พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 922 ความอยากรู้อยากเห็นอันแรงกล้า
คำว่า “ของขวัญ” ถูกผู้หญิงคนนี้เน้นเป็นพิเศษถึงขนาดได้ยินถึงเลศนัยอยู่
ของขวัญชิ้นนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ของขวัญที่ดี
พงศกรวางถ้วยน้ำชาลง แล้วมองดูไปตามเสียง ก่อนจะเห็นว่าผู้หญิงที่พูดคือคนที่เขาพบที่ทางเข้าบันไดบนชั้นสองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เหมือนจะชื่อว่าลีน่า
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อมาก่อน
ผู้หญิงคนนี้เป็นนักออกแบบเครื่องประดับ และสถานะของเธอเกือบจะเหมือนกับวารุณีในอุตสาหกรรมการออกแบบแฟชั่น เธอเป็นเพื่อนของ วารุณีกับปาจรีย์
ดังนั้นเขาถึงเคยได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้
ยังไงก็ตามมันก็เป็นแค่เพียงการเคยได้ยินชื่อเท่านั้น เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้มากนัก
ดังนั้นพงศกรจึงเหลือบมองที่ลีน่าแค่แวบเดียวแล้วจึงหันกลับมาดื่มชาอย่างช้าๆต่อ
เนื่องจากเขาเป็นหมอ เขามักจะต้องผ่าตัด ดังนั้นเขาจึงดื่มไม่ได้ นานๆทีดื่มหนึ่งครั้งเท่านั้น แต่ต้องตรวจสอบตารางงานของเขาด้วยในช่วงไม่กี่วันว่ามีผ่าตัดไหม ถ้ามีก็ดื่มไม่ได้
เพราะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าแอลกอฮอล์จะขับออกจากเลือดในร่างกายได้ทั้งหมด
ดังนั้นสิ่งที่เขามักจะดื่มมากที่สุดคือน้ำเปล่าและชา เขาไม่ค่อยดื่มน้ำผลไม้เช่นกัน น้ำผลไม้บางชนิดจะหมักในท้องหลังดื่ม
เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ตกหลุมรักการดื่มชา บางครั้งตอนไปทำศัลยกรรมที่อื่น เขาก็มักจะซื้อชาดีๆให้ตัวเอง
แต่แม้ว่าเขาจะรวยและสามารถซื้อใบชาล้ำค่าได้มากมาย แต่ชาพวกนั้นก็ยังห่างไกลกับชาของนัทธีนัก
ชาบางชนิดมีราคาแพงมากจนแม้แต่เขาจะซื้อยังต้องคิดแล้วคิดอีก และซื้อมากไม่ได้ ทำได้เพียงซื้อเล็กน้อยเพื่อลองเท่านั้น
เช่นเดียวกับชาที่เขาดื่มตอนนี้ มันเป็นชาต้นตำรับราคาสูงลิบและรสชาติดีมาก
แต่มันแพงเกินไป เขาไม่ได้ซื้อเป็นครั้งที่สอง แต่ไม่เคยลืมมันเลย
คิดไม่ถึงว่าสำหรับที่นี่ นัทธีใช้ชานี้เป็นชาธรรมดาสำหรับรับแขก
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่นัทธีจะต้องมีชาล้ำค่ามากมาย
ถ้าเขาได้ชาติดมือกลับไปบ้าง…
เมื่อคิดถึงท่าทางที่เป็นไปได้ของนัทธี เมื่อเขาได้ชากลับไป ริมฝีปากบางๆของพงศกรก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
ลีน่าไม่ได้ยินคำตอบจากคำพูดของเธอ ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเธอจึงจางลงมาก แล้วรีบเดินไปที่โซฟา
เมื่อเธอเดินไปที่โซฟา เธอก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนโซฟานั้นไม่ใช่วารุณีหรือนัทธี แต่เป็นชายที่เธอพบบนชั้นสองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ทำให้เธอเกิดความประหลาดใจขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
แม้ว่าเธอจะรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ลีน่าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา เธอยิ้มอย่างสุภาพ “สวัสดี คุณคือคุณหมอพงศกรใช่มั้ยคะ”
เธอยื่นมือออกไป
แม้ว่าในใจจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้ แต่ก็ต้องแสดงสีหน้าให้ดี
พงศกรมองดูรอยยิ้มของผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบเขา แต่เธอก็แสร้งทำเป็นเป็นคนจิตใจดี ทั้งที่ในใจหยิ่งยโส
ผู้หญิงที่ยืดหยุ่นได้แบบนี้หาเจอได้ไม่ง่ายนัก
ริมฝีปากบางของพงศกรยกยิ้มเยาะเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หายไป
ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายื่นมือออกมาจับมือกับลีน่า “สวัสดี คุณลีน่าใช่ไหมครับ”
เขาไม่ได้เปิดเผยธาตุแท้ของลีน่า แต่ทักทายเธออย่างเรียบเฉย
สรุปแล้วสองคนนี้ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแสดงทั้งคู่
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือทักษะการแสดงที่มีขั้นสูงและต่ำ ฝีมือของลีน่าต่ำกว่าพงศกรอย่างเห็นได้ชัด
อย่างน้อยพงศกรก็สามารถมองออกว่าลีน่ากำลังแสดงอยู่ แต่ลีน่ามองเขาไม่ออก
หลังจากที่ทั้งสองจับมือกัน พวกเขาก็แยกจากกัน
ลีน่านั่งลงบนโซฟาตรงข้ามพงศกร “หมอพงศกร แล้ววารุณีล่ะ”
เธอถาม
พงศกรยังคงดื่มชาอย่างใจเย็น
เป็นเรื่องยากที่จะได้ดื่มชาล้ำค่าอย่างนี้อีก ทำไมไม่ดื่มให้มากตอนที่อยู่ที่นี่ล่ะ
จะเป็นยังไงถ้านัทธีเกิดขี้เหนียว แล้วไม่ยอมให้เขาเอาชากลับไป
“ทั้งสองคนอยู่ในครัว” พงศกรตอบเบาๆด้วยริมฝีปากบาง
“ในครัว” ลีน่าตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมองไปทางครัว “คุณนัทธีกลับมาแล้วเหรอคะ”
“ใช่” พงศกรยกคางขึ้น
ลีน่านึกไม่ออกเลย “ทำไมพวกเขาถึงอยู่ในครัวในเมื่อไม่มีอะไรทำ หรือพวกเขาจะทำอาหารเย็นเองคืนนี้”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ สมองของพงศกรก็นึกภาพตอนนัทธีสวมผ้ากันเปื้อนและทำอาหารขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถกลั้นได้จึงหลุดออกมา
ลีน่าตกใจมองเขาอย่างรวดเร็ว “เป็นอะไรคะหมอพงศกร”
พงศกรหลับตาลงเพื่อซ่อนรอยยิ้มในดวงตาของเขา “ไม่เป็นไร ผมสำลัก”
“อ้อ” ลีน่าพยักหน้า และไม่ถามคำถามใดๆอีก เธอแค่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้แปลกๆ
ดื่มชาอยู่ดีๆยังสำลักได้
แม้ว่าเธอจะบ่น แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
เธอไม่ใช่คนโง่ บ่นก็บ่นในใจ ถ้าเธอพูดไป คงทำให้คนอื่นขุ่นเคือง
“พวกเขาไม่ได้กำลังทำอาหาร” ราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าลีน่ากำลังคิดอะไรอยู่ พงศกรวางถ้วยน้ำชาลงและเช็ดมุมปากของเขาอย่างสง่างามพร้อมตอบว่า “พวกเขาแค่ไปที่ห้องครัวและบอกกับพ่อครัวว่าคืนนี้ทำกับข้าวอะไรก็เท่านั้น คืนนี้เขาจะเลี้ยงต้อนรับผม”
“อย่างนี้นี่เอง” ลีน่าพยักหน้าทันที
แต่เธอก็ยังรู้สึกแปลกใจ รับแขกไม่ต้องเข้าไปสั่งพ่อครัวถึงสองคนก็ได้
เธอเชื่อว่าวารุณีจะทำอย่างนั้น
ถึงชายคนนี้จะทำร้ายปาจรีย์ และทำเรื่องเลวร้ายอื่นๆ แต่เขาก็มีพระคุณที่ช่วยชีวิตวารุณี เธอจึงให้โอกาสเขา
แถมวารุณีก็เป็นคนใจดีอยู่แล้ว
จึงไม่แปลกที่วารุณีจะต้อนรับเขา
แต่สำหรับนัทธีจะเป็นไปได้ยังไง
นัทธีไม่ใช่วารุณี
แม้แต่คนนอกอย่างเธอยังรู้ว่าคุณนัทธีเกลียดพงศกรมากแค่ไหน ดังนั้นเขาไม่มีวันต้องรับพงศกรแน่
แม้วารุณีจะอยากต้อนรับผู้ชายคนนี้ นัทธีก็ทำได้เพียงแค่เห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจ เขาไม่มีทางไปห้องครัวเพื่อสั่งพ่อครัวให้เตรียมอาหารอย่างดีเพื่อพงศกรแน่
ต้องมีเหตุผลอื่น
ลีน่ากลอกตาแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว
เมื่อเห็นสิ่งนี้พงศกรเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้หยุดเธอ
เขาไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ และผู้หญิงคนนี้ก็เฉยๆต่อเขา แล้วทำไมเขาต้องไปใส่ใจเธอด้วย
ดังนั้นพงศกรจึงถอนสายตาของเขา และดื่มชาต่อไป
อีกฝั่ง ลีน่าเดินมาที่ห้องครัวด้วยความสงสัยตลอดทาง
ทันทีที่เดินไปที่ประตูห้องครัว เธอก็ได้ยินเสียงแปลกๆมาจากห้องครัว
เธอบอกไม่ถูกว่าเสียงเป็นยังไง แต่ฟังดูเร่าร้อน แต่ก็ทำให้คนหน้าแดงอย่างอธิบายไม่ได้
เธอสัมผัสใบหน้าที่ร้อนระอุ และสัมผัสหัวใจที่เต้นเร็วของตัวเอง
ลีน่าเริ่มเข้าใจแล้วว่าเสียงนี้คืออะไร และเข้าใจด้วยว่าเธอไม่ควรเดินหน้าต่อไป
แต่ผู้คนมักถูกขับเคลื่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น และพวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะเห็นจุดสิ้นสุด
ดังนั้นลีน่าจึงไม่เพียงไม่จากไปในทันที แต่ยังเดินหน้าต่อไปด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด
ประตูห้องครัวไม่ได้ปิด ดังนั้นเมื่อลีน่าเดินมาถึงประตู เธอเห็นฉากภายในห้องครัวอย่างชัดเจน
เธอเห็นร่างสูงหันหลังเข้าหาเธอ ผลักร่างเล็กชนเข้ากับผนังห้องครัวแล้วจูบเธออย่างแรง
ร่างสูงนั้นไม่เพียงแต่จูบอย่างร้อนแรงเท่านั้น แต่ยังการกระทำอย่างมีพลังอีกด้วย