พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 878 เรื่องกลุ้มใจของนัทธี
เพราะใครก็ไม่รู้ นี่เป็นละครที่ร่วมกันแสดง หลอกลวงคนให้ติดกับรึเปล่า
ดังนั้นการสงสัยของนัทธีนั้น เขาไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด
“ใช่ไม่ใช่เรื่องจริง นายสามารถไปตรวจสอบเองได้ เพราะยังไงซะในสิ่งที่ฉันควรพูด ฉันก็พูดหมดแล้ว” พงศกรพูดเสียงเบา
นัทธีเงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูด “ฉันรู้แล้ว ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ฉันก็ต้องขอบใจนายมาก ถึงจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ฉันก็จะไปตรวจสอบ แค่นี้ก่อนนะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ตัดสายทิ้งแล้ววางโทรศัพท์ลง จากนั้นเปลือกตามองต่ำลง ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
วารุณีเพิ่งขึ้นมาจากการดูสุขใจในห้องพี่นันทา ก็เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ที่ทางเดิน โดยก้มหน้าลงเล็กน้อย รอบกายกระจายไปด้วยความเย็นออกมา
“คุณสามีค่ะ คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ” วารุณีมองชายหนุ่ม ในใจก็กลุ้มขึ้นมาอย่างแปลกๆ หลังจากนั้นก็เดินไปหา จับมือชายหนุ่มไว้ แล้วถามอย่างเป็นหว่ง “ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าคะ”
ลมหายใจชายหนุ่มติดขัด ดูก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังโมโหสุดขีด
คงไม่ใช่เพราะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ ทิ้งบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไว้ไม่ได้สนใจ แล้วเกิดเรื่องกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปขึ้นเหรอ
หากเป็นเช่นนี้ ในใจเธอก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
สายตานัทธีกะพริบ แล้วได้สติขึ้นทันที พลิกมือมากุมมือเธอเบาๆ ระงับกองไฟลุกโชนไว้ในอกไว้ ส่งยิ้มให้เธอ “ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรจริงเหรอคะ คุณสามีคะ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณไปจัดการเถอะค่ะ อย่างอั้นไว้เลยค่ะ หาก……”
เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกนิ้วมือของนัทธีปิดปากไว้ “พอแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ คุณอย่ากังวลเลย หากมีเรื่อง ผมจะไปจัดการแน่นอน”
เขาไม่คิดจะบอกเนื้อหาที่โทรคุยกับพงศกรในเมื่อกี้ให้เธอรับรู้
หากเธอรู้ว่ามีโอกาสที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการข่มขู่เขา เธอก็คงจะรู้สึกผิดต่อความเป็นอยู่ของเธอ และอาจจะทำอะไรโง่ๆก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เธอกำลังจะแข่งขันรอบสุดท้าย เขาไม่ต้องการให้เรื่องเหล่านี้ ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเธอ
ไม่งั้น มันอาจทำให้เธอแพ้การแข่งขันได้
ถึงตอนนั้น ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ทำให้เธอละทิ้งอาชีพของตัวเอง
เพราะเธอแข่งขันแพ้แล้วครั้งหนึ่ง จนทำให้ลีน่าเสียสิทธิ์ในการแข่งขันระดับนานาชาติแล้ว
หากครั้งนี้ แพ้การแข่งขันเพราะเรื่องอื่นอีก แล้วทำให้ลีน่าไม่ได้แชมป์อีก งั้นในใจของเธอ ก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต รู้สึกผิดจนต้องเลิกทำอาชีพการงานของตัวเอง
ดังนั้น จะบอกเธอไม่ได้เป็นอันขาด
เมื่อเห็นว่านัทธีมีเรื่องกลุ้มใจแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมพูด วารุณีก็ถอนหายใจ “คุณเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วงนะคะ”
นัทธีเอื้อมมือไปลูบผมเธอเบาๆ“ไม่มีอะไรจริงๆ เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ผมอยู่ตรงนี้ก็สามารถจัดการได้ ดังนั้นอย่าคิดมาก เชื่อผมนะ”
เขาจ้องเธอ ด้วยสายตาที่จริงจัง
วารุณีใจสั่น จนในที่สุดก็ค่อยๆสงบลงได้ “ฉันเชื่อคุณค่ะ”
“แบบนี้สิถึงจะถูก โอเค นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเราไปพักผ่อนกันเถอะ”
เมื่อพูดจบ นัทธีก็จูงมือเธอ เดินไปที่ห้องนอน
วารุณีมองดูหน้าด้านข้างของเขา ก็อ้าปาก ราวกับอยากพูดอะไร แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อกลับมาถึงห้องนอน วารุณีก็ไปอาบน้ำ
เมื่อกี้ตอนอุ้มสุขใจ สุขใจได้อ้วกนมใส่อกเธอ ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอก็เปื้อนไปด้วยคราบนม ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำนมที่เหม็นหืนไปหมด
ดังนั้น เธอต้องรีบไปชําระล้างร่างกาย
หลังจากที่วารุณีเข้าไปห้องน้ำ นัทธีก็นั่งอยู่บนโซฟามาตลอด พร้อมกับมือถือแก้วไวน์ไว้ แล้วเขาสู่ ภวังค์ความคิดอีกครั้ง
เมื่อผ่านไปสักพัก จู่ๆเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปหามารุต นำเนื้อหาที่โทรคุยกับพงศกร บอกกับมารุต
หลังจากมารุตฟังจบ ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้ม“ท่านประธาน นี่คือเรื่องจริงเหรอคะ”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่คนอย่างพงศกรฉันเข้าใจดี ไม่ล้อเล่นกับเรื่องพวกนี้หรอก ดังนั้นสิ่งที่พงศกรพูดเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่นิรุตติ์ได้โกหกพงศกรไหม ก็ไม่รู้เหมือนกัน ” นัทธีพูดพลางส่ายหัว
มารุตดันแว่นขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่าสิ่งที่นิรุตติ์พูดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า จากการที่กล้าดึงคุณหญิงเข้าไปเกี่ยวข้อง ใช้ความเป็นความตายของคุณหญิงมาขู่ท่านประธาน คนแบบนี้ ช่างสารเลวจริงๆ และเขาไม่ใช่เหรอที่บอกว่ารักคุณหญิงนักหนา หึ นี่คือรักงั้นเหรอ”
การรักใครสักคน หรือว่าไม่ควรดีกับเธอ ปรารถนาให้เธอให้มีความสุขหรือไง
จะดึงเธอเข้าไปอยู่ในที่อันตราย และทำให้ได้เธอได้รับอันตรายได้ยังไงกัน
ดังนั้นนิรุตติ์ไม่คู่ควรที่จะพูดคำว่ารักออกมาเลยสักนิด
นัทธียิ้มเยาะ “มันรักวารุณีจริงๆ แต่คนที่มันรักมากกว่า คือตัวมันเอง เพราะฉะนั้นการจะดึงวารุณีเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองได้ไง”
“หึ พูดตรงๆ คือคนแบบนี้ เห็นแก่ตัวสุดๆ” มารุตเบะปาก
“พอแล้ว นายรีบหาวิธีจัดการ ส่งกำลังคนมาหน่อย และเตรียมอาวุธป้องกันตัวด้วย” นัทธีหรี่ตา พูดด้วยเสียงเย็นชาไร้ความปราณี
ในเมื่อต้องการจะสู้ งั้นพวกอาวุธ ก็ต้องมีอยู่แล้ว
ครั้งนี้ เขาต้องพรากชีวิตของนิรุตติ์ให้ได้
วารุณีกับพวกเด็กๆคือแก้วตาดวงใจของเขา คือความอดทนสุดท้ายที่เขาไม่สามารถแตะได้เด็ดขาด
แต่นิรุตติ์ก็จะเล่นกับความอดขั้นสุดท้ายของเขาให้ได้ งั้นเขาฆ่านิรุตติ์ให้ตายๆไปซะ
อีกอย่าง เขาไม่อยากให้วารุณีกับพวกเด็กๆใช้ชีวิตอยู่ในอันตรายในอนาคต
ดังนั้นมีเพียงกำจัดนิรุตติ์ให้หายไปจากโลกนี้ วารุณีกับพวกเด็กๆถึงจะสามารถใช้ชีวิตสงบได้
เมื่อมารุตได้ยินความสั่งของนัทธี สีหน้าก็จริงจังขึ้นมา “ผมทราบแล้วครับท่านประธาน ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ วางใจได้เลย ว่าจะไม่ให้นิรุตติ์สมหวังอย่างแน่นอนครับ”
นัทธีอือตอบ
จากนั้น ทั้งสองก็พูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ถึงจะวางสาย
เพราะนัทธีไม่ได้เสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้ว ก็หมายความว่าเธออาบน้ำเสร็จแล้ว
ไม่นานก็ออกมา
ดังนั้น จึงไม่สามารถพูดต่อได้ หากได้ยินเข้า ก็คงส่งผลต่อสภาพจิตใจเธอ
เรื่องนี้ เขาอยากแก้ไขด้วยตัวเอง ไม่อยากให้เธอเข้ามายุ่งเกี่ยว
แน่นอน ก็ต้องไม่ให้แผนเจ้าเล่ห์ของนิรุตติ์นั้นสำเร็จ แล้วจับตัวเธอไปได้
นี่คือการต่อสู้ระหว่างเขากับนิรุตติ์ เขาจะไม่ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนที่เขารักที่สุดในดวงใจ
ตอนที่นัทธีกำลังหรี่ตาครุ่นคิดอยู่นั้น วารุณีก็เปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา
เธอไม่มีเสื้อผ้าติดตัว มีแต่ผ้าเช็ดตัวที่เปิดหน้าอกไว้
ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กแสดงให้เห็นรูปร่างของเธออย่างชัดเจน ทำให้ผู้คนมโนคิดไปไกล
นัทธีหันไปมอง แววตาก็หมองลง จากนั้นตอนที่เธอเดินมานั้น ก็เอื้อมมือไปคว้าเอวเธอไว้ แล้วจับเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
วารุณีนั่งบนเข่าของเขา สองมือโอบกอดรอบคอเขาไว้
นัทธียื่นหน้าเขาไปใกล้ แล้วสูดดมกลิ่นหอมที่คอเธอ พลางปิดตาเล็กน้อย “คุณภรรยาคุณหอมมากเลย”
วารุณีหัวเราะเบาๆ “กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำค่ะ”
“ไม่ คือกลิ่นหอมจากตัวคุณ” นัทธีส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็สูดดมกลิ่นจากลำคอของเธอเข้าลึกๆ
วารุณีถูกลมร้อนที่หายใจออกของเขา ทำให้เกิดความคันที่คอ จึงอดไม่ได้ที่จะหดคอลงเล็กน้อย และหัวเราะออกมา “ทำอะไรคะ มันคันนะคะ”
นัทธียิ้มเบาๆ “งั้นให้ผมทำให้คุณหายคันสิ”
เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มเขาเดินไปที่เตียง
วารุณีเห็นว่าใกล้เตียงเข้าเรื่อยๆ ก็หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “คุณ……”
การแก้คันที่เขาพูดกลับหมายถึงแบบนี้นี่เอง
เธอคิดว่า จะเป็นการช่วยเธอเกาที่คอ แต่ปรากฏว่า……
แม้การกระทำของชายหนุ่มจะทำให้น่าโมโหนัก แต่วารุณีก็ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้ชายหนุ่มวางตัวเธอไว้บนเตียงอย่างตามใจ
คืนนี้อารมณ์ของชายหนุ่มไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่เธอถาม เขาไม่ยอมบอก กลับเก็บไว้ใจ
ดังนั้นเธอรู้ ว่าเขาต้องการปลดปล่อย