พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 862 ปาจรีย์ที่ขี้ขลาด
วารุณีจึงจะยิ้มอย่างรู้ใจ ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากนั้น นัทธีและวารุณีนั่งเบียดอยู่บนเก้าอี้แขวน โอบกอดอยู่ด้วยกัน มองดูลูกชายที่อยู่ตรงสนามหญ้าเรียบ บรรยากาศอบอุ่นเป็นพิเศษ
อีกทางหนึ่ง ปาจรีย์ที่ถูกวารุณีนึกถึงอยู่ ขณะนี้กำลังถือถังเก็บอุณหภูมิอยู่ เคาะประตูดังไปยังห้องผู้ป่วยห้องหนึ่ง
ยืนอยู่นอกประตู เธอหายใจอย่างระมัดระวัง ทั้งคนของเธอตึงแน่นรู้สึกไม่สบายใจมาก
ถึงแม้ว่าจะดูแลผู้ชายที่อยู่ข้างในมาหลายวันแล้ว ทว่าทุกครั้งที่เธอมา ล้วนตื่นเต้นเสมอ ยังคงรู้สึกกลัวเล็กน้อยกับผู้ชายคนนี้
เพราะเธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเล็งปืนมายังเธอกะทันหันเมื่อใด ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็เป็นศัตรูของเขา
ถึงแม้ว่าสองสามวันนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ไม่ได้มีความหมายที่อยากจะแก้แค้นเธอ และไม่เคยอารมณ์เสียใส่เธอ ถึงขั้นยังเข้ากันได้ดีด้วย
ทว่าในใจของเธอก็ยังคงไม่สามารถเงียบสงบลง ในทางกลับกันกลับยิ่งอกสั่นขวัญแขวน
เพราะจากที่เธอดูแล้ว เขายิ่งไม่ออกอาการ ก็ยิ่งอันตราย
มีคำหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ก่อนที่พายุมรสุมจะมาถึงนั้นย่อมเงียบสงบไม่ใช่เหรอ
ดังนั้นพงศกรจึงจะเป็นเช่นนี้
ตอนนี้พงศกรไม่ได้ทำอะไรกับเธอ ทว่าขอแค่เขาอารมณ์ไม่ดี หรือเธอทำเรื่องอะไรผิดไปเล็กน้อย เขาจะต้องโฟกัสในจุดนี้แน่นอน แล้วทำการแก้แค้นกับเธอ
และในเวลาแบบนั้น ยิ่งไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ในใจก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวน
พอนึกอยู่ ปาจรีย์ก็ยิ้มฝืน จากนั้นก็ได้ยินเสียงของผู้ชายดังผ่านออกมาจากห้องผู้ป่วย “เข้ามา”
ปาจรีย์สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็จับไปที่กลอนประตู ผลักประตูเข้าไป “คุณพงศกร”
พงศกรกำลังอ่านหนังสือนิตยสารด้านการแพทย์ ได้ยินเสียงของเธอแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองไป
เห็นท่าทีที่ระมัดระวังของเธอ และก้มหน้าไม่กล้าสบตามอง ภายในตาก็มีการถอนหายใจที่ผ่านไป “มาแล้วเหรอ?”
“อื้ม” ปาจรีย์ก้มหน้า ตอบกลับด้วยเสียงเบา “มาแล้ว”
พงศกรพับนิตยสารในมือลง นัยน์ตามองไปทางถังเก็บอุณหภูมิในมือของเธอ “ครั้งนี้เอาอะไรมา?”
“ตังกวยตุ๋นซี่โครงหมู” เสียงของปาจรีย์ยังคงเบาเหมือนเดิม “กระดูกซี่โครงของคุณหัก ดื่มซุปซี่โครงหมูจะทำให้หายเร็วขึ้น”
“อ๋อ?” พงศกรเลิกคิ้ว “ใครสอนเธอ? ทำไมฉันไม่รู้ว่าการดื่มซุปซี่โครงหมู จะสามารถทำให้กระดูกซี่โครงฟื้นฟูได้เร็วขึ้น? นี่ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ เลย”
ปาจรีย์วางถังเก็บอุณหภูมิลง “ฉันก็ได้ยินคนอื่นบอกต่อกันมาเหมือนกัน ทุกคนต่างก็บอกแบบนี้ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเป็นแบบนี้ บอกว่ากินอะไรก็บำรุงที่นั่นไง”
“งั้นเหรอ” พงศกรพยักหน้า
ปาจรีย์อื้มตอบกลับ “หากคุณรู้สึกไม่ชอบ ฉัน……”
“ไม่ต้อง ตามนี้ละกัน เทมาหนึ่งถ้วย” พงศกรส่ายหัวแล้วพูด
ปาจรีย์พยักหน้า “โอเค”
พึ่งพูดจบ เธอก็เปิดถังเก็บอุณหภูมิออก
ถังเก็บอุณหภูมิพึ่งเปิดออก ก็มีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายเย้ายวนลอยออกมา
พงศกรค่อยๆ หลับตาลง “กลิ่นอาหารไม่เลวเลย”
ปาจรีย์รู้ว่าเขากำลังชื่นชมซุปของตนเอง มุมปากโค้งลง ราวกับว่าอยากยิ้ม
ทว่าหลังจากนั้นก็นึกถึงความสัมพันธ์ที่พูดยากนี้ ก็ยังทนไว้ แค่พยักหน้าตอบกลับ “ขอบคุณค่ะ นี่ค่ะ”
เธอนำซุปซี่โครงหมูที่เทเรียบร้อยแล้วยื่นไปให้พงศกร
พงศกรยื่นมือรับมา นิ้วมือจึงแตะกับนิ้วมือของปาจรีย์อย่างไม่ตั้งใจ
พงศกรยังไม่ทันอะไร ปาจรีย์ก็เหมือนว่าร้อนโดนมือ รีบเก็บมือถอยกลับไปข้างหลังทันที
พอเป็นเช่นนี้ ซุปซี่โครงหมูในถ้วยก็ถูกเขย่าออกมา เปื้อนเลอะออกมาข้างนอกสองสามหยด และเลอะอยู่บนหลังมือของพงศกรพอดี
ซุปซี่โครงหมูร้อนมาก พึ่งต้มเสร็จก็ใส่เข้ามาในถังเก็บอุณหภูมิเลย
คุณภาพของถังเก็บอุณหภูมิก็ดีมาก ถึงแม้ว่าระหว่างทางที่มาจะเสียเวลาไปชั่วโมงกว่า ทว่าความร้อนของซุปกระดูกก็ยังคงร้อนพอๆ กับตอนที่พึ่งเอาออกมาจากหม้อ
ดังนั้นสองสามหยดที่เลอะออกมานี้ ก็ยังทำให้พงศกรร้อนจนร้องออกเสียง แล้วขมวดคิ้วแน่น
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ปล่อยถ้วยออก ไม่เช่นนั้น ถ้วยคงจะหกลงบนเตียง ซุปที่อยู่ข้างในจะทำให้ที่อื่นๆ บาดเจ็บมากขึ้น
ปาจรีย์ก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะทำให้พงศกรถูกซุปซี่โครงหมูลวก ทันใดนั้นเธอตกใจจนสีหน้าซีดขาวไปหมด ในขณะที่หัวใจของเธอรู้สึกผิดและหวาดกลัว ก็รีบนำถ้วยที่อยู่ในมือของเขาออก ถามขึ้นว่า “คุณพงศกรไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ขอโทษนะขอโทษนะ เป็นความผิดของฉันทั้งนั้นเลย ฉันไม่ควรมือสั่นเลย ขอโทษจริงๆ นะ”
เธอรีบขอโทษด้วยสีหน้าที่เร่งรีบ และพลางจับมือซ้ายมือขวาของพงศกรแล้วพลิกดู อยากดูว่ามีที่อื่นที่ลวกโดนหรือเปล่า
พงศกรไม่ได้พูดอะไร มองเธออยู่อย่างนั้น
มองดูท่าทางที่เธอกังวลเพราะตนเอง มองดูท่าทางที่เธอกระวนกระวาย จู่ๆ นัยน์ตาก็มีรอยยิ้มอ่อนๆ ลอยผ่านไป
ปาจรีย์ไม่ได้สังเกตเห็นนัยน์ตาของพงศกรที่มองเธอ เธอมองดูหลังมือของพงศกรที่ซีดขาวค่อยๆ กลายเป็นแผ่นแดงๆ ทั้งคนของเธอก็ตะลึงงันไปเลย กัดริมฝีปากแน่น ในใจเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
ครั้งนี้จบแล้ว ตัวเองสร้างปัญหาอีกแล้ว
เขามีความแค้นกับตนเองอยู่แล้วในตอนแรก เขาสามารถหาเรื่องตนเองในตลอดเวลาเลย
ถึงแม้ว่าสองสามวันนี้จะไม่ได้มาหาเรื่อง ก็ไม่ได้แสดงว่าจะไม่หาเรื่อง
แต่ตอนนี้ ตนเองดันทำให้เขาถูกลวกจนบาดเจ็บ สามารถเป็นข้ออ้างในการโมโหของเขาได้พอดีเลยไม่ใช่เหรอ?
ครั้งนี้ เขาจะต้องใช้โอกาสนี้ ทำอะไรกับเธอแน่นอนสินะ?
ไม่ใช่ให้เธอทำแท้งลูก ก็คือใช้วิธีอื่นมาทรมานเธอ มาแก้แค้นการที่เธอทำให้เขาถูกลวกสินะ
จริงจริงเลย ทำไมตัวเองต้องมือสั่นเนี่ย
ก็แค่แตะโดนมือของตัวเองไม่ใช่เหรอ อดทนหน่อยก็ได้แล้ว ทำไมต้องเก็บมือกลับไปล่ะ?
หากเก็บมือกลับไป ตนเองก็จะไม่ลวกโดนเขา
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ร่างกายของปาจรีย์ค่อยๆ สั่นขึ้น นัยน์ยิ่งแดงก่ำไปใหญ่ ถึงขั้นมีน้ำตาลางๆ ปรากฏอยู่
ส่วนพงศกรที่ได้ยินคำขอโทษของเธอแล้ว ก็ไม่เอ่ยปากพูด นี่ยิ่งทำให้เธอไม่สบายไปใหญ่ เกรงกลัวไปใหญ่
“คุณพงศกร ฉัน……” ปาจรีย์เงยหน้าขึ้น กำลังอยากจะพุ่งออกไป ให้เขาลงโทษเธอไปเลย
ปรากฏว่ายังไม่ทันพูดจบ พงศกรก็เอ่ยปากพูดก่อนแล้ว “เธอกำลังร้องไห้?”
ปาจรีย์อึ้งไปเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามเช่นนี้ คิดว่าท่าทางที่ตนเองร้องไห้ ทุเรศไปถึงตาเขา จึงรีบเช็ดน้ำตา ส่ายหัวแล้วตอบกลับ “เปล่า ฉันไม่ได้ร้องไห้ ฉันแค่……”
“เธอกลัวว่าฉันจะทำร้ายเธอ?” พงศกรยกมือขึ้น พูดแทรกตัดคำพูดของเธอ
และท่าทางที่เขายกมือขึ้นนี้ กลับทำให้ปาจรีย์คิดว่าเขาจะตีเธอ รีบหดคอลงตามสัญชาตญาณทันที ปิดตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ต้องรอการที่เขาตีลงมา
ท่าทีนี้ของเธอ ทำให้สีหน้าของพงศกรอึมครึมลงทันที น้ำเสียงก็เย็นชาลงเล็กน้อย “เธอหมายความว่าอะไร เธอคิดว่าฉันจะตีเธอเหรอ?”
เธอกลัวคิดว่าเป็นเช่นนี้
หรือว่าในใจของเธอ เขาพงศกรเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ตีผู้หญิง?
ปาจรีย์ได้ยินคำพูดของพงศกรแล้ว ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่กลับยังคงมองเขาอย่างหวาดกลัว “คุณ……คุณไม่ตีฉันเหรอ?”
พงศกรหรี่ตาลง ยิ่งโมโหไปใหญ่ “ใครบอกเธอว่าฉันจะตีเธอ? แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจะตีเธอ?”
มองออกว่าพงศกรไม่ได้มีความหมายที่จะตีเธอ ในใจของปาจรีย์ก็โล่งอกไปที จากนั้นก็กัดริมฝีปาก ตอบกลับด้วยเสียงเบาว่า “เมื่อกี้คุณยกมือขึ้น ฉันคิดว่าคุณจะตีฉัน เพราะว่าฉันลวกซุปโดนคุณ ดังนั้น……”
“ดังนั้นเธอจึงคิดว่าฉันจะตีเธอเพราะสิ่งนี้?” สีหน้าของพงศกรแย่มาก
ปาจรีย์ตอบกลับอื้มด้วยเสียงที่เบาดั่งยุง
พงศกรโมโหมาก “ปาจรีย์ ภายในใจของเธอ ฉันพงศกรเป็นผู้ชายที่ไม่มีคุณธรรมขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่มีคุณธรรมถึงขั้นลงมือตีผู้หญิง?”
“เปล่า ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนี้” ปาจรีย์รีบโบกมือ จากนั้นก็รู้สึกว่าแบบนี้ไม่เพียงพอ ก้มเอวลงโดยตรง โค้งคำนับไปทางเขา “ขอโทษค่ะคุณพงศกร ฉันไม่ได้คิดแบบนี้จริงๆ ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะเป็นผู้ชายที่ลงมือตีผู้หญิง ฉัน……”
“ในเมื่อเธอไม่ได้คิดว่าเป็นเช่นนี้ งั้นเธอบอกฉันมา เมื่อกี้หมายความว่าอะไร?” พงศกรมองเธอด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก