พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 907 คำสารภาพของพงศกร
พงศกรหยุดลงตรงหน้าวารุณีไม่กี่ก้าว ดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นมองเธออยู่แบบนั้น ไม่พูดอะไร
วารุณีโดนเขามองก็อึดอัด รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อทันที
แต่ว่าแป๊บเดียว เธอก็ปรับอารมณ์ ส่ายมือไปที่คนใช้ด้านหลัง“คุณลงไปก่อนละกัน ชงชามาหน่อย เอาผูเอ่อร์”
ชาผูเอ่อร์ เป็นชาที่พงศกรชอบกิน
ถึงแม้ในใจจะติดใจต่อเรื่องเหล่านั้นที่พงศกรเคยทำ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พงศกรก็มีพระคุณช่วยชีวิตเธอกับลูกๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้พงศกรก็มาช่วยเหลือด้วย เธอเย็นชากับพงศกรมากไม่ได้
“ค่ะคุณหญิง”คนใช้พยักหน้า หันกลับลงไป
ในห้องรับแขกเหลือแค่วารุณีกับพงศกรสองคน
วารุณีสูดหายใจลึกๆ ทำท่าเชื้อเชิญพงศกร“พงศกร อย่ายืนตรงนั้นเลย รีบมานั่งเถอะ”
พงศกรตอบอือ วางกระเป๋าเดินทางอีกด้าน เดินมานั่งลงตรงข้ามเธอ ดันแว่นที่สันจมูก แล้วจึงมองเธอพูดไปว่า“คุณยังเตรียมชาที่ผมชอบดื่มให้ผมอีก”
วารุณีถามอย่างสงสัย“ทำไมฉันต้องไม่เตรียมด้วยล่ะ?”
พงศกรหัวเราะเบาๆ“เพราะว่าผมรู้สึกได้ว่า คุณรู้สึกซับซ้อนกับผมเล็กน้อย ห่างเหินหน่อยๆ เมื่อก่อนผมเคยทำเรื่องไม่ดีต่อคุณเยอะเลย ผมคิดว่าคุณจะไม่เห็นผมเป็นเพื่อนเสียแล้ว”
ได้ยินคำพูดของเขาแล้ว วารุณีก็ละสายตาลง เงียบลงไปด้วย สักพัก จึงถอนหายใจพูดว่า“นายพูดถูก ในใจฉันไม่ค่อยพอใจนายจริงๆ แต่ฉันก็ยังเห็นนายเป็นเพื่อน ยิ่งไปกว่านั้น นายยังเป็นผู้มีพระคุณของฉันกับลูกของฉัน และแม่ของฉันด้วย และจากสิ่งนี้ แค่นายไม่ทำพวกเราแม่ลูกถึงแก่ชีวิต ฉันก็จะไม่โกรธ ไม่เกลียดนายจริงๆหรอก”
พงศกรตะลึงเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงว่า วารุณีจะอดทนต่อตัวเองสูงมากขนาดนี้
“เหรอ?ถึงแม้เมื่อก่อนผมเคยทำร้ายปาจรีย์ คุณก็ไม่โกรธผมจริงๆเหรอ?”พงศกรมองเธอ
วารุณีพยักหน้า“ใช่ อีกอย่าง ฉันคือฉัน ปาจรีย์ก็คือปาจรีย์ ความบาดหมางระหว่างนายกับปาจรีย์ ก็เป็นเรื่องของพวกนาย พวกนายควรจัดการกันเอง นอกจากว่านายจะทำร้ายความปลอดภัยในชีวิตของปาจรีย์ ไม่อย่างนั้น ฉันก็จะไม่เข้าไปยุ่งหรอก ฉันไม่สามารถรังเกียจนายได้ เพราะว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีกับปาจรีย์ นั่นไม่ยุติธรรมต่อนาย”
พอได้ยิน พงศกรก็รู้สึกอบอุ่นใจ ใบหน้าที่เยือกเย็นก็ผ่อนคลายลง“ขอบคุณนะ”
วารุณีหัวเราะ“นายในตอนนี้ ดูเจริญตากว่าเมื่อก่อนเยอะเลย”
“หมายความว่าไง?”พงศกรขมวดคิ้ว
วารุณีมองเขา“นายในอดีต ถึงแม้จะมีรอยยิ้มเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิอยู่ตลอดเวลา มองดูอ่อนโยนอย่างมาก แต่ฉันมักจะรู้สึกว่ามีตรงไหนผิดไป แต่ก็พูดออกมาไม่ถูก จนสุดท้าย ฉันถึงรู้ว่า ความอ่อนโยนนั้น ก็แค่หน้ากากที่นายสวมไว้เท่านั้น นั่นไม่ใช่นายที่แท้จริง นายที่แท้จริงไม่สวยงามขนาดนั้น กลับกัน ตัวตนนายที่แท้จริงนั้นมืดมนหมองหม่น น่ากลัวมาก ถึงแม้ตัวตนที่แท้จริงของนาย จะทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่มองไปแล้ว อย่างน้อยก็ดูเจริญตา ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกผิดปกติตรงไหน”
พงศกรหัวเราะเหอะๆ“คุณพูดแบบนี้ ไม่กลัวผมไม่พอใจเหรอ?”
วารุณีส่ายหน้า“นายไม่เป็นแบบนั้นหรอก ฉันเข้าใจนาย ในเมื่อนายกล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และเลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไปด้วยความจริงแล้ว ฉันก็รู้ว่า นายไม่ใช่คนใจแคบอย่างนั้น และพงศกรที่ฉันรู้จัก ถึงแม้จะนิสัยแย่ไปหน่อย แต่ว่าเขาก็เป็นคนดี”
พงศกรเงียบลง สักพัก จึงพูดใหม่อีกครั้ง“ขอโทษนะ ผมอาจจะ ไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิด ผมไม่ใช่คนดีอะไร ผมช่วยคุณไว้น่ะใช่ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ลงมือกับพวกคุณ”
วารุณีละสายตาลง“ฉันรู้ว่า ตอนนั้นคนที่จับตัวอารัณไปคือนาย และนายทำให้อารัณประสบอุบัติเหตุ”
ใบหน้าพงศกรไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นัก
ตอนนี้ เขาก็รู้ดีว่า เธอน่าจะรู้เรื่องนี้
ยังไงนวิยาก็ตายแล้ว ก่อนนวิยาตาย จะต้องพูดเรื่องพวกนี้ออกมาแน่ มาทำให้เธอรังเกียจ
“ฉันอยากรู้ว่า ทำไมนายถึงทำแบบนี้?”วารุณีกำฝ่ามือ มองคนตรงข้ามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
โอเค ที่จริงเธอจงใจ
จงใจพูดว่าเขาเป็นคนดี เธอยังคงเห็นเขาเป็นเพื่อน ก็เพื่อ กระตุ้นความอ่อนนุ่มในใจเขา
แค่ในใจเขาประทับใจ กับที่เธอพูด งั้นคำตอบที่เธออยากรู้ ก็ง่ายมาก
แต่ว่า ตอนที่ตัดสินใจกระตุ้นด้านที่อ่อนนุ่มในใจเขา ในใจเธอก็ยังกระสับกระส่ายอยู่ เพราะเธอไม่รู้ว่า ตัวเองจะทำสำเร็จไหม
ยังไง เธอรู้สึกกับพงศกรในตอนนี้ ที่จริงก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่
แต่ดีที่ เขาเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่ความอ่อนโยนในใจยังอยู่ เธอทำสำเร็จ
พงศกรมองหญิงสาวที่ดูตื่นเต้น ริมฝีปากบางๆเม้มลง ไม่พูด
วารุณีร้อนใจ ตัวค่อยๆโน้มไปด้านหน้า“พงศกร ฉันขอร้องล่ะนายบอกฉันได้ไหม?เห็นแก่ที่พวกเราเป็นเพื่อนกัน เห็นแก่ที่นายเป็นพ่อบุญธรรมของลูกทั้งสองคนของฉัน นายบอกคำตอบฉันได้ไหม?นายรู้ไหม ตอนที่อารัณรู้เรื่องนี้ ว่านายเป็นคนทำ ในใจเสียใจมาก ตอนที่ไม่รู้ว่านัทธีคือพ่อเขา เขาเห็นนายเป็นพ่อจริงๆ พงศกร……”
เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้นเล็กน้อย
พงศกรมองเธอที่จะร้องไห้ ริมฝีปากบางๆก็ขยับ สุดท้ายจึงถอนหายใจ“โอเค ผมจะบอกคุณ”
เขาปล่อยวางแล้ว
เขารู้ว่าคนที่ตัวเองรักไม่ใช่ผู้หญิงตรงหน้านี้ แน่นอนว่า เขาควรจะชดเชย ขอโทษ ต่อสิ่งที่ตัวเองทำไปทั้งหมด และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเธอในอดีต
เมื่อก่อนเขาไม่เคยอธิบายให้เธอ ต่อเรื่องเหล่านั้นที่ตัวเองเคยทำเลย
งั้นตอนนี้ก็ทำให้เธอ เพราะที่จริงก็เป็นสิ่งที่เขาติดค้างเธออยู่แล้ว
ส่วนเธอจะยกโทษให้หรือไม่นั้น ที่จริงไม่สำคัญ
ได้ยินพงศกรยอมบอกตัวเอง ดวงตาวารุณีก็เป็นประกาย ในเบ้าตาแดงๆที่เปียกชื้น เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“โอเคๆๆ คุณรีบบอกมา รีบบอกมาสิ”วารุณีตื่นเต้นจนมือสั่น
พงศกรรับถ้วยชาที่คนใช้ยื่นมาให้ กำอยู่ในมือแน่นๆ“ผมทำเพราะ ให้คุณไปจากจังหวัดจันทร์”
“ให้ฉันไปจากจังหวัดจันทร์?”วารุณีตะลึงเล็กน้อย ดูชัดเจนว่าคิดไม่ถึง
เขาจับอารัณไป ทำให้อารัณประสบอุบัติเหตุ ก็เพื่อให้เธอไปจากจังหวัดจันทร์เนี่ยนะ?
ใบหน้าวารุณีเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
พงศกรรู้ว่า เขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดตัวเอง คิดว่าคำพูดของตัวเอง เหลือเชื่อเล็กน้อย
ก็ใช่ ใครจะไปเอาเรื่องลักพาตัวและอุบัติเหตุ โยงไปถึงเป้าหมายแค่อยากให้เธอไปจากที่นี่กัน?
“ที่ผมพูดเป็นความจริง ไม่ได้หลอกคุณ”พงศกรถอนหายใจ จากนั้นมองวารุณี“เมื่อก่อนคุณน่าจะ ตอนที่ผมรักคุณก่อนหน้านี้ น่าจะพูดว่า ผมไม่รู้จักความรู้สึกของตัวเอง ผมคิดว่าคนที่ตัวเองรักคือคุณ”
วารุณีกัดริมฝีปาก ตอบอือ
“ตอนนั้น คุณกลับประเทศมาไม่นาน”พงศกรละสายตาลงไป ลูบไล้ขอบถ้วยชาในมือ ท่าทางดูเย็นชาเล็กน้อย “ที่จริงตอนคุณตัดสินใจกลับประเทศ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่คุณกลับมา ตอนนั้น ในใจผมมีเสียงบอกผมว่า ที่คุณกลับประเทศนี้ ก็จะไม่ไปจากอีกแล้ว เสียงนี้ ทำใหเผมรู้สึกตื่นตระหนก กลัวมาก ผมกลัวว่าคุณจะอยู่จังหวัดจันทร์ไม่ไปไหน แต่สุดท้ายความจริงก็พิสูจน์ว่า สัญชาตญาณของผมถูกต้อง คุณอยู่ต่อจริงๆ”
วารุณีเม้มริมฝีปาก ไม่พูด
พงศกรก็ไม่ถือสา พูดไปอีกว่า:“เพราะว่าตอนนั้น ผมรู้สึกว่าผมรักคุณมาก ดังนั้นพอคุณกลับประเทศมา ที่จริงแล้วผมให้คนจับตาดูคุณตลอด ดังนั้นช่วงนั้นที่คุณกลับประเทศ ผมรู้ทุกการเคลื่อนไหวของคุณ”
“อะไรนะ?”วารุณีเบิกตาโตด้วยความตกใจ