสัมผัสพิเศษ
“ฉันเดา” วารุณีวัดสัดส่วนนางแบบต่อ ขณะที่วัด ก็ตอบไปด้วย
ลีน่ายิ้มแห้ง“เดาเหรอ”
เธอเกือบล้มลงไป
แบบนี้ก็ได้เหรอ
เธอคิดว่าเป็นพวกสามารถสื่อสารกันด้วยจิตใจ มีสัมผัสพิเศษซะอีก แต่ปรากฏว่าเพื่อนรักกลับมาบอกว่าเป็นการเดาของตัวเองเท่านั้น
นี่ๆๆ
ลีน่ากุมหน้าผากตัวเอง อย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
วารุณีพยักหน้า “ใช่แล้ว เมื่อก่อนตอนที่ฉันแข่งขัน นัทธีจะมาดูฉันที่ตรงนี้ หากฉันกำลังแข่งขันอยู่ เขาก็จะไปรอฉันอยู่ที่ห้องพัก ระหว่างที่รอ ก็จะเฝ้ามองฉันจากกล้องวงจรปิดด้วย ดังนั้นนานๆไป ฉันก็จะรับรู้ได้บ้าง รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังดูตัวเองอยู่ เพียงแค่มีความรู้สึกนี้ หากไม่ได้รับรู้ว่าเป็นเรื่องร้ายๆ ก็ต้องเป็นนัทธีอย่างแน่นอน”
“ว้าวๆๆ” ลีน่าชื่นชม “ถ้าเป็นเช่นนี้ งั้นแกกับประธานนัทธีก็คงเป็นคู่สามีภรรยาที่สวรรค์กำหนดไว้แล้ว ถึงได้สัมผัสถึงกันและกันโดยไม่ต้องบอกแบบนี้ได้”
วารุณียิ้มเบาๆ “ขอบใจสำหรับคำชม”
“พอๆไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว รับวัดกันเถอะ หลังจากวัดเสร็จ ก็จะมีเวลาพักผ่อนครึ่งชั่วโมง ถึงตอนนั้นแกก็สามารถเจอคุณสามีและลูกๆสุดที่รักของแกแล้ว” ลีน่าโบกมือพูด
วารุณีอือตอบ “แกพูดถูก”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็เร่งการวัดให้รวดเร็วขึ้น
ลีน่าเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็เริ่มจริงจังขึ้นมา
ข้างๆนั้น คายาโกะ ยามาโมโตะ子ได้เห็นเธอจริงจังแบบนี้ ก็เลิกคิ้วอย่างห้ามไม่ได้
เป็นแค่การวัดสัดส่วนร่างกายของนางแบบเพื่อเก็บข้อมูลเท่านั้นไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเคร่งเครียดจริงจังขนาดนี้ด้วย
ดูเหมือนลีน่าคงอยากจะชนะเธอให้ได้จริงๆ
ถ้าเป็นเช่นนี้ งั้นเธอก็แพ้ให้ลีน่าไม่ได้เช่นกัน
เมื่อคิดได้ คายาโกะ ยามาโมโตะ子ก็จริงจังขึ้นมาด้วย
นักออกแบบคนอื่นๆเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ต่างได้อิทธิพลไปด้วย จากนั้นแต่ละคนก็ใช้ช่วงวัดสัดส่วนนี้ ให้สำคัญมากกว่าช่วงแข่งขันออกแบบซะอีก คณะกรรมการที่มองจากด้านบนถึงกับอึ้งไปเลย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อกี้เหล่านักออกแบบนี้ ยังดูรักใคร่ปรองดองกันอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับตั้งแง่เป็นศัตรูกันแบบนี้แล้วล่ะ
เหล่าคณะกรรมการต่างมองหน้า พบว่าทุกวันก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน ดังนี้จึงเลิกมองกัน เพราะขี้เกียจไปคิดแล้ว
บรรยากาศหนักอึ้งก็หนักอึ้งสิ นี่ก็หมายความว่าทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการแข่งขันไม่ใช่เหรอ
ขณะนี้ ภายในห้องพัก
อารัณกะพริบตา มองดูผู้ชายข้างกาย “คุณพ่อครับ เมื่อกี้หม่ามี๊รู้ว่าพวกเรามาแล้วมาแล้วใช่ไหมครับ”
นัทธียกยิ้มมุมปากเบาๆ “ใช่แล้ว หม่ามี๊รู้ว่าพวกเรากำลังเฝ้ามองเธออยู่”
ตอนเห็นวารุณีเงยหน้ามองกล้องวงจรปิด แล้วเผยยิ้มออกมา เขาก็รู้ได้ทันที ว่าเธอเดาได้แล้ว
อารัณอ้าปากเล็กๆค้างด้วยความตะลึง “หม่ามี๊เก่งเลยครับ นี่ยังสามารถเดาได้อีก”
“ไม่เก่ง แล้วให้กำเนิดลูกออกมาได้ยังไง” นัทธีวางมือไว้บนศีรษะของอารัณ แล้วลูบเบาๆ
อารัณยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “คุณพ่อพูดถูกครับ ไม่มีคุณพ่อหม่ามี๊ ผมจะฉลาดแบบนี้ได้ยังไง”
นัทธีหัวเราะออกมา “โอเค หิวหรือยัง”
เขาถาม
เมื่อกี้ตอนอยู่บนเครื่องบิน ลูกทั้งสองคนไม่ค่อยได้ทานอะไรมากนัก ดังนั้นตอนนี้ก็คงน่าจะหิวกันแล้ว
อารัณเมื่อได้ยินคำถามนี้ของนัทธี ก็ก้มหน้าลูบหน้าท้องเล็กเบาๆ “นิดหน่อยครับ”
“งั้นไปเรียกน้องออกมา ไปทานข้าวด้วยกัน ” นัทธีเอามือออกจากศีรษะของลูกชาย
อารัณกระโดดลงจากโซฟา “ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ขาสั้นทั้งสองข้างของเขารีบวิ่งไปทางห้องนอน
นัทธีหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหามารุต ให้มารุตไปซื้อให้อาหารมาให้เด็กๆทาน
ขณะนี้มารุตกำลังจัดที่พักให้พวกบอดี้การ์ดอยู่ข้างนอก ตอนที่รับโทรศัพท์ ก็จัดการเสร็จพอดี
ดังนั้นจึงมีเวลาไปซื้อพอดี
หลังจากซื้อมาแล้ว เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณครึ่งชั่วโมง
เด็กทั้งสอง ทานไปด้วย ก็จ้องมองทีวีจอใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าไปด้วย
เมื่อเห็นว่าวารุณีกำลังอุปกรณ์ของตัวเอง อารัณก็รีบลุกขึ้น “คุณพ่อครับ พวกหม่ามี๊เขาจะพักเบรกกันแล้วครับ”
นัทธีที่กำลังแกะกุ้งให้ลูกสาวอยู่ เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที เห็นว่าเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ จึงมองไปให้มารุตแวบหนึ่ง
มารุตรีบยืนตรงตอบกลับ“รับทราบครับท่านประธาน ผมจะไปรับคุณหญิงมาเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“ไปเถอะ” นัทธีอือแล้วตอบ
มารุตเดินไปทางประตู
พอเดินไปได้สองก้าว ก็ถูกนัทธีเรียกหยุดเอาไว้
มารุตหันกลับไป แล้วถาม “ท่านประธานครับ มีอะไรจะมอบหมายอีกไหมครับ”
นัทธีวางกุ้งที่ปอกเปลือกแล้วลงบนจานของลูกสาว แล้วพูดว่า “ตอนที่ไป ห้ามบอกเธอว่าสุขใจอยู่ตรงนี้”
มารุตขยับแว่นเล็กน้อย แล้วยิ้มพูด “วางใจได้เลยครับท่านประธาน ผมทราบแล้วครับ ไม่บอกคุณหญิงแน่นอนครับ”
“อือ” นัทธีพยักหน้าอย่างพอใจ “ไปเถอะ”
ครั้งนี้มารุตเดินออกมาจากห้องพักอย่างราบรื่น
ไม่นาน เขาก็มาถึงด้านนอกห้องแข่งขัน ก็เห็นวารุณีและลีน่ายืนอยู่หน้าประตู
วารุณีตั้งใจรออยู่ที่นี่ เธอรู้ว่าหากตอนนั้นคนที่เฝ้าดูที่ตัวเองจากกล้องวงจรปิดคือนัทธีจริงๆ งั้นนัทธีต้องส่งคนมารับตัวเองแน่นอน
เพราะตัวเองไม่รู้ว่าพวกเขาพักอยู่ที่ห้องพักไหนกันแน่
เป็นไปอย่างที่คาดไว้ รอไปไม่กี่นาที มารุตก็ปรากฏขึ้นมา
ลีน่าดึงแขนวารุณีไว้ แล้วยกนิ้วโป้งให้วารุณี “วารุณี แกนี่เก่งจริงๆ มันเป็นไปตามที่แกพูดไว้ในตอนนี้จริงๆด้วย คนที่ดูแกจากกล้องวงจรปิด คือประธานนัทธี”
วารุณียิ้ม “พอแล้ว ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินไปทางมารุต
มารุตทักทายทั้งสองคน “คุณหญิง คุณลีน่า ท่านประธานให้ผมมารับพวกคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ” วารุณียิ้มให้
มารุตทำท่าเชิญ จากนั้นก็พาทั้งสองคนมุ่งไปสถานที่ที่ตัวเองเพิ่งออกมา
เดินไปสักพัก ทั้งสามก็ถึงหน้าประตูห้องหนึ่ง
มารุตชี้ไปที่ประตูพลางพูด “คุณหญิงครับ ท่านประธานกับเด็กๆอยู่ด้านในครับ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ” วารุณีพยักหน้า ยกมือขึ้นมาเคาะประตู
แต่เธออย่างไม่ได้เคาะลงไป ประตูก็ถูกคนเปิดออกมาจากด้านใน
นัทธีจูงมือเด็กสองคนยืนอยู่หน้าประตู สามพ่อลูกยิ้มให้เธอ
เมื่อวารุณีเห็นสามพ่อลูก ในใจก็เกิดความชื่นฉ่ำขึ้นมา จากนั้นก็เดินมุ่งไปข้างหน้า แล้วเข้าไปในอ้อมกอดชายหนุ่มทันที
ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าวารุณีจะกล้าแสดงความรู้สึกแบบนี้ จึงรีบปล่อยมือเด็กทั้งสอง เพื่อกอดวารุณีกลับ แล้วตบหลังเธอเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับมีน้ำไหลออกมา “ทำไม คิดถึงผมมากขนาดนั้นเลย ใช่ไหม”
วารุณีวางศีรษะบนไหล่ของชายหนุ่ม แล้วตอบด้วยเสียงสะอื้น “อือ คิดถึงคุณ คิดถึงมากด้วย”
ถึงแม้จะโทรหาหรือวีดีโอคอลกันทุกวัน
แต่เมื่อพบชายหนุ่ม ใจเธอก็ยากที่จะเก็บดีใจไว้ได้ จึงเข้าไปกอดเขาทันที เช่นนี้
นัทธีเมื่อได้ยินหญิงสาวบอกความคิดถึงออกมาตรงๆ แววตาก็อ่อนโยนราวกับมีน้ำไหลออกมา “ผมก็เหมือนกัน ผมคิดถึงมากด้วย ไม่มีเวลาไหน ไม่คิดถึงคุณเลยนะ”
วารุณีเงยหน้ามองเขา แล้วยิ้มให้
นัทธีก้มหน้า ใช้หน้าผากแนบกับหน้าผากเธอ ทั้งสองจ้องตากัน
ด้านข้างนั้น มีเด็กสองคนกับลีน่าและมารุตด้วย แถมยังมีพวกบอดี้การ์ดก็ได้ฉากนี้ ต่างก็หลบหน้าไปทางอื่น
ไม่กล้ามอง ไม่กล้ามองจริงๆ
ทุกครั้งที่เห็นเจ้านายและภรรยาเจ้านายโชว์ความหวาน ในใจพวกเขาก็อิจฉาเป็นบ้า
ยังไม่พูดถึงพวกคนโสดอย่างพวกเขาก่อน แม้บางคนในนี้จะมีแฟนแล้ว หรือเคยแต่งงานมาก่อน แต่เมื่อเห็นเจ้านายและภรรยาเจ้านายรักกันขนาดนี้ พวกเราก็อิจฉาสุดๆ