พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 870 นายรักเธอไม่เพียงพอ
เขารู้จักทักษะฝีมือของอาจารย์เคเฟอร์เป็นอย่างดี ดังนั้นหลังจากที่รู้ทักษะฝีมือแล้ว เขาก็สามารถใช้ทักษะฝีมือของอาจารย์เคเฟอร์คลายปมสะกดจิต
พอเป็นแบบนี้ ไม่ต้องให้อาจารย์เคเฟอร์ออกมือเลย
ดังนั้นถึงแม้ว่านัทธีจะย้ายอาจารย์เคเฟอร์ออกไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“ฉันรู้แล้ว” ได้รับคำตอบแล้ว พงศกรเตรียมตัวจะวางสาย ไม่ได้มีอารมณ์จะคุยกับนิรุตติ์ต่อ
เขาหานิรุตติ์ ก็เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ ในเมื่อตอนนี้เข้าใจแล้ว งั้นแน่นอนว่า การคุยโทรศัพท์สามารถจบลงได้แล้ว
แต่ว่าจู่ๆ นิรุตติ์กลับเรียกเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อนคุณหมอพงศกร”
“นายยังมีเรื่องอะไรอีก?” พงศกรขมวดคิ้วแน่น
“นายได้รับคำตอบจากฉันแล้วก็จะวางสายเลย ไม่รู้สึกว่าเป็นการได้รับผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่งเหรอ?” นิรุตติ์หรี่ตา
พงศกรขมวดคิ้วแน่น “ดังนั้นล่ะ? นายอยากทำอะไร ก็รีบพูด ไม่เช่นนั้นฉันไม่มีเวลามาไร้สาระกับนาย”
นิรุตติ์หัวเราะอย่างลับลมคมใน “เป้าหมายของฉันง่ายมาก นายรู้ว่านักสะกดจิตของปาจรีย์เป็นใครจากฉัน ก็คงไม่สามารถรู้เปล่าๆ หรอกมั้ง? บนโลกใบนี้ไม่มีอาหารจานฟรีหรอก”
พงศกรพูดอย่างดูถูก “ก็ใช่ ฉันก็ว่าการถามคำถามของฉันนี้ราบรื่นไปหน่อย ที่แท้นายก็รอฉันอยู่ที่นี่นี่เอง ฉันพงศกรก็ไม่อยากติดค้างใคร พูดเถอะ นายจะให้ฉันทำอะไร”
นิรุตติ์มองลงล่าง “ฉันกับนัทธี จะเริ่มเข้าสู่การเปิดศึกครั้งสุดท้าย”
พงศกรเลิกคิ้ว นัยน์ตามีความตกใจผ่านไป
ชัดเจนเลยว่า เขาคิดไม่ถึง นิรุตติ์จะพูดเรื่องนี้
และคิดไม่ถึงว่า สองพี่น้องนี้ จะเปิดศึกกันแล้ว
“นายบอกเรื่องนี้กับฉันทำไม?” พงศกรยิ้มโค้งที่มุมปาก “การเปิดศึกสองพี่น้องของนาย ฉันคนเดียวยังต้องเข้าไปแทรกมือเหรอ? ขอโทษนะ ฉันไม่มีความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างพี่น้องพวกนาย”
“ฉันไม่ได้บอกว่านายจะต้องเข้ามาเกี่ยวโยงกับการต่อสู้ของพี่น้องเรา ฉันแค่หวังว่าพอถึงเวลาแล้วนายจะสามารถช่วยได้” สีหน้าของนิรุตติ์ไม่ได้เล่นๆ ดูจริงจังขึ้นมาทันที
ฟังออกถึงน้ำเสียงที่จริงจังของเขา พงศกรเองก็เริ่มจริงจังขึ้นมาทันที “ช่วยอะไร?”
“ฉันจะให้นายช่วยวารุณี” นิรุตติ์พูด
พงศกรหดรูม่านตาเล็กน้อย “อะไรนะ?”
“ช่วยวารุณี!” นิรุตติ์พูดซ้ำอีกครั้ง
พงศกรจับโทรศัพท์แน่น สีหน้าแย่มาก “นายจะทำอะไรกับวารุณี? นิรุตติ์บอกฉันมา ถ้าจะให้ดีนายอย่าทำอะไรมั่วๆ!”
ถึงแม้เขาจะเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้รักวารุณี ถึงขั้นโมโหที่วารุณีช่วยปาจรีย์ให้หนีไป
ทว่าไม่ว่าอย่างไร วารุณีก็เป็นเพื่อนของเขา เขาทำไม่ได้กับการที่เห็นวารุณีถูกคนอื่นทำร้าย
อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ ได้ยินเสียงคำพูดเตือนและน้ำเสียงที่โมโหของพงศกรแล้ว นิรุตติ์ยิ้มด้วยนัยน์ตาที่อันตราย “ฉันก็ไม่อยากทำอะไรมั่วๆ แต่ว่าจะสู้กับนัทธี ฉันก็ไม่มีวิธีอื่น ดังนั้นฉันจำเป็นต้องหลอกใช้เธอเล็กน้อย แต่ฉันรู้ว่า เธอไม่พอใจที่จะถูกฉันหลอกใช้เพื่อสู้กับนัทธี ดังนั้นเธออาจจะตกอยู่ในอันตรายเพื่อนัทธี และตามที่ฉันเข้าใจ อาจจะบาดเจ็บเพราะปกป้องนัทธีในตอนสุดท้ายที่ฉันสู้กับนัทธี ดังนั้นฉันอยากให้นายมาช่วยเธอได้ทันเวลา”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าของพงศกรเต็มไปด้วยความเหยีนดหยาม “นิรุตติ์ เพื่อที่จะสู้กับนัทธี นายนำผู้หญิงคนหนึ่งเกี่ยวโยงเข้ามา นายหน้าไม่อายจริงๆ”
“เช่นกันเช่นกัน ก่อนหน้านี้เพื่อที่นายจะได้วารุณีไป ก็ได้พาหลานชายของฉันออกไปไม่ใช่เหรอ ถึงขั้นทำให้หลานชายฉันเกินอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วย? ฉันนำผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวโยง นายนำเด็กเข้ามาเกี่ยวโยง พวกเราทั้งสองก็เหมือนกันนั่นแหละ ใครก็ไม่ต้องว่าใคร” นิรุตติ์ตอบกลับอย่างเยาะเย้ยโดยไม่แสดงถึงความอ่อนแอ
“นาย……” นัยน์ตาของพงศกรมีความโมโหผ่านไป
นิรุตติ์โบกมือ “พอแล้ว ฉันไม่ได้มาทะเลาะเรื่องพวกนี้กับนาย นายบอกมาเลยว่า นายยอมไหม”
“นิรุตติ์ นายรักวารุณีจริงๆ เหรอ?” พงศกรไม่ตอบแต่ถามกลับ
นิรุตติ์ขมวดคิ้ว “หมายความว่าอะไร?”
“ความหมายของฉันง่ายมาก ฉันแค่อยากรู้ว่า นายรักวารุณีจริงหรือเปล่า หากนายรักเธอจริงๆ ทำไมนายถึงต้องให้วารุณีไปเสี่ยงอันจราย ถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยล่ะ? ฉันยอมรับ ก่อนหน้านี้ฉันเล่ห์เหลี่ยม เพื่อที่จะได้เธอมา จึงนำอารัณเข้ามาเกี่ยวโยงด้วย ทำให้อารัณเกิดรถชน แต่ว่าตอนนี้ฉันรู้ ที่ฉันทำแบบนั้น เพราะคนที่ฉันรักจริงๆ ไม่ใช่เธอ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ใส่ใจที่จะทำลายสิ่งที่เธอใส่ใจ ส่วนนายล่ะ ปากบอกว่ารักเธอ แต่เพื่อที่จะสู้กับนัทธี กลับไม่สนใจว่าชีวิตเธอจะเกิดอันตรายอะไร คนแบบนี้ ไม่เหมาะที่จะพูดว่ารัก!”
สีหน้าของนิรุตติ์แย่ลงทันที ชัดเจนเลยว่าโมโหในคำพูดนี้ของพงศกรมากๆ
เขากำหมัด “นายจะไปเข้าใจอะไร? ฉันรักวารุณีอยู่แล้ว แต่ว่าในขณะเดียวกัน ฉันก็เกลียดนัทธี เกลียดที่ทำไมเขาถึงมีชีวิตดีขนาดนี้ สิ่งที่เขามี ต่างก็เป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้รับมา ดังนั้น ขอแค่ทำให้นัทธีตาย ฉันสามารถนำวารุณีมาหลอกล่อ หากฉันไม่รักวารุณี ฉันไม่มีทางให้นายไปช่วยเธอให้ทันเวลา แต่เลือกที่จะพาเธอลงไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ ฉันก็สามารถอยู่กับเธอแล้ว แต่ฉันดันกลับจะให้เธอมีชีวิตต่อ แบบนี้ยังไม่เพียงที่จะพูดถึงความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาเหรอ?”
“เฮอะ” พงศกรรู้สึกเพียงแค่ว่าเหมือนตนเองได้ยินเรื่องตลก “นี่ก็คือความรักที่นายมีต่อวารุณี ขอแค่เธอไม่ตาย ไม่สนใจว่าเธอจะตกใจหรือว่าเหลือปมไว้ในใจ ไม่สนใจว่าเธอจะบาดเจ็บหรือเปล่า เพราะว่านายเก็บชีวิตเธอเอาไว้ ไม่ได้ให้เธอลงไปเป็นเพื่อนนาย นายจึงรู้สึกว่านายรักวารุณีมาก รักถึงขั้นซึ้งใจในตัวเองแล้วสินะ?”
“หรือว่าไม่ใช่?” นิรุตติ์ถามกลับอย่างเสียดสี
สีหน้าของพงศกรเย็นชาราวกับว่าจะเย็นเป็นน้ำแข็ง “ให้ตายเถอะ นายไม่รักวารุณีเลย อย่างน้อยความรักที่นายมีต่อวารุณี ก็สู้ความริษยาที่มีต่อนัทธีไม่ไหว ในใจของนาย นัทธีถึงขั้นคงจะสำคัญกว่าวารุณีเลยสินะ”
นิรุตติ์ขมวดเป็นปมขึ้นมา “นายบอกว่าฉันรักวารุณีไม่เพียงพอ? นายมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าฉันรักเธอไม่พอ!”
เขาคิดไปเองว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อวารุณีลึกซึ้งมาก ถึงขั้นที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าอาสะใภ้
นานมากกว่าเขาจะนึกถึงอาสะใภ้หนึ่งครั้ง แต่ว่า เขามักจะนึกถึงวารุณีตลอด
ดังนั้น พงศกรมีสิทธิ์อะไรมาพูดเช่นนี้
พงศกรไม่รู้ว่าในใจของนิรุตติ์กำลังคิดอะไรอยู่ ได้ยินการไถ่ถามของนิรุตติ์ รู้สึกเพียงแค่น่าตลก “นายบอกว่านายรักวารุณี ความรักที่นายมีต่อวารุณี ก็คือการทำร้ายเธอ ไม่สนใจความปลอดภัยของเธอเหรอ? นี่คือความรักที่แปลกประหลาดอะไรเนี่ย? ฉันจะบอกนายนะนิรุตติ์ การรักคนคนหนึ่ง คือการไม่ยอมทำร้ายเธอแม้แต่น้อย ยิ่งไม่อยากหลอกใช้เธอ มีแต่อยากเห็นเธอได้ดี เธอมีความสุข แต่ไม่ใช่เหมือนนาย ที่หลอกใช้เธอ ให้เธอตกอยู่ในอันตราย เก็บชีวิตเธอไว้แล้วเรียกว่ารักเธอ นี่ไม่ใช่รัก นี่แค่ข้ออ้างที่น่าตลกเท่านั้นเอง”
ฟังคำพูดของพงศกรที่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง นิรุตติ์หัวเราะเยาะเย้ย “คุณพงศกรในตอนนี้เหมือนผู้เชี่ยวชาญด้านความรู้สึกเลยนะ เข้าใจความรักขนาดนี้ ทำไมถึงมองไม่ออกถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อปาจรีย์มาโดยตลอดล่ะ บอกว่าการรักคนคนหนึ่งคือการอยากเห็นเธอได้ดี แต่ว่าสิ่งที่นายทำกับปาจรีย์กลับไม่ใช่ในแบบที่นายพูดสินะ นายโหดร้ายโหดเหี้ยมต่อปาจรีย์มากๆ ดังนั้นนายมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน”
“ใช่ ฉันไม่เหมาะสมกับคำพูดพวกนั้นที่ฉันพูดจริงๆ” พงศกรหรี่ตา “นั่นเป็นเพราะฉันยังไม่รู้ว่าอะไรคือความรู้รัก และยังไม่รู้ว่า ฉันรักปาจรีย์ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว แน่นอนว่าฉันจะไม่ทำผิดอีก ดังนั้นฉันมีสิทธิ์พูด”
เขาพึ่งพูดจบ นอกห้องผู้ป่วยก็มีเสียงเศษกระจกแตกดังขึ้น กะทันหันมากๆ