พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 89 ถูกแทงจนบาดเจ็บ
วารุณีหยิบโทรศัพท์ออกมา ในขณะที่โทรศัพท์แจ้งความ ก็ได้เร่งมารุต “ผู้ช่วยมารุต คุณรีบออกรถเลย ขับตรงไปข้างหน้า หากโจรคนนั้นมีพรรคพวก ประธานนัทธีก็จะมีอันตราย”
ได้ยินคำพูดนี้ มารุตสีหน้าเข้มขรึมขึ้นมาทันที รีบสตาร์ทรถแล้วออกรถทันที
หลายนาทีต่อมา ทั้งสองคนก็หานัทธีจนเจอ
เขาอยู่ในตรอกมืดๆ กำลังต่อสู้กับคนหลายคน หนึ่งในนั้นคือคนที่ฉกกระเป๋าของวารุณี
วารุณีบีบมือตัวเอง “เป็นเหมือนที่คิดเอาไว้เลย โจรมันมีพรรคพวก ไม่ได้ละ พวกเราต้องลงไปช่วย”
แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้คือตัวนัทธีกำลังต่อสู้กับคนหลายคน แต่ฝีมือก็ไม่ได้ห่างชั้นกันมากนะ
แต่ไม่ว่ายังไงฝ่ายตรงข้ามก็มีคนเยอะกว่า หากใช้แรงของนัทธีไปจนหมด นัทธีก็จะลำบากแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ วารุณีก็รีบลงจากรถ
มารุตก็ลงมาด้วย กลับขวางเธอเอาไว้ “ผมไปก็พอแล้ว คุณวารุณีก็รอพวกเราอยู่ตรงนี้”
พูดจบ มารุตก็กำหมัด เข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย
มีความช่วยเหลือของมารุต โจรหลายคนก็ถูกจัดการจนเรียบในไม่ช้า
วารุณีเห็นพวกโจรล้มอยู่บนพื้นจนลุกไม่ขึ้น กุมท้องกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น ทันใดนั้นก็หายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ยิ้มวิ่งไปทางนัทธี มองสำรวจเขาไปครู่หนึ่ง “ประธานนัทธี คุณไม่ได้รับบาดเจ็บใช่มั้ย?”
นัทธีมองใบหน้าที่เป็นห่วงของเธอ ในใจรู้สึกอบอุ่น “ไม่ นี่ให้คุณ”
นัทธีเอากระเป๋ายื่นให้กับวารุณี “ดูสิว่ามีอะไรหายไปมั้ย?”
วารุณีรับกระเป๋ามา เปิดมันดู “ไม่มีอะไรหายไปเลยค่ะ”
“อืม งั้นก็ดีแล้ว” นัทธีพยักหน้าตอบ
ทันใดนั้น โจรคนหนึ่งดึงถุงเท้าลง ดึงมีดสั้นที่เสียบอยู่ในถุงเถายาวออกมา จากนั้นก็กระโดดขึ้นจากพื้น แทงมาทางนัทธีอย่างดุร้าย
นัทธีหันหลังให้เขาอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงมองไม่เห็น
มารุตนั้นเห็นแล้ว แต่ว่าระยะห่างกันพอสมควร หากจะขัดขวางโจรคนนี้เป็นไปไม่ได้เลย ทำได้เพียงตะโกนอย่างร้อนใจ “ท่านประธาน ระวัง!”
“อืม?” นัทธีขมวดคิ้ว เหมือนจะรับรู้อะไรสักอย่าง กำลังจะตอบสนอง ก็เห็นวารุณีที่อยู่ตรงหน้ากอดเอวของเขาเอาไว้ พาเขาหมุนตัว เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งกับเขา
ฉึก!
เสียงมีดสั้นแทงเข้าไปในเนื้อ
ทันทีหลังจากนั้น ก็ดังขึ้นด้วยเสียงที่ชนกระแทก โจรผู้นั้นถูกนัทธีใช้เท้าถีบกระเด็นไปไกลสองเมตร ไปชนเข้ากับกำแพงในตรอก แล้วสงบไปทันที
นัทธีไม่ได้มองโจรคนนั้น อุ้มร่างที่ไถลลงมาของวารุณี ถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น “คุณเป็นยังไงบ้าง?”
ใบหน้าของวารุณีซีดมาก หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ “ไหล่ของฉันเจ็บมากเลย”
ไหล่?
นัทธีลูบไปที่ไหล่ของเธอ ตรงนี้เปียกชุ่มไปหมด เปื้อนไปที่มือ เมื่อเอามือมาดู
เลือด!
“ท่านประธาน คุณวารุณีถูกมีดแทน มารุตที่ไปซ้อมโจรพวกนั้นอีกรอบ” เดินกลับมาแล้วกล่าว
นัทธีอุ้มวารุณีขึ้นมา “คุณรอตำรวจอยู่ตรงนี้ ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“ครับ” มารุตพยักหน้า
นัทธีอุ้มวารุณีขึ้นรถ ขับรถไปโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงที่โรงพยาบาล เขาก็หาพิชิตโดยตรง
คืนนี้พิชิตเข้าเวร เมื่อกี้เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ ตอนนี้กำลังเหนื่อยอยู่ คิดจะฟุบหลับในห้องทำงานสักครู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่ดังมาก ประตูห้องทำงานที่ถูกถีบออก เขาสะดุ้งตกใจจนกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ “เกิดอะไรขึ้น?”
นัทธีที่หน้าบึ้งตึง เพียงสองสาวก้าวก็เดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงานของพิชิต วางวารุณีลงบนโต๊ะ ออกคำสั่ง “ช่วยเธอทำแผลด้วย”
“เธอเป็นอะไร?” พิชิตมองผู้หญิงที่สลบอยู่โดยเอาหัวซบอยู่บนท้องของนัทธี ถามอย่างจริงจัง
“เธอถูกมีดแทง” นัทธีตอบสั้นๆแต่ได้ใจความ ดึงแขนเสื้อของเธอลง ให้ไหล่ของเธอโผล่ออกมา
พิชิตมองแผลบนไหล่ของวารุณี สูดลมหายใจเข้าไปหนึ่งที ก็รีบสวมถุงมือแพทย์ทันที ช่วยเธอทำแผล
รอจนกระทั่งทำแผลของวารุณีเสร็จ ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
พิชิตถอดถุงมือออกแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสร็จแล้ว”
นัทธีได้ดึงแขนเสื้อของวารุณีขึ้นมา หลังจากอุ้มเธอไปนอนพักยังโซฟาที่อยู่ด้านข้าง แล้วก็นำเสื้อสูทของตัวเองคลุมบนตัวเธอ จึงได้ไปล้างมือในห้องล้างมือขนาดเล็ก “แผลของเธอไม่เป็นไรมากใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไร แม้จะดูเหมือนเสียเลือดไปเยอะ แต่แผลไม่ลึก ไม่กี่วันแผลก็จะสมาน” พิชิตสะบัดมือ กล่าวอย่างผ่อนคลาย
คิ้วที่ขมวดแน่นของนัทธีก็ผ่อนคลายลง
พิชิตที่ขยับแว่นแล้วถาม “พวกนายเกิดเรื่องอะไรกัน ทำไมเธอถึงถูกแทงจนบาดเจ็บ?”
นัทธีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็เล่าเรื่องโดยสังเขป
พิชิตได้ฟังแล้ว ก็ทำเสียงจุ๊ๆไปสองที “หากพูดแบบนี้ นับว่าเธอโชคดีแล้ว อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย”
ได้ยินคำพูดนี้ นัทธีหรี่ตาลงโดยไม่พูด จ้องมองเขาโดยไม่กะพริบสายตา
พิชิตตัวสั่นไปหนึ่งที เมื่อตระหนักว่าตัวเองนั้นพูดบางอย่างผิดไป ก็ยิ้มอย่างลำบากใจ” นายอยากโกรธเลย ฉันพูดผิดไปแล้ว”
นัทธีจึงได้ถอนสายตาออก หยิบกระเป๋าของวารุณีขึ้นมา หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของเธอ หลังจากใช้รอยนิ้วมือเธอปลดล็อก ก็โทรไปที่นาฬิกาโทรศัพท์ของอารัณ
“สวัสดีครับ ผมคืออารัณ” เสียงของอารัณที่ยังเป็นเด็กถูกส่งมายังปลายสาย
พิชิตอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เด็กคนนี้ การพูดการจา เหมือนผู้ใหญ่เลย น่าสนุกดีเน้อ”
นัทธีแม้จะไม่ต่อคำพูดของเขา แต่แววตาก็เผยรอยยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาก็เห็นด้วย
“อารัณ อาเอง” นัทธีเอ่ยปากพูด
ในโทรศัพท์เงียบไปหลายวินาที จึงได้ดังขึ้นด้วยเสียงของอารัณอีกครั้ง “คุณอานัทธี ทำไมคุณอาถึงได้ใช้โทรศัพท์แม่ผม?”
“คืออย่างนี้ หม่ามี๊ของหนูเมามาก คืนนี้ไม่กลับไปแล้ว” นัทธีมองไปทางวารุณี พูดโกหกโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี
พิชิตกลอกตาอย่างดูถูก
อารัญไม่ได้สงสัยในคำพูดของนัทธี ตอบรับไปสองที “ทราบแล้วครับ งั้นหม่ามี๊ก็ต้องรบกวนคุณอานัทธีช่วยดูแลแล้ว”
“อาจะดูแลให้” นัทธีพยักหน้า
วารุณีเพื่อช่วยเขา จึงได้กลายเป็นแบบนี้
เขาไม่มีทางที่จะไม่ดูแลเธอ
หลังจากสิ้นสุดการสนทนา หมอพิชิตก็มองเขาเหมือนอยากจะยิ้ม “ทำไมนายไม่บอกความจริงกับเด็กคนนี้?”
“บอกแล้วจะทำอะไรได้? ให้เด็กอายุสี่ขวบสองคนเป็นกังวลเหรอ?” นัทธีเหลือบมองเขา
พิชิตที่เอามือกอดอก “นายช่างคิดได้รอบคอบดีนะ คนที่ไม่รู้ คงนึกว่านายเป็นพ่อของเด็กสองคนนั้นเสียอีก”
“เอาล่ะ เปิดห้องหนึ่งห้อง” นัทธียืนขึ้น
พิชิตปล่อยมือออก “ตามฉันมา”
เขาออกไปจากห้องตรวจก่อน
นัทธีก้มตัวอุ้มวารุณีขึ้นมา เดินตามหลังของเขา เดินไปที่ห้องผู้ป่วย
เมื่อถึงห้องผู้ป่วย นัทธีเพิ่งจะวางวารุณีลงไปบนเตียง มารุตก็มาถึงแล้ว
“โจวพวกนั้นจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?” นัทธีดึงเก้าอี้ออกมานั่ง ถามด้วยเสียงขรึม
มารุตพยักหน้า จัดการเรียบร้อยแล้ว โจรพวกนั้นจะถูกจำคุกระยะเวลาหนึ่ง “เพียงแต่…….”
“เพียงแต่อะไร?” นัทธีมองเขา
มารุตขมวดคิ้ว “ท่านประธาน มันไม่ใช่การวิ่งราวธรรมดา”
“หมายความว่ายังไง?” สีหน้าของนัทธีนิ่งไปทันที
มารุตได้หยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้กับเขา “นี่คือสิ่งที่ค้นเจอในกระเป๋าของโจร เป็นรูปถ่ายของคุณวารุณี ผมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างคาดเดากัน น่าจะมีคนจงใจจ้างโจรคนนั้นมาฉกกระเป๋าของคุณวารุณี”
นัทธีกำหมัดแน่น รอบตัวกระจายไอเย็นออกมา “โจรคนนั้นรู้สึกตัวหรือยัง?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว หัวได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง อาจจะสลบอีกสองสามวัน สำหรับโจรคนอื่นๆผมกับตำรวจได้สอบปากคำพวกมันแล้ว พวกมันไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่ฟังคำสั่งของโจรที่ฉกกระเป๋า” มารุตตอบ
นัทธีกำรูปถ่ายในมือแน่น “ดังนั้นหากอยากจะรู้ว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคือใคร ยังต้องรอให้โจรคนนั้นตื่นก่อน?”