พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 9 ถูกเด็กคนหนึ่งหยอก
พิชญาไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ ยังไงก็แค่เด็กตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ จะมาเจ้าคิดเจ้าแค้นกับเธอได้หรือไงกันล่ะ?
“อือ ไม่โกรธ ฉันกับหม่ามี๊หนูเป็นเพื่อนรักกัน ทำไมไม่เห็นหม่ามี๊หนูเลยล่ะ?”พิชญาย่อตัวลงไป พูดกับอารัณในระดับสายตาเดียวกัน
“หม่ามี๊ไม่ได้มาครับ”อารัณไม่เชื่อว่าพิชญากับหม่ามี๊เป็นเพื่อนรักกัน
ได้ยินว่าตอนนี้วารุณีไม่อยู่ พิชญาก็รู้ว่าโอกาสของตัวเองมาแล้ว
“งั้นหนูมากับพ่อเหรอ?”พูดไป พิชญาก็อยากจะยื่นมือไปลูบหัวของอารัณ เธอคิดจะถือโอกาสดึงผมเส้นหนึ่ง เอากลับไปพิสูจน์
แต่เธอยื่นมือไป อารัณก็ถอยกลับไปสองสามก้าวอย่างระวังตัว
ทันใดนั้น มือของพิชญาก็สัมผัสอากาศ
“ใช่ ผมมากับพ่อครับ”อารัณมองออกว่าในใจพิชญามีจุดประสงค์อื่น ดังนั้นเลยพูดไปงั้นๆ
ที่จริงคำว่าพ่อเป็นคำถามหยั่งเชิง คิดไม่ถึงว่าอารัณจะมีพ่อจริงๆ ทำให้พิชญาประหลาดใจ
หรือว่าเธอสงสัยผิดไป?
เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบถามว่า“พ่อหนูชื่ออะไรเหรอ?อยู่ที่ไหน?”
อารัณแอบสังเกตอาการของพิชญา เห็นเธอตื่นเต้นขนาดนี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ เลยลองเล่นอุบายกับเธอดีกว่า
“ป้าครับ ป้าไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทของหม่ามี๊ผมเหรอ?ทำไมไม่รู้จักพ่อผมล่ะ?”อารัณเอียงศีรษะ น้ำเสียงไร้เดียงสามาก
รอยยิ้มที่มุมปากพิชญาแข็งไปหน่อยๆ ลังเลอยู่ไม่กี่วินาที แล้วก็พูดแถไปว่า“อ้อ ตอนที่หม่ามี๊หนูแต่งงาน ป้าไม่ได้ไป”
โกหกอย่างเห็นได้ชัด อารัณมองทะลุทันที เพราะเขารู้ว่าหม่ามี๊ไม่เคยจัดงานแต่ง
แต่พอเห็นการตอบสนองของพิชญา อารัณก็แอบสงสัยว่า เธอรู้อะไร
แต่เห็นเวลาที่ตัวเองอยู่นี่เริ่มนานแล้ว ไม่แน่ว่าหม่ามี๊อาจจะเริ่มเป็นห่วงตัวเองแล้ว
ดังนั้น อารัณก็ใช้ความฉลาด พูดอย่างเป็นเด็กดีว่า“พ่อผมอยู่ด้านนอก เดี๋ยวผมไปเรียกเขาเข้ามา”
จากนั้น ไม่รอให้พิชญาตอบสนองกลับมา เขาก็หันกลับวิ่งออกไป
พิชญายังรออยู่ที่เดิมถึงสองนาที เห็นอารัณไม่กลับมา เธอจึงออกไปดู แต่คนที่เดินผ่านไปมาด้านนอก ไม่มีเงาของอารัณเลย
แล้วสายตาก็เหลือบมองชายกระโปรงที่มีคราบเปื้อนบนตัว พิชญาจึงเข้าใจขึ้นมาโดยฉับพลัน
เธอโดนเด็กคนหนึ่งหยอก!
อีกด้าน
อารัณวิ่งเข้าไปในฝูงคน เป็นห่วงว่าหม่ามี๊จะรอจนร้อนใจ ดังนั้นท้าวเก้าเล็กๆจึงวิ่งเร็วขึ้นมาหน่อย
ไม่ทันคิดว่า ตอนเลี้ยวโค้ง จะชนคนเข้าให้
“คุณลุง ขอโทษครับ”อารัณเงยหน้าขึ้น ขอโทษด้วยท่าทีจริงใจ
ได้ยิน นัทธีก็ก้มลงมอง
ตอนที่สายตาเย็นชามองใบหน้าเล็กๆของอารัณอย่างชัดเจน ก็อดไม่ได้ที่จะปั่นป่วน
ขณะที่อารมณ์ปั่นป่วน เขาก็รู้สึกว่าทำไมใบหน้าตรงหน้านี้ คุ้นมาก
มารุตที่ตามอยู่ด้านหลังก็ช็อกไป เพราะว่าเด็กผู้ชายคนนี้หน้าตาเหมือนกับประธานของพวกเขามาก!
สบตากันไม่กี่วินาที อารัณเห็นอีกฝ่ายไม่ได้โทษตัวเอง จึงก้าวเท้าออกแล้ววิ่งไปอีกครั้ง
เวลานี้ นัทธีจึงได้สติคืนมา เหมือนว่าเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้าวเท้าออกไป
แต่อารัณที่วิ่งไปสักพักทันใดนั้นเองกลับหยุดฝีเท้าลง หันหน้าไปมอง กลับไม่เห็นเงาของนัทธีแล้ว
คิ้วเล็กๆที่ยกขึ้นตรงปลายนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นสูง ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าลุงคนเมื่อกี๊ที่ชนเข้า ถึงได้หน้าตาเหมือนกับตัวเองมาก?
หลังจากตรวจดูงานที่ห้างสรรพสินค้าเสร็จ นัทธีก็นั่งบนรถที่จะกลับไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
เขาเอนไปที่เบาะนั่ง มองไปนอกหน้าต่าง แต่วิวนอกหน้าต่างไม่เข้ามาสู่สายตาเลยสักนิด ตรงกันข้ามอารมณ์กลับเอาไปไว้อยู่ที่เด็กผู้ชายคนเมื่อกี๊……