พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 859 ขายหน้าชะมัดยาด
“เอ๋?” นัทธีเริ่มสนใจ “เรื่องอะไรล่ะ?”
“เยอะแยะไป” ซวารุณีกล่าวยิ้มๆ “ดูสิ เรื่องการเงินฉันสู้คุณไม่ได้ จึงไม่สามารถให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาได้ แต่หลังจากที่คุณรู้จักพวกเขาแล้ว คุณก็ให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาในทันที สภาพความเป็นอยู่ก็เหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดคือ การปรากฏตัวของคุณ ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าพวกเขามีพ่อ และมีพ่อที่รักเขา พ่อเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในชีวิตลูก และการปรากฏตัวของคุณ ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย เพราะงั้นคุณยังบอกว่าคุณไม่มีความดีความชอบอีกหรือ?”
นัทธีหัวเราะเบาๆ “คุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าผมยังปฏิเสธอยู่ มันจะไม่เสียหน้าหรือ?”
วารุณีทุบหน้าอกอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ต้องพูดมากเลย”
นัทธีคว้ามือของเธอที่พัลวันมาทาบริมฝีปากของเขาแล้วประทับจูบลงไป
เด็กสองคนที่อยู่ข้างๆ เห็นฉากท่าทางสนิทสนมของพ่อแม่ตัวเองที่แสดงให้เห็น
อารัณจึงจูงมือไอริณ “ไปกันไอริณ เรากลับขึ้นไปหาน้องกันเถอะ อย่ารบกวนปะป๊าหม่ามี๊เลย”
ไอริณพยักหน้ารัวๆ “จริงด้วยพี่ เราไปกันเถอะ”
เด็กสองคนจูงมือกันออกไป
วารุณีมองแผ่นหลังของเด็กทั้งสองและส่ายหัวอย่างน่าขัน
“ใกล้จะอาหารเย็นแล้ว อย่าอยู่ข้างบนนานนะ” เธอตะโกนตามหลังเด็กสองคน
“รับทราบ” ทั้งสองพยักหน้า และในไม่ช้าเงาทั้งสองก็หายไปตรงทางขึ้นบันได
นัทธีเห็นว่าเด็กสองคนไปแล้ว จึงเกี่ยวคางวารุณีขึ้นอีกครั้ง “ต่อไหม”
วารุณีเบิกตากว้าง “ต่อหรือ?”
“เด็กๆ ให้พื้นที่เราแล้ว คุณอยากให้ความตั้งใจของพวกเขาสูญเปล่าหรือ?” นัทธีมองเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำ
วารุณีกลอกตา “น้อยๆ หน่อยคุณ เดิมทีมันไม่ใช่แบบนี้นี่ เด็กๆ ทนไม่ไหวที่พวกเราติดกันเป็นตังเมถึงได้ออกไปต่างหาก ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณบอกเสียหน่อย”
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ถือเสียว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้นี่” นัทธีหัวเราะเบา ๆ
วารุณีทั้งโมโหทั้งตลก “แบบนั้นก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ รอกลับห้องตอนกลางคืนค่อยว่ากัน”
ดวงตาของนัทธีเป็นประกาย
วารุณียิ้มพลางเขย่งปลายเท้า แล้วกล่าวอะไรบางอย่างข้างหูของเขา “ฉันบอกตอนเที่ยงแล้วไม่ใช่หรือ ว่าคืนนี้คุณอยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้นน่ะ”
กล่าวจบเธอก็ยิ้ม แล้วหันหลังเดินออกจากระเบียง
นัทธียื่นมือออกมาเพราะต้องการที่จะคว้าเธอไว้ แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้
เพราะแค่คำพูดนั้นของเธอก็เพียงพอแล้ว
คืนนี้อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น เช่นนั้นเขาให้เธอสวมชุดที่เขาอยากเห็นได้ไหม?
แววตาของเขาเป็นประกายวาววับ ริมฝีปากยกขึ้น และเขาเองก็เดินออกจากระเบียง
หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว นัทธีก็มอบสุขใจให้กับพี่นันทา
อารัณกับไอริณมีคนรับใช้คอยดูแล ดังนั้นพวกเขาในฐานะพ่อแม่จึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป
หลังจากไม่มีอะไรแล้ว นัทธีก็พาวารุณีกลับไปที่ห้อง
เมื่อเห็นท่าทางที่ใจร้อนของเขา วารุณีจึงรู้สึกน่าขันและประหม่าเล็กน้อย
เพราะเธอรู้ว่าท่าทางที่ตื่นเต้นตอนนี้ของเขา คืนนี้เธออาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ต้องเขาถูกทำกระทำครั้งแล้วครั้งเล่าจนทนไม่ไหว
แม้จะคิดแบบนั้น แต่วารุณีก็ไม่คิดจะหันหลังกลับ เธอสัญญากับเขาไว้แล้วว่าคืนนี้จะอยู่กับเขา
ดังนั้นต่อให้วันรุ่งขึ้นเธอจะเหนื่อยจนลุกไม่ไหว แต่เธอก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเขา
อย่างที่คาดไว้ ในคืนนั้น นัทธีทำกระทำวารุณีครั้งแล้วครั้งเล่าจนทนไม่ไหว
อาจเป็นเพราะรู้ว่าอีกสามวันข้างหน้าวารุณีไม่ต้องไปที่ห้องแข่งขัน ดังนั้นเขาจึงไม่ออมมือแต่อย่างใด
เช้าวันรุ่งขึ้น วารุณีลุกไม่ไหวจริงๆ
เธอไม่ต้องคิดก็รู้ว่าลีน่าจะต้องล้อเธอแน่นอน
แต่โชคดีที่มีสุขใจ ตราบใดที่มีสุขใจ ความสนใจของลีน่าก็จะถูกเบี่ยงเบน และเธอก็จะไม่ถูกหัวเราะเยาะเป็นเวลานานเหมือนเมื่อก่อน
“ตื่นแล้วหรือ?” ขณะที่วารุณีกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ประตูก็เปิดออกทันที นัทธีก็เข้ามาพร้อมถาด
กลิ่นหอมตลบอบอวลลอยออกมาจากถาด ทำให้ท้องของวารุณีส่งเสียงร้องอย่างทนไม่ได้
เธอหน้าแดงพลางลูบท้องของเธอ จากนั้นมองไปยังถาดในมือของนัทธี
นัทธีเดินไปที่ข้างเตียง “หิวล่ะสิ?”
วารุณีตอบรับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “นิดหน่อย”
ขอไม่เสียงแหบ ขอไม่หิวได้ไหมเนี่ย?
เมื่อคืนนี้เธอถูกกระทำจนมีสภาพแบบนี้
ดีที่หลังจากเสร็จแล้ว เขาพาเธอไปทำความสะอาด ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะเหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัวแล้ว
“ผมรู้ว่าเดี๋ยวคุณก็คงจะตื่นแล้ว และคงจะหิว ผมก็เลยทำโจ๊กหมูไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลย” นัทธีกล่าวพร้อมกับวางถาดลง
วารุณีตาเป็นประกาย “โจ๊กหมู”
“ผมช่วยพยุง” เมื่อเห็นภรรยาท่าทางมีความสุข นัทธีก็หัวเราะเบา ๆ แล้วก้มตัวลงพยุงภรรยาให้ลุกขึ้นจากเตียง
วารุณีเอนกายพิงหัวเตียง เอื้อมมือหยิบชามที่สามีมอบให้ ขณะที่ทานก็ถามขึ้นมา “จริงสิ แล้วเด็กๆ ล่ะ?”
นัทธีกำลังรินน้ำให้เธอ พอได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตอบกลับเบาๆ “อารัณกับไอริณออกไปเล่น มีมารุตกับบอดี้การ์ดสองสามคนอยู่กับพวกเขา ส่วนสุขใจกำลังอาบแดดที่สนามหญ้าด้านนอก โดยมีลีน่ากับคนรับใช้ดูแลอยู่ ”
พอได้ยินดังนั้น วารุณีก็วางใจขึ้นมา “งั้นก็ดีแล้วค่ะ”
“ส่วนคุณ ผมดูแลเอง ” นัทธีกล่าวหลังจากรินน้ำเสร็จ
วารุณีกลอกตาใส่เขา “ยังต้องพูดอีกหรือ คุณนั่นแหละที่ทำฉันมีสภาพแบบนี้ เพราะงั้นคุณต้องรับผิดชอบฉันยังไงละ”
“ครับผม” นัทธีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นยื่นแก้วน้ำในมือให้ “ดื่มน้ำสักหน่อย”
วารุณีตอบรับ วางชามในมือลงแล้วเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำมาดื่ม
น้ำมีรสหวาน แต่ไม่หวานจนเกินไป พอดื่มเข้าไปแล้วรสชาติก็ไม่เลว
หลังจากที่วารุณีดื่มน้ำไปสองสามอึก ก็ยื่นแก้วน้ำคืนให้เขา “คุณใส่น้ำผึ้งหรือ?”
“ใช่” นัทธีพยักหน้า “มันดีต่อคอ และช่วยให้คอหายดีด้วย”
วารุณีหน้าแดง “เอาละ ไม่ต้องพูดถึงแล้ว อึดอัดแปลกๆ”
อึดอัดไม่ได้หรือไง พออ้าปากก็มีแต่คำพูดบ้าๆ บอๆ
นัทธีเข้าใจความหมายของวารุณี จึงหัวเราะและไม่พูดถึงแล้ว
วารุณีทานข้าวเงียบๆ
จากนั้น นัทธีก็คิดอะไรบางอย่างออก จึงกล่าวว่า “จริงสิ คุณอยากดูสุขใจหน่อยไหม?”
“ไปสนามหญ้าตอนนี้หรือ?” วารุณีถามพลางยกช้อน
นัทธีส่ายหัว “เปล่าหรอก ไม่ต้องไปที่สนามหญ้าก็มองเห็นสุขใจได้ จากระเบียงห้องของเราสามารถมองเห็นสนามหญ้าทางนั้นได้ เพราะงั้นไปที่ระเบียงก็พอแล้ว”
วารุณีได้ยินเขากล่าวแบบนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบตกลง จึงรีบโพล่งออกไป “ไปแน่นอน ฉันอยากเห็น”
ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ร่างกายเธอไม่สบาย เธอคงจะลงไปหาสุขใจข้างล่างนานแล้ว คงจะไม่อยู่ในห้องตลอดเวลา
นัทธีลุกขึ้นยืน “ผมจะอุ้มคุณไป”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเอง” วารุณีโบกมือเพราะไม่อยากให้เขาอุ้ม
อย่างไรก็ตาม นัทธีมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เอ๋? ไปเอง? คุณแน่ใจหรือว่าจะไปได้?”
“แน่นอน ฉันไปได้” วารุณียืดตัวกลับและตอบอย่างไม่ลังเล
นัทธีเลิกคิ้ว “งั้นเธอลองขยับดูสิ”
“ลองก็ลองสิ” วารุณกล่าว เธอวางชามในมือลงแล้วเลิกผ้าห่มออกก่อนที่จะลุกจากเตียง
ผลกลายเป็นว่าการเคลื่อนไหวนี้กลับฉุดเธอไปไหนก็ไม่รู้ ไม่สบายตัวสุดๆ
นัทธีเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกลำบากใจ “เอาละ ไม่ต้องขยับแล้ว ผมผิดเอง ผมไม่น่าท้าคุณเลย”
เมื่อคืนนี้เขารู้ดีว่าลงแรงไปขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงรู้เป็นธรรมดาว่าวันนี้เธอจะขยับไหวหรือไม่ไหว
และเมื่อครู่เห็นเธอไม่ยอมขนาดนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะท้าทายเธอ
ผลก็คือเห็นว่าเธอไม่ไหว สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทุกข์ใจ
นัทธีนวดขมับ และรู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่ ไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่เจ็บตัว
วารุณีพิงตัวในอ้อมแขนของนัทธี เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “แน่นอนว่าเป็นความผิดของคุณ ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่เพราะคุณ…ฉันจะกลายเป็นแบบนี้หรือ?”
ลุกจากเตียงยังลุกไม่ได้ด้วยซ้ำ ขายหน้าชะมัดยาด