พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 908 เพราะว่าอยากให้คุณไป
พงศกรไม่แปลกใจกับการตอบสนองของเธอ เพราะว่าทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของเขา
“นายให้คนมาติดตามฉัน?”วารุณีกัดริม รับไม่ได้เล็กน้อย
พงศกรไม่พูดอะไร“ใช่ ผมให้คนติดตามคุณ ขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอกคุณเลย”
วารุณีละสายตาลง ไม่พูดจา
เธอจะพูดได้อย่างไรล่ะ?
ตอนนี้เธอโกรธมาก!
ยังไง ก็ไม่มีใครชอบที่ถูกคนมาติดตาม
นี่เหมือนกับตัวเองเป็นนักโทษ
สรุปคือ ในใจรำคาญสุดๆ
วารุณีเม้มริมฝีปากแดงๆ การแสดงออกบนใบหน้าไม่ค่อยดีนัก
พงศกรก็รู้ว่าวารุณีโกรธ และก็เข้าใจมาก ยังไงก็เป็นความผิดของเขาเอง
เขาดื่มชา แล้วพูดต่อไปว่า:“เพราะว่าให้คนติดตามคุณอยู่ตลอด ดังนั้นช่วงหลังที่คุณกลับประเทศไปแล้ว คุณเป็นอย่างไรบ้าง เจอคนแบบไหนบ้าง ผมรู้หมด ที่จริงผมไม่คิดจะไปจังหวัดจันทร์ แต่ต่อมาจู่ๆดันกลับประเทศไปจังหวัดจันทร์กับคุณ คุณรู้ไหมว่าทำไม?”
วารุณีเงียบไปสักพักก่อน เหมือนกำลังคิดอะไร แต่แป๊บเดียว เธอก็คิดได้ แล้วเงยมองเขา“เพราะว่านัทธี!”
ตอนนั้น พงศกรคิดว่าตัวเองรักเธอ
ดังนั้น นอกจากนัทธีแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขาถึงรีบร้อนกลับมา
ยังไงตอนนั้น เธอก็ใกล้ชิดกับนัทธี
แน่นอนว่า ไม่ใช่ว่ามีอะไรกับนัทธีหรอก แค่เพราะว่าเธอรับโครงการเดินแบบอันหนึ่งที่ตอนนั้นนัทธีเพิ่งเปิดบริษัทเครื่องแต่งกาย ดังนั้น เธอจึงต้องใกล้ชิดกับนัทธีอย่างเลี่ยงไม่ได้
ส่วนพงศกรคิดว่าตัวเองรักเธอ เห็นข้างกายเธอมีชายคนหนึ่งปรากฏตัว จะไม่แคร์ได้ไงกันล่ะ
“ใช่”อย่างที่คิดไว้เลย คำพูดของวารุณีได้รับการยืนยัน พงศกรพยักหน้ายอมรับ“เป็นเพราะว่านัทธีจริงๆ ดังนั้นผมเลยรีบลาออกจากงานที่ต่างประเทศแล้วกลับจังหวัดจันทร์ ผมได้ยินว่าคนที่ให้ไปเฝ้าดูคุณพูดว่า คุณใกล้ชิดกับชายคนหนึ่ง ตอนนั้นถึงผมจะแคร์ แต่ไม่ได้ตัดสินใจกลับมาทันที เพราะผมเชื่อคุณ ไม่สนใจผู้ชายง่ายๆ จนกระทั่งผมเห็นคนที่เฝ้าตามคุณ ส่งรูปของนัทธีมาให้ ผมก็ตกใจไปหมด เพราะว่าหน้าตาของนัทธี เหมือนกับอารัณอย่างมาก”
“นายสงสัยว่าพวกเขาคือพ่อลูกกัน ตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ?”วารุณีตกใจ
พงศกรหัวเราะ“นี่ไม่เห็นมีอะไรน่าตกใจไม่ใช่เหรอ?คนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันมาก ยากที่จะไม่ให้คนสงสัยความสัมพันธ์ของพวกเขา คุณตั้งท้องที่จังหวัดจันทร์อยู่แล้ว ห้าปีจากนั้นกลับไปที่จังหวัดจันทร์ ก็เจอผู้ชายที่หน้าตาเหมือนลูกตัวเองมากแบบนี้ ผมเลยสงสัยว่า เขาใช่พ่อแท้ๆของเด็กสองคนนี้ไหม และผมรู้ว่า คุณรู้สึกผิดอย่างมากมาตลอดที่ไม่ได้ให้ความรักของพ่อแก่เด็กทั้งสองคน ดังนั้นถ้าคุณรู้ว่า นัทธีอาจจะเป็นพ่อของเด็กทั้งสองคน คุณจะต้องสนใจนัทธี และสุดท้ายต้องรักแน่ ผมไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบนั้น ดังนั้นผมจึงรีบกลับมา คิดไม่ถึงว่า……”
เขายกมุมปากขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย ไม่พูดอะไร
วารุณีกลับรู้ว่าต่อไปเขาอยากพูดอะไร
เขาอยากพูดว่า คิดไม่ถึงว่าวันแรกที่รีบกลับมา จะได้เห็นนัทธีเลย
นัทธีกำลังส่งพวกเขาสามคนแม่ลูกกลับคอนโด
เวลานั้น ทั้งสองคนเงียบลง ไม่มีใครพูด
ผ่านไปสักพัก พงศกรวางถ้วยชาลง เติมชาให้ตัวเอง แล้วจึงพูดต่อว่า:“อารัณฉลาดมาก ความฉลาดของเขาเกินกว่าที่ผมคิด ผมเป็นหมอด้านสมองอยู่แล้ว ดังนั้นผมเจอเด็กฉลาดเยอะมาก แต่คนที่ฉลาดแบบอารัณนี้ ผมเจอเป็นคนแรก ตอนที่ผมเห็นนัทธี ก็สงสัยว่านัทธีเป็นพ่อของเด็กทั้งสองคนไหม ขณะเดียวกัน ตอนที่อารัณเห็นนัทธี ก็สงสัยเช่นกัน วันแรกที่ผมกลับประเทศ อารัณก็เอาผมของเขากับนัทธีให้ผม ให้ผมตรวจดีเอ็นเอให้เขา”
“ฉันรู้ อารัณเคยบอกฉัน แต่สุดท้ายผลตรวจดีเอ็นเอออกมา ไม่ใช่พ่อลูกกัน”วารุณีพยักหน้าแล้วพูด
ส่วนทำไมไม่ใช่พ่อลูกกันนั้น เธอรู้คำตอบแล้ว
ถูกเขาเปลี่ยนสินะ
ความจริงพิสูจน์ว่า วารุณีคิดถูก พงศกรมองเธอ“ผมไม่อยากให้พวกคุณรู้ว่า นัทธีเป็นพ่อของเด็กสองคนนี้จริงๆ เพราะผมรู้ว่า แค่เพียงพวกคุณรู้ ก็เป็นไปได้มากที่ครอบครัวจะกลับมารวมตัวกัน ดังนั้นผลออกมา ผมจึงแปลงผล ดังนั้นอารัณจึงเห็นว่า พวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ”
“ฉันเดาไว้แล้ว”วารุณีทัดผมไว้ข้างหู พูดอย่างหัวเราะเบาๆ
จะให้เธอโกรธเหรอ?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะโกรธมากจริงๆ
แต่ตอนนี้เธอไม่โกรธแล้ว ไม่มีความหมาย
ยังไง ครอบครัวพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันแล้ว งั้นก็ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอดีตไม่ปล่อย
“ที่จริงแล้ว ตอนแรกนัทธีเห็นอารัณ ก็สงสัยว่าพวกเขาใช่พ่อลูกกันไหม และก็แอบตรวจดีเอ็นเอ แต่ผลนั้นถูกพิชญาเปลี่ยน”จู่ๆพงศกรก็พูดอีก
วารุณีตะลึงเล็กน้อย
ตอนนี้ เรื่องนี้ เหมือนเธอจะยังไม่ค่อยเข้าใจ
แต่ก็ไม่เป็นไร ก็ยังคำเดิม มันผ่านไปแล้ว
สุดท้ายพวกเขาก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว
“พวกนี้ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือ นายจับอารัณไปทำไม นายยังไม่บอกฉันเลย?”วารุณีมองพงศกร แล้วถามอีกครั้ง
พงศกรลูบขมับ“ผมคิดว่า ผมไม่ให้พวกคุณรู้ ความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองกับนัทธี พวกคุณก็จะไม่เกี่ยวข้องกับ นัทธีอีก พอคุณทำโครงการนั้นเสร็จ ก็จะพาเด็กทั้งสองไปจากจังหวัดจันทร์ แต่ผมไม่คิดเลยว่า ถึงพวกคุณไม่รู้ความสัมพันธ์ของนัทธีกับเด็กทั้งสอง คุณก็ยังติดต่อกับนัทธีอยู่ และยังจะอยู่พัฒนาความสัมพันธ์กันที่นี่ด้วย”
“คุณว่า ผมจะยอมได้ไงล่ะ?”เขามองเธอ“คุณอยู่ที่นี่ หมายความว่าความสัมพันธ์ของเด็กๆกับนัทธี ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเปิดโปง ปิดบังไปตลอดชีวิตไม่ได้ ดังนั้นผมเลยให้คนพาอารัณไป ผมไม่ได้จะลักพาตัวเขาไปเลย”
วารุณีกำฝ่ามือแน่น“นั่นไม่ได้เรียกลักพาตัวอีกเหรอ?คุณทำให้อารัณประสบอุบัติเหตุ เขายังเด็กขนาดนั้น ประสบอุบัติเหตุมันน่ากลัวมาก หากไม่ระวัง ทำคนถึงตายได้ คุณเกือบทำให้อารัณเสียชีวิตเลยนะ?”
เธอมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ อารมณ์ก็เริ่มร้อนใจ
พงศกรละสายตาลง“ขอโทษนะ แค่ผมไม่ได้จะจับตัวอารัณไปจริงๆ และก็ไม่เคยคิดจะให้อารัณประสบอุบัติเหตุ ผมแค่อยากเอาอารัณไปก่อน ไปที่ต่างประเทศ จากนั้นค่อยแอบบอกร่องรอยของอารัณแก่คุณ เพื่ออารัณแล้ว คุณต้องตามไปต่างประเทศแน่ ผมแค่อยากให้คุณไปจากจังหวัดจันทร์เท่านั้น แค่คุณไปจากจังหวัดจันทร์ ผมก็มีวิธีทางให้คุณอยู่ที่ต่างประเทศ ผมไม่คิดจะทำร้ายอารัณจริงๆ ประสบอุบัติเหตุนั้น เป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริงๆ ผมไม่คิดว่าพอคนขับรถพาอารัณไปแล้ว ระหว่างทางจะประสบอุบัติเหตุได้ ผมพูดความจริง”
เขาเงยหน้าขึ้นมา มองเธออย่างจริงจัง
เขาไม่ได้โกหกจริงๆ แค่อยากใช้อารัณเป็นตัวตั้งต้น ที่ทำให้เธอไป ไปที่ต่างประเทศก็เท่านั้น ไม่คิดจะจับตัวอารัณ หรือทำร้ายอารัณ
พอรู้ว่าแผนการล้มเหลว ตอนที่อารัณประสบอุบัติเหตุ เขาก็เสียใจ และเป็นห่วงมาก
ถึงแม้เขาจะร้ายกาจต่อใครๆ แต่ไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกต่ออารัณ ยังไงอารัณก็เรียกเขาว่าพ่อบุญธรรมมาหลายปี และก็เติบโตมาในสายตาของเขา
เขาเย็นชา แต่ไม่ได้เย็นชาขนาดว่าให้อารัณถึงกับต้องตาย ดังนั้นพอรู้ว่าอารัณประสบอุบัติเหตุ เขาก็รีบไปโรงพยาบาล ตรวจดูว่าอารัณเป็นอะไรไหม
วารุณีกัดริมฝีปากไม่พูด
เธอรู้อยู่แล้วว่าพงศกรไม่ได้โกหก พูดอย่างจริงจังทั้งหมด