พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 852 ลีน่าผู้บ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม สุขใจไม่ได้มีกำหนดการจะออกโรงพยาบาลของในตอนนี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมเกือบหนึ่งเดือน
ดังนั้นเธอจึงกังวลมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสุขใจในภายหลัง
นัทธีรู้ว่าวารุณีกังวล เขากอดเธอพลางตอบอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรหรอก ตอนแรกที่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าสุขใจออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมก็กังวลเหมือนกัน เลยถามให้ชัดเจนแล้ว สุขใจจะไม่เป็นอะไร การออกโรงพยาบาลของเขาได้รับการยินยอมจากแพทย์หลายท่านแล้ว”
ขณะที่ฟังสามีพูด วารุณีพยักหน้า “ดีแล้วละค่ะ ดีแล้ว”
พวกแพทย์เองก็คงไม่กล้าจัดการสุ่มสี่สุ่มห้า มิฉะนั้น นัทธีไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่
สรุปได้ว่า ตราบใดที่สุขใจสบายดีก็ดีแล้ว
ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ วารุณีก็ผละจากอ้อมแขนของนัทธี ก้าวไปข้างหน้าแล้วนั่งยองๆ ข้างเปล และจับมือน้อยๆ ของสุขใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรักอันอ่อนโยนของคนเป็นแม่
ราวกับว่าสุขใจก็รู้สึกเช่นกัน จึงจับนิ้วของวารุณีไว้
นิ้วของวารุณีนั้นไม่หนาทว่าค่อนข้างเรียว
แต่ถึงอย่างนั้น สุขใจก็ยังจับไม่ได้ จับได้เพียงครึ่งนิ้วเท่านั้น
แต่ครึ่งนิ้วนี้ ก็ทำให้วารุณีน้ำตาแทบร่วง
“สุขใจ…” วารุณีส่งเสียงเรียกสุขใจ แล้วรีบหันไปมองสามีที่อยู่ข้างๆ เธอ “ที่รัก ดูสิ สุขใจกุมนิ้วฉันด้วยละ เขาจับสิ่งของได้แล้ว”
จับสิ่งของได้ แสดงว่าสุขใจรู้วิธีควบคุมร่างกายตนเอง
แล้วเธอจะไม่ดีใจได้อย่างไร
นัทธีลงมานั่งยองๆ ด้วย และลูบใบหน้าน้อยๆ ที่นุ่มนิ่มของลูกชาย พลางตอบเบาๆ “สุขใจเป็นอัจฉริยะน้อยเหมือนอารัณเลย”
“น้องชายของผมต้องเป็นอัจฉริยะน้อยแน่ๆ” อารัณได้ยินพ่อพูดแบบนี้ จึงเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
ไอริณพยักหน้า “น้องชายสุดยอด!”
สองสามีภรรยาได้ยินเด็กทั้งสองชมสุขใจ จึงมองหน้ากันแล้วยิ้ม
การที่สุขใจมาที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่วารุณีได้พบในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ดังนั้น เมื่อเธอออกจากห้องรับรองกลับมาที่สถานที่แข่งขัน บนใบหน้าเธอก็ยังคงมีรอยยิ้มและหยุดยิ้มไม่ได้
ลีน่ารู้สึกได้ว่าเธออารมณ์ดี จึงอดไม่ได้ที่จะมองค้อนใส่เธอ “ฉันว่านะวารุณี มันจำเป็นไหมเนี่ย? ฉันรู้ว่าสามีและลูกๆ มาหาเธอที่นี่เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ แต่เธอถึงกับต้องยิ้มไม่หยุดจนถึงตอนนี้ขนาดนั้นเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยืนแบกหน้าอยู่ตรงนั้น คงดูโง่มากเลยนะเนี่ย”
วารุณีเอามือลูบหน้า “ฉันยิ้มแล้วดูโง่จริงหรือ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ลีน่าสั่นศีรษะ “ฉันเพิ่งพูดไป ว่าเธอยืนแบกหน้าอยู่ตรงนี้ ใบหน้าที่สวยพริ้งขนาดนี้ ต่อให้เธอยิ้มแล้วดูโง่ก็ดูไม่ออกหรอก ฉันเป็นแค่อุปมาอุปไมยน่ะ จะว่าไป เธอยิ้มไม่เกรงใจกันเลยนะ ยิ้มปากไม่หุบเลยเนี่ย ก่อนหน้านี้ประธานนัทธีและเด็กทั้งสองมาหาเธอ แม้ว่าเธอจะดีใจ แต่ไม่ได้ยิ้มถึงขนาดนี้ ทำไมกัน? ประธานนัทธีเซอร์ไพรส์เธอใหญ่เลยละสิ ถึงออกจากห้องรับรองมาแล้ว เธอก็ยังหยุดดีใจไม่ได้สักทีเนี่ย?”
เธอมองวารุณีพลางคาดเดา
เธอไม่ได้เข้าไปในห้องรับรอง ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวารุณีในห้องรับรองนั่น
เนื่องจากเธอไม่อยากรบกวนการรวมตัวกันของครอบครัวพวกเขา เธอจึงไปทานอาหารที่โรงอาหารคนเดียว จากนั้นก็พักผ่อนในเลานจ์ และไม่ได้กลับไปสถานที่แข่งขันจนกว่าจะถึงเวลาแข่งในช่วงบ่าย
พอกลับมาก็เห็นเพื่อนรักยิ้มตลอดเวลา จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
วารุณีได้ยินลีน่ากล่าว จึงเสยผมพลางตอบกลับ “ใช่จ้ะ นัทธีเซอร์ไพรส์ฉันใหญ่เลย เป็นเซอร์ไพรส์ที่ยิ่งใหญ่มาก ชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันลืมมันเลย”
“เอ๋?” ลีน่าสนใจขึ้นมา พลางเอนตัวเข้าไปถามอย่างรวดเร็ว “อะไรน่ะ อะไร บอกฉันเร็วเข้า ประธานนัทธีให้ของมีค่าใช่หรือเปล่า?”
วารุณีสั่นศีรษะ “ไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่เป็นสิ่งที่ต่อชีวิตฉันละ ไม่ได้เรียกว่ามีค่า เพราะในใจฉัน เขาเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุด”
“อะไรน่ะ?” ลีน่าเอียงศีรษะของเธอ “ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจเลยล่ะเนี่ย?”
อะไรเป็นสิ่งที่ต่อชีวิต อะไรคือสมบัติล้ำค่ากัน สำหรับเธอที่นอกจากชอบใช้สมองทางด้านการออกแบบก็ไม่ชอบใช้สมองกับเรื่องอื่นแล้ว นี่มันคือการทรมานชัดๆ
วารุณียิ้ม และไม่ได้ปิดบังเธอ จึงตอบออกไปตรงๆ “สุขใจน่ะ”
“สุขใจ?” ลีน่าตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แถมไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ว่าสุขใจคืออะไร
แต่ไม่นานสติของเธอก็คืนกลับมา
สุขใจเป็นลูกคนที่สามของวารุณีกับประธานนัทธีไม่ใช่หรือ?
นั่นเพราะประธานนัทธีหายไป วารุณีได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก เด็กที่เพียงหกเดือนก็คลอดออกมาก่อนกำหนด และอยู่ในตู้อบตลอดเวลา
เธอยังได้ออกแบบหยกเจ้าแม่กวนอิมเพื่อให้เป็นของขวัญแก่เด็กคนนั้นอีกด้วย
“สุขใจ?” หลังจากที่ลีน่ามีปฏิกิริยาตอบกลับ เสียงของเธอก็ดังขึ้นทันที
การแข่งขันยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ดังนั้นดีไซเนอร์ทั้งหมดจึงรวมตัวกันกระจายเป็นกระจุกแล้วพูดอะไรบางอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของลีน่า ดีไซเนอร์เหล่านั้นจึงค่อยๆ มองมา
วารุณีเห็นว่าลีน่าทำตัวดึงดูดความสนใจมากเกินไป จึงรีบดึงลีน่าออกไปอีกทาง “ใจเย็นสิ ลีน่า ใจเย็น”
ลีน่าพยักหน้าซ้ำๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเข้าใจ จึงหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์และจับมือเธอ จากนั้นรีบถามเพื่อยืนยัน “วารุณี เธอหมายความว่า สุขใจออกจากโรงพยาบาลแล้ว และประธานนัทธีก็พาสุขใจมาด้วยงั้นหรือ?”
วารุณีตอบรับพลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่จ้ะ สุขใจออกจากโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันก่อน นัทธีไม่เคยบอกฉันเลย เขาและเด็กๆ ปิดบังฉัน เพื่อที่จะพาสุขใจมาเซอร์ไพรส์ฉันในวันนี้”
“นี่มันเซอร์ไพรส์จริงๆ นะ เซอร์ไพรส์ใหญ่เลยไม่ใช่หรือไงเนี่ย” ลีน่าจับมือเธอ “วารุณี ยินดีด้วยนะ ในที่สุดสุขใจก็สามารถกลับมาหาเธอได้แล้ว”
วารุณีพยักหน้าด้วยความตื้นตันใจจนน้ำตาจะร่วง “ขอบคุณนะลีน่า ใช่จ้ะ หลายเดือนแล้วที่ฉันนับวันตลอดเวลา นับวันที่สุขใจจะออกจากโรงพยาบาลและกลับมาหาฉัน ตอนนี้ วันนี้ที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว”
“แหงละสิ” ลีน่ากล่าวอย่างเห็นด้วย
เธอรู้มาตลอดว่าเธอรู้สึกผิดต่อสุขใจมากแค่ไหน
ตอนนี้สุขใจออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพื่อนรักก็นับว่าสามารถวางใจขึ้นมาหน่อยแล้ว
“จริงสิวารุณี ตอนนี้สุขใจเป็นอย่างไรบ้าง?” ลีน่ามองไปยังวารุณีพลางถามด้วยความเป็นห่วง
อย่างไรก็ตาม เธอเป็นแม่บุญธรรมของสุขใจ ดังนั้นเธอจึงต้องรู้เรื่องราวปัจจุบันของสุขใจให้แน่ชัด
เธอเป็นห่วงสุขใจมาก
เมื่อเห็นความกังวลในแววตาของลีน่า วารุณียิ้มอย่างรู้ใจ “สุขใจสบายดีจ้ะ มีเธอที่เป็นแม่บุญธรรมใส่ใจเขาแบบนี้ เขารู้ว่าเขาจะทรยศต่อความห่วงใยของแม่บุญธรรมไม่ได้หรอก เพราะงั้นเขาจึงฟื้นตัวได้ดีมากเลย”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว” ลีน่าตบอกและยิ้ม “ฉันไม่ได้เห็นสุขใจนานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เห็นคือตอนที่เธอมาแข่งที่นี่และถ่ายรูปให้ฉันแหนะ ปกติแล้วเธอกับประธานนัทธีมักจะวิดีโอคอลกันตอนกลางคืน และประธานนัทธีจะไปโรงพยาบาลเพื่อถ่ายรูปสุขใจโดยเฉพาะก็ไม่ได้ ฉันคิดถึงสุขใจมากจริงๆ นะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” วารุณีตบบ่าเธอ “ตอนนี้สุขใจมาที่นี่แล้ว และจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก เพราะงั้นเธอจะได้เห็นสุขใจทุกวันเลย สุขใจยังไม่เคยเจอหน้าเธอนี่ เธอก็ได้จังหวะพัฒนาความสัมพันธ์กับสุขใจพอดีเลย ต่อไปเขาจะได้จำเธอได้”
“เป็นความคิดที่ดี” ลีน่าดวงตาเป็นประกายและเธอก็เห็นด้วยอย่างยินดีปรีดา “วารุณี พอดีว่าของขวัญที่ฉันจะให้เด็กๆ อยู่ที่บ้านพัก พอกลับไปเอาแล้ว ขอฉันใส่หยกเจ้าแม่กวนอิมให้สุขใจด้วยตัวเองได้ไหม?”
“ได้แน่นอนจ้ะ” วารุณีพยักหน้า “นี่เป็นคำอวยพรที่แม่บุญธรรมอย่างเธอให้ลูก ฉันต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว เธอกอดสุขใจได้ด้วยนะ เธอรู้ไหม สุขใจอุ้มไปไหนมาไหนง่ายมากเลย”