พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 876 พรุ่งนี้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
“อือ” ปาจรีย์พยักหน้า “ไม่ได้ทำอะไรแล้วจะได้รับสิ่งของตอบแทนได้ยังไงคะ เพราะฉะนั้นฉันไม่รับค่ะ”
แน่นอน นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง เป็นเพราะเธอไม่กล้ารับไว้
เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องให้บ๊วยเค็มจานนี้ให้กับเธอ และไม่รู้ด้วยว่าที่เขาทำแบบนี้เป็นเพราะเป็นห่วงเธอ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่น
ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ชัดเจน เธอไม่รับมันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หากสุดท้ายกินเข้าไปแล้ว มีผลอะไรเกิดขึ้น ก็แย่สิ
เมื่อเห็นปาจรีย์กัดริมฝีปากตัวเอง พงศกรจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังคิดอะไร
ก็แค่รู้สึกว่า เขาจะทำร้ายเธอ หรือทำเรื่องพวกกลั่นแกล้งเธอ
จึงแสยะยิ้มอย่างเยาะเย้ย พงศกรเลิกมอง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อคุณไม่เอา งั้นก็โยนมันทิ้งไปเถอะ”
“โยนทิ้งเหรอคะ” ปาจรีย์ตะลึงงัน
พงศกรอือตอบ “ของที่ไม่มีประโยชน์ ไม่โยนทิ้งจะเก็บมันไว้ทำไม พอเถอะ คุณเอามันออกไปทิ้งเถอะ ผใจะพักผ่อนแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็นั่งพิงหัวเตียง หลับตาลง
ปาจรีย์มองเขา แล้วมองบ๊วยเค็มบนโต๊ะ จนอดบีบฝีมือไม่ได้
โยนทิ้งเหรอ
บ๊วยเค็มดูดีขนาดนี้ ต้องอร่อยมากแน่ โยนทิ้งไปก็เสียดายสิ
แววตาปาจรีย์ประกายเล็กน้อยเวลานึกคิด ถ้างั้นตัวเธอเองเก็บไว้เองดีกว่า
เขาคงไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปเหรอ จากความสามารถของเขา หากอยากจะทำร้ายเธอจริงๆ น่าจะไม่ใช่วิธีแบบนี้ มันดูต่ำเกินไปหน่อย
เขาสามารถทำมันแบบตรงไปตรงมา ในการจัดการเธอ ไม่จำเป็นต้องอ้อมไปอ้อมมา
เพราะฉะนั้นบ๊วยเค็มจานนี้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร น่าจะเป็นเพราะความหวังดีของเขา อยากให้เธอได้กิน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ปาจรีย์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถือบ๊วยเค็มขึ้นมา “คุณพงศกรค่ะ ฉันไม่โยนทิ้งแล้วนะคะ ฉันจะเก็บบ๊วยเค็มไว้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
พงศกรลืมตา ดวงตาที่เย็นชาจางลงเล็กน้อย “แล้วแต่คุณเถอะ”
เธอนี่มันดื้อรั้นจริงๆ หากไม่โหด หรือขู่เธอหน่อย เธอจะไม่ยอมรับมันเด็ดขาด
แน่นอน เมื่อกี้เขาแกล้งทำสีหน้าเย็นชา การให้เธอโยนทิ้ง เธอก็จะเก็บไว้เอง
เขาเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอจะต้องเสียดาย จนสุดท้ายต้องรับปากเก็บไว้
นี่ก็สำเร็จแล้วไม่ใช่เหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาพงศกรก็มีแสงแวววาวประกายออกมา มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ซ่อนมันไว้ เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
“ขอบคุณบ๊วยเค็มของคุณพงศกรนะคะ” ปาจรีย์ถือจานไว้ในอ้อมอก
กลิ่นหอมของบ๊วยเค็มได้ลอยออกมา กระทบจมูกเธอ ยิ่งทำให้เธออยากกินจนน้ำลายไหลไปอีก อดไม่ได้ที่อยากหยิบสักลูกใส่เข้าไปในปากเพื่อลิ้มรสสักหน่อย
แต่เธออายที่จะชิมมันต่อหน้าผู้ชาย ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้ จึงทำได้เพียงพยายามอดทนมันไว้
“งั้นคุณพงศกร คุณพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ ฉันไม่กวนแล้วค่ะ ฉันกลับห้องพักญาติผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆก่อนนะคะ มีเรื่องอะไร คุณโทรเรียกฉันได้นะคะ ฉันจะรีบมาทันทีค่ะ” ปาจรีย์นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้เขาบอกว่าอยากพัก ก็รีบกล่าวขอลาทันที
พงศกรรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยจริงๆ จึงพยักหน้าเบาๆ “ คุณไปเถอะ”
“ลาก่อนนะคะคุณพงศกร” ปาจรีย์โค้งคำนับให้เขาเล็กน้อย แล้วถือบ๊วยเค็มหมุนตัวเดินไปทางประตู
พอเดินได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆพงศกรก็เหมือนนึกอะไรออก จึงตะโกนเรียกเธอไว้ “รอก่อน”
“คุณพงศกรมีอะไรมอบหมายอีกคะ” ปาจรีย์หยุดก้าวเดินด้วยความสงสัย หันหน้ากลับมาแล้วถาม
พงศกรจ้องเธอ “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป คุณไม่ต้องมาดูแลผมแล้ว”
“อะไรนะคะ” ปาจรีย์เบิกตากว้าง มีความกระวนกระวายเล็กน้อย “ไม่ต้องดูแลคุณ แล้วคุณพ่อฉัน……”
“จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดกับคุณพ่อคุณ” พงศกรรู้ว่าเธอจะพูดอะไร จึงขมวดคิ้ว แล้วพูดตัดบทเธอ
ช่างเหลือเกินจริงๆ ในสายตาเธอมีเพียงพ่อแม่ของเธอ เธอไม่คิดถึงตัวเองสักหน่อยเลยรึไง
“จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณพ่อจริงๆใช่ไหมคะ” ปาจรีย์กำมือไว้แน่น “คุณพงศกร คุณไม่ได้เป็นเพราะไม่ต้องการให้ฉันดูแลต่อแล้ว จึงเปลี่ยนความคิด จะให้คุณพ่อฉันติดคุกใช่ไหมคะ”
เธอกลัว ว่าตอนนี้ที่เขาไม่ต้องการเธอดูแล เป็นเพราะเธอดูแลไม่ดี จึงรำคาญเธอ
เพราะสองวันนี้ เธอดูแลได้ไม่ดีจริงๆ แถมยังทำให้เขาถูกน้ำร้อนลวกจนได้บาดเจ็บ
เพราะแบบนี้ จึงทำให้เขาจู่ๆก็เปิดปากพูด ว่าไม่ต้องการให้เธอดูแลแล้ว
แต่เธอไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ที่จู่ๆเขาไม่ต้องการให้เธอดูแลแล้ว อาจเป็นเพราะเขากำลังโมโหอยู่ก็ได้
และถ้าเขาโมโหขึ้นมา ก็อาจยกเลิกก่อนหน้านี้ที่เคยรับปากไว้ได้ ทำให้คุณพ่อเธอติดคุกได้
ดังนั้น ตอนนี้เธอทั้งร้อนใจ กระวนกระวาย และหวาดกลัว
เมื่อเห็นท่าทีหวาดหวั่นของปาจรีย์ พงศกรก็ถอนหายใจ “ผมไม่ใช่พวกที่พูดแล้วไม่รักษาสัญญา ผมพูดแล้ว ว่าจะให้คุณเก็บเด็กไว้ ปล่อยคุณพ่อไป เมื่อพูดแล้วก็ย่อมทำให้ได้ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลอะไรมากมายขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเขาแล้ว ปาจรีย์ก็โล่งใจขึ้นทันที “งั้นก็ดีค่ะๆ”
เธอตบหน้าอกเบาๆ จากนั้นก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “งั้นคุณพงศกรคะ ทำไมจู่ๆคุณถึงไม่อยากให้ฉันดูแลแล้วค่ะ ถ้าเป็นเพราะฉันดูแลไม่ดี ฉันจะปรับปรุง ฉันจะพยายามให้มากขึ้น ฉัน…….”
“ไม่จำเป็น” พงศกรยกมือขึ้นห้ามไว้ เพื่อตัดคำพูดข้างหลังเธอ “คุณหาคนดูแลให้ผมคนหนึ่งก็พอ ส่วนคุณนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปให้พักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาลซะ”
“อะไรนะคะ” ปาจรีย์ตะลึงงัน “ให้ฉันพักฟื้นร่างกายในโรงพยาบาลเหรอคะ”
“หากคุณไม่อยากรักษาเด็กคนนี้ไว้แล้ว คุณก็ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล ” พงศกรชำเลืองมองด้วยหางตาแวบหนึ่ง
ปาจรีย์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ๆๆ ฉันต้องการเด็กอยู่แล้วค่ะ หากฉันไม่ต้องการ ฉันคงไม่ยืนยันมาถึงตอนนี้หรอกค่ะ”
“งั้นตอนนี้คุณก็ไปทำเรื่องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ก็อยู่พักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาล” พงศกรพูดอย่างเบาๆ จากนั้นก็โบกมือไล่ “พอเถอะ เธอออกไปก่อนเถอะ”
“ได้ค่ะ” เมื่อเห็นความเหน็ดเหนื่อยระหว่างคิ้วของเขา ปาจรีย์ก็พยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที
เมื่อกลับมาถึงห้องพักญาติผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ เธอก็นั่งถือบ๊วยเค็มอยู่บนขอบเตียงของตัวเอง ทั้งตัวก็ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าข้อเสนอที่พงศกรจะให้เธอพักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาลในเมื่อกี้ ทำให้เธอสั่นสะเทือนไปทั้งตัว จนตอนนี้ยังไม่สามารถสงบลงได้
เขา……ทำไมต้องเสนอให้เธอพักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาล
หรือจะเป็นห่วงสภาพร่างกายของเธอจริงๆ
ปาจรีย์ก้มหน้า ลูบหน้าท้องของตัวเอง
เธอพบว่า ตอนนี้ตัวเองนั้นยิ่งนานไปก็ยิ่งดูผู้ชายคนนี้ไม่ออกขึ้นเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
เขาเกลียดเธอ รังเกียจเธอมากไม่ใช่เหรอ
แล้วเพราะอะไร เมื่อเห็นอาการแพ้ท้องของเธอถึงได้ให้ความสำหรับมากเช่นนี้ แล้วยังรินน้ำใส่น้ำผึ้งให้เธอ เตรียมบ๊วยเค็มให้เธออีกด้วย
ใช่ เธอมั่นใจ ว่าของพวกนี้เป็นเพราะเขาได้เห็นเธอทรมานเช่นนี้ ถึงเตรียมให้เธอโดยเฉพาะ
ไม่งั้น แล้วทำไมเขาเตรียมเวลาไหน ไม่เตรียม มาเตรียมในเวลาที่เธออาเจียนเหรอ
อีกอย่างคือของพวกนี้ คือใช้กับท้องคนได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเป็นของที่ใช้การคนท้องในช่วงนี้ของเธอได้ดีที่สุด
ดังนั้น เขาเหมือนกับว่า จะเป็นห่วงเธอจริงๆ
แต่นี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่
ทำไมเขาต้องค่อยเป็นห่วงเธอคนที่เขาเกลียดด้วย และทำไมยังให้เธอรักษาเด็กคนนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยไว้ด้วย แถมยังจบข้อเสนอที่จะให้เธอดูแลก่อนด้วย แล้วยังต้องการให้เธอพักฟื้นร่างกายที่โรงพยาบาลอีกด้วย
แต่ละการกระทำนี้ มันทำให้เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด
ปาจรีย์ก้มหน้ามองดูบ๊วยเค็มในจาน
บ๊วยเค็มยังคงส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
เธอทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว จึงหยิบเม็ดหนึ่งเข้าปาก ทันใดนั้นความรู้สึกหวานอมเปรี้ยวก็เต็มไปทั้งปากของเธอ ทำให้ต่อมรับรสของเธอชุ่มชื่นขึ้น ทำให้เธอรู้สึกสบายจนอดหลับตาลงไม่ได้ แล้วรอยยิ้มที่มีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ใช่ค่ะ ความสุข
เมื่อกี้เธอยังรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เพราะท้องปั่นป่วนพะอืดพะอม และยังมีรสขมและเปรี้ยวตีกันอย่างรุนแรง
แต่พอตอนนี้บ๊วยเค็มเม็ดนี้เข้าปาก ความรู้สึกนั้นก็ถูกชะล้างออกไปในทันที และหายไปหมด กลับแทนที่ ด้วยความสบายใจ
เมื่อรู้สึกสบายตัวแล้ว แน่นอนความสุขก็ย่อมเกิดขึ้นทันที