พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 872 ความสัมพันธ์ที่อิจฉา
ในใจเขาเต็มไปด้วยความแค้นที่มีต่อตระกูลจิรดำรงค์ รวมไปถึงความเกลียดชังที่มีต่อเธอ ดังนั้น เขาจะรักลูกสาวของศัตรู และรักคนที่ตัวเองเกลียดได้ยังไง
อีกอย่าง หากเขาจะรักเธอ ก็รักตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ
งั้นเมื่อก่อน เขาคงไม่ทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำร้ายเธอได้ลึกเช่นนี้ ทำให้เธอในเมื่อก่อน ถึงขั้นต้องพึ่งวิธีการสะกดจิตเพื่อลืมเขา ปล่อยวางความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อเขาทิ้ง
แน่นอน เธอไม่ใช่ไม่เชื่อว่าเขาจะรักใครสักคนได้ แต่คนๆนั้นคงเป็นเธอปาจรีย์ไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นคำว่ารักจากปากเขา ต้องเป็นการโกหกอย่างแน่นอน เพียงแค่ต้องการหลอกคนที่คุยโทรศัพท์ด้วยเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ ว่าทำไมต้องโกหกคนที่คุยโทรศัพท์ด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอควรสงสัย
ไม่ว่าจะเป็นคนที่คุยโทรศัพท์ด้วยคนนั้น หรือคำบอกรักที่น่าขำสิ้นดีของพงศกร เธอก็ไม่ควรถือว่ามันเป็นเรื่องจริง จะถือว่าเป็นคำโกหกที่น่าขำก็แล้วกัน
เพราะถ้าถือว่าเป็นเรื่อง ก็เป็นการส่งตัวเองถลำลึกเข้าไปในเขาวงกตจนหาทางออกไม่เจอแน่
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ปาจรีย์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองห้องผู้ป่วยที่กระจายอยู่ในตำแหน่งต่างๆที่สวนดอกไม้ อย่างเหม่อลอย
ผู้ป่วยที่อยู่ในสวนดอกไม้มีจำนวนมากมาย ผู้ป่วยแบบไหนก็มี ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่เด็ก หรือคนท้องคนพิการ และยังมีคู่รักที่ดูรักกันเป็นอย่างมาก
ตรงหน้าปาจรีย์มีคู่รักคู่หนึ่ง เท้าของผู้ชายได้รับบาดเจ็บ ผู้หญิงถือถุงน้ำเกลือไว้ นั่งอยู่ข้างเขา พูดคุยกับเขา
ทั้งสองมีรอยยิ้มอันอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความสุข เวลากินขนม ก็ยังค่อยป้อนกันบ่อยๆ ความสัมพันธ์ดี จนทำให้คนที่ดูนั้นอิจฉาสุดๆ
ปาจรีย์มองดูพวกเขา จนนัยน์ตาเผยออกมาถึงความอิจฉา อิจฉาความสัมพันธ์แบบนี้ อิจฉาความรักแบบนี้
แม้เธอจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเธอนั้นรักพงศกรมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอมั่นใจได้ คือเมื่อก่อนเธอต้องคาดหวังให้พงศกรหันมามองเธอสักนิดแน่นอน ยอมรับความรู้สึกของเธอไว้ จากนั้นก็คบหาดูใจกับเธอ เหมือนกับคู่รักที่อยู่ตรงหน้านี้ ที่ดูรักกันมากมายเช่นนี้
เสียดายที่สุดท้าย สิ่งที่เธอคาดหวังในเมื่อก่อนมันไม่สามารถเป็นไปได้ จุดจบสุดท้ายคือการลืมทุกอย่าง
แววตาปาจรีย์จ้องมองอย่างสนใจเกินไป จนทำให้ชายหญิงที่ตรงหน้าเกิดความเอะใจ
หญิงสาวจึงมองมาที่เธอ แล้วใช้ภาษาอังกฤษถามเธอว่ามีอะไรเปล่า
ดวงตาปาจรีย์กะพริบ เมื่อได้สติ ก็ส่ายหน้าให้กับหญิงสาวตรงหน้า จากนั้นก็กล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันแค่เห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณนั้นดีสุดๆ จนน่าอิจฉา จึงทำให้มองเพลินไปโดยไม่รู้ตัวค่ะ”
หญิงสาวที่ได้ฟังคำอธิบายของเธอ ก็ยิ้มออกมา “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง คุณคงเคยเจ็บปวดจากความรักมาก่อนใช่ไหมคะ”
ปาจรีย์นิ่งอึ้งไปสักพัก “พวกคุณรู้ได้ยังไงคะ” เธอสงสัยเป็นอย่างมาก
หญิงสาวยิ้มออกมาอีกครั้ง “ฉันดูออก เพราะใบหน้าของคุณได้เผยทุกอย่างออกมาแล้วค่ะ ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง ก็เคยเจ็บปวดจากความรักมาก่อน ก็ชอบจ้องมองคู่รักอื่น ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา เหมือนกับคุณในเมื่อกี้เลยค่ะ”
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ” ปาจรีย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้พวกคุณเห็นอะไรจะน่าขำแบบนี้”
“ไม่เลยค่ะๆ” หญิงสาวโบกมือ “ฉันสามารถเข้าใจคุณได้ค่ะ ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของคุณ ยังปล่อยวางไม่ได้ใช่ไหมคะ”
ปาจรีย์กะพริบตาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมพูดแบบนี้คะ” ยังปล่อยวางความสัมพันธ์ที่ผ่านมาไม่ได้เหรอ
มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง
เธอลืมพงศกร และลืมความรักที่มีต่อพงศกรแล้วด้วย
ดังนั้นความสัมพันธ์นี้ จึงปล่อยวางได้แล้วนี่ ทำไมจะปล่อยไม่ได้
คุณผู้หญิงท่านนี้ ต้องกำลังพูดเล่นอยู่แน่
ในใจปาจรีย์กำลังคิดเช่นนี้
แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับยิ้มตอบ “เพราะความอิจฉาในดวงตาของคุณค่ะ หากคุณปล่อยวางความสัมพันธ์ได้จริง งั้นเมื่อคุณเห็นพวกเรา ต้องไม่แสดงความอิจฉาแบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน เพราะการปล่อยวางความสัมพันธ์ที่เจ็บปวดจากความรักได้แล้ว จะมีเพียงความต่อต้านเท่านั้น จะเป็นการอิจฉาได้ยังไง หากอิจฉาก็เท่ากับว่าเธอยังคงนึกถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาอยู่ ยังไม่สามารถปล่อยวางได้จริงๆ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูด ปาจรีย์ก็อ้าปาก คิดอยากโต้แย้งว่าไม่ใช่แบบนี้
แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอคำพูดถึงปาก กลับเอ่ยไม่ออกมา
เธอมองต่ำลง และกัดริมฝีปากล่างเบาๆ ในใจเริ่มสงสัยคำพูดของหญิงสาว
หรือว่า เธอยังปล่อยวางความรู้สึกที่มีต่อพงศกรไม่ได้จริงๆ
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง
เธอลืมพงศกรได้แล้วนี่
ไม่ หรือหญิงสาวคนนี้พูดถูก ในใจของเธอยังไม่สามารถปล่อยวางได้จริงๆ
เธอลืมพงศกรไปจริงๆ และลืมความรู้สึกที่มีต่อพงศกรแล้วด้วย
แต่การลืมนี้ ไม่ใช่การลืมได้เอง แต่มีการใช้คนช่วย
ก็พูดได้ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้ลืมพงศกรได้จริง และไม่ได้ลืมความรู้สึกที่มีต่อพงศกรได้ เธอเพียงเก็บทุกอย่างไว้ในส่วนลึกในใจ ความทรงจำและความรู้สึกยังคงอยู่ เพียงแค่ตอนนี้ยังดึงออกมาไม่ได้ชั่วคราว
ดังนั้นเมื่อยังคงอยู่ งั้นแน่นอน ความรู้สึกก็ยังคงอยู่ ในใจลึกๆของเธอนั้น ยังคงมีความรู้สึกที่มีต่อพงศกรในเมื่อก่อน
เพียงแต่ตัวเธอไม่รู้เท่านั้นเอง
“คุณคะๆ” เมื่อเห็นปาจรีย์เหม่อลอย หญิงสาวก็โบกมือให้เธออย่างสงสัย
ปาจรีย์ยิ้มออกมา อย่างเขินอาย “ขอโทษค่ะ ฉันใจลอยไปหน่อยค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ”หญิงสาวส่ายหัว จากนั้นก็พูดเตือน “คุณคะ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณได้รับช้ำใจจากความรักยังไง แต่ดูจากรูปร่างที่ผอมแห้งและซีดของคุณแล้ว มันคงเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก ดังนั้นฉันจะไม่แนะนำให้คุณตามรักของตัวเองกลับมา แต่ฉันหวังว่าคุณจะสามารถคิดทบทวนดีๆ คิดดีๆว่าจะจัดการกับความรู้สึกที่ปวดร้าว และไม่สามารถปล่อยไปนี้ได้ยังไง ถ้าจัดการได้แล้ว ใจของคุณถึงจะสงบได้จริงค่ะ อย่ามีชีวิตอยู่ในความสับสน หาทางออกไม่ได้แบบนี้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะทำมันนะคะ”ปาจรีย์ลุกขึ้นยืน ยิ้มให้เธออย่างซาบซึ้ง
คุณผู้หญิงท่านนี้พูดถูก แม้จะลืมความทรงจำและความรู้สึกที่มีต่อพงศกรแล้ว แต่ในใจของเธอ ยังคงได้รับผลกระทบและอิทธิพลจากเขา
ดังนั้นนี่คงเป็นผลจากการที่ไม่ปล่อยวางความรู้สึกที่มีต่อพงศกรให้ได้จริงๆ
เพราะความทรงจำทางร่างกายไม่สามารถทิ้งมันได้
ดังนั้นหากไม่เผชิญหน้ากับมัน ไม่คิดทบทวนให้ดีๆว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพงศกรดีๆ เธอจะถูกพงศกรจูงจมูกไปตลอดแน่
ไม่มีวันได้สงบสุข ถึงแม้ว่าเธอจำความทรงจำของเขาไม่ได้ แต่ความทรงจำทางร่างกาย ก็ทำให้เธออยู่ในความสับสนหาทางออกไม่เจอไปตลอดได้
เธอ ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น
หลังจากกล่าวลาคู่รักคู่นี้เสร็จ ปาจรีย์ก็หายใจเข้าลึกๆ เดินไปทางตึกอาคารในโรงพยาบาล เตรียมกลับไปทำความสะอาดเศษแก้วที่กระจายอยู่บนพื้น และหาโอกาสคุยกับพงศกร
ส่วนจะคุยเรื่องอะไร……
ปาจรีย์เม้มปากล่าง ไม่อยากคิดต่อ จึงเดินเข้าไปในลิฟต์ภายในอาคารโรงพยาบาลอย่างว่องไว
ไม่นาน เธอก็เดินออกจากลิฟต์ มาอยู่นอกห้องที่พงศกรรักษาตัวอยู่
เมื่อก้มมอง ก็พบว่าเศษแก้วที่ประตูไม่อยู่แล้ว หน้าประตูได้ถูกทำความสะอาดหมดแล้ว
ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นถึงความสงสัย จากนั้นก็เงยหน้ามองบานประตูตรงหน้าที่ปิดอยู่ อย่างครุ่นคิดสงสัย
พวกเศษแก้วนี้ คงไม่ใช่เขาเป็นคนทำความสะอาดมั้ง
ไม่ๆๆ น่าจะไม่ใช่
บาดแผลบนร่างกายเขายังไม่หาย ไม่สามารถขยับเขยื้อนอะไรมากได้ ดังนั้นน่าจะไม่ใช่เขา
แต่เป็นใครกันนะ ปาจรีย์คิดว่า มีเพียงเข้าไปถามถึงจะรู้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ยกมือเคาะหน้าประตูที่อยู่ตรงหน้า “คุณพงศกร คุณหลับยังคะ ฉันเข้าไปได้ไหมคะ”
ข้างในของประตู พงศกรกำลังหลับตาเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงเพื่อรักษาพลังงาน เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ก็รีบลืมตาอย่างรวดเร็ว แล้วหันหน้าไปมองที่ประตู ดวงตาลึก ประกายความประหลาดใจเล็กน้อย
เธอปรับสภาพจิตใจได้ไวขนาดนี้และกลับมาแล้วเหรอ