พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 94 ชดใช้ค่าเสียหาย
วารุณีไม่ได้พูดมากความอะไรกับนางขยานี โยนซองเอกสารในมือไปตรงหน้าของเธอทันที
เสียงดังปัง
นางขยานีถึงกับตกใจ ร่างทั้งร่างสั่นไหว “เธอทำอะไรของเธอ?”
วารุณีเหลือบมองไปที่เธอแวบหนึ่ง “เปิดดูสิคะ”
แม้ว่านางขยานีจะไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่ก็วางตะเกียบลงแล้วหยิบซองเอกสารขึ้นมา จากนั้นก็หยิบของข้างในนั้นออกมา มองไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอก็ซีดเผือด เหงื่อเย็นผุดออกตามหน้าผาก
“เป็นอะไรไปคุณ?” นายสุภัทรเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
นางขยานีอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
สายตาของนายสุภัทรก็มองไปที่ซองเอกสารในมือของเธอ “ ของอะไรทำไมคุณถึงตกใจขนาดนี้ ไหนขอผมดูหน่อย”
เขาเอื้อมมือจะไปหยิบมัน
นางขยานีก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วหยิบซองเอกสารนั้นไปไว้ด้านหลัง “ไม่ได้ คุณดูไม่ได้ !”
นายสุภัทรคิ้วขมวด รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
วารุณียิ้มเยาะ “คุณพ่อ ในเมื่อเธอไม่ให้พ่อดู งั้นหนูจะบอกพ่อเองว่าข้างในนั้นมันมีอะไร”
“หุบปาก!”รูม่านตานางขยานีหดเกร็ง แล้วร้องห้ามเธอเอาไว้
วารุณีไม่ได้สนใจนางขยานี พูดออกมาโต้งๆว่า“ในนั้น เป็นหลักฐานการจ้างวานชิงทรัพย์ และจ้างวานฆ่าของคุณน้าขยานี !”
“อะไรนะ?”ใบหน้าของนายสุภัทรกระตุก มองไปยังนางขยานีอย่างไม่อยากเชื่อ “บอกฉันมา ที่วารุณีพูดมันจริงไหม ?”
“ไม่ใช่แน่นอน จะเป็นเรื่องจริงได้ยังไง” นางขยานีรีบปฏิเสธทันที แต่ความลนลานบนใบหน้า และอาการร้อนตัวของแววตา ก็ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้
ถึงนายสุภัทรจะแก่แล้วแต่ก็ยังมีไหวพริบ จะมองไม่ออกได้ยังไง ถึงกับแน่นหน้าอก “เอาซองเอกสารนั้นมาให้ฉัน”
“ไม่……”
นางขยานียังคงปฏิเสธ ดวงตาของวารุณีหรี่ลง ก้าวไปข้างหน้าแล้วแย่งเอาซองเอกสารนั้นมา ยื่นให้กับนายสุภัทร “คุณพ่อ อะนี่”
นายสุภัทรมองไปยังวารุณีที่ยืนยิ้มแฉ่ง แล้วรับเอาซองเอกสารนั้นมา
“คุณค่ะ……”นางขยานีร้อนรนขึ้นมาทันที
นายสุภัทรไม่ได้สนใจเธอ หยิบเอกสารในซองออกมาดู หลังจากที่ดูเสร็จ ก็ผ่อนลมหายใจยาวๆเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็ชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่เธอ“ คุณมันผู้หญิงอำมหิต ช่างกล้ามาก!”
ไม่เพียงแต่ไปข้องเกี่ยวกับพวกอันธพาลเหล่านั้น ยังทำข้อตกลงกัน ให้พวกอันธพาลที่ปล้นวารุณีไม่สำเร็จ หาวิธีทำให้เธอขาดอากาศหายใจจนตาย ช่างอำมหิตจริงๆ !
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบลูกสาวคนนี้เท่าไร แต่ยังไงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ไม่สมควรที่จะต้องมาถูกทำร้ายถึงขั้นเอาชีวิต !
เห็นชัดว่าครั้งนี้นายสุภัทรโมโหจริงๆ นางขยานีก็หวาดกลัว จนริมฝีปากสั่นเทา “ที่รัก ฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้ เป็นเพราะเธอ หากไม่ใช่เพราะเธอรีดไถเอาเงินสามล้านของฉัน ฉันก็คงไม่ทำเรื่องพวกนี้ เป็นเพราะฉันถูกบีบบังคับ!”
เธอโยนความผิดให้กับวารุณี
วารุณียิ้มเยาะ แล้วมือกอดอก“คุณน้าขยานี ฉันยอมรับว่าฉันเอาเงินสามล้านของคุณไป แต่เอาไปเพราะอะไร คุณไม่รู้สาเหตุเลยเหรอ หากไม่ใช่เพราะน้องชายห่างๆของคุณมาลวนลามฉัน ฉันจะทำอย่างนี้เหรอ ?”
“น้องชายห่างๆ?”นายสุภัทรจับใจความสำคัญตรงจุดนี้ นัยน์ตาก็เกิดความสงสัย
แววตาวารุณีฉายแสงสลัว เธอพยักหน้าซ้ำๆ “ใช่ค่ะพ่อ เป็นน้องชายห่างๆของคุณน้าขยานี พ่อไม่รู้อะไร คุณน้าเธอดีกับน้องชายห่างๆคนนี้มาก สองวันก่อนยังพากันไปซื้อรถอยู่เลย รถเบนท์ลีย์ราคาเป็นล้าน”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง สองวันก่อนคุณมาขอเงินผมห้าล้าน บอกว่าจะลงทุนทำคลินิกเสริมความงามกับคุณหญิงธัญญรัตน์ ที่แท้ก็เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น แต่เอาเงินไปซื้อรถให้น้องชายห่างๆคนนั้น”นายสุภัทรชี้ไปที่จมูกของนางขยานีด้วยความโกรธ
นางขยานีผละสายตาออกไปอย่างรู้สึกผิด“ ฉัน……ก็ฉันเป็นพี่สาวของเขา”
“หึ พี่สาวอย่างคุณนี่ก็ช่างใจกว้างจริงๆ คุณก็รู้ดีว่าตระกูลศรีสุขคําของเราตอนนี้ลำบากแค่ไหน เงินห้าล้านนั้นผมเจียดออกมาให้ เพราะคุณบอกว่าคลินิกเสริมความงามของคุณหญิงธัญญรัตน์นั้นจะทำกำไรได้มากมาย แต่แล้ว……”
“คุณพ่อ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้”วารุณีพูดขัดนายสุภัทรขึ้นมา มองไปที่นางขยานีอย่างยิ้มเย้ย “ประเด็นสำคัญอยู่ที่น้องชายห่างๆของคุณน้าขยานี คุณน้าเขาไม่มีญาติที่ไหนแล้วไม่ใช่เหรอคะ แล้วจู่ๆจะมีน้องชายห่างๆโผล่มาได้ยังไง?”
“อืมใช่!” นายสุภัทรถูกทักขึ้นมา
สีหน้าของนางขยานีก็ยิ่งซีดลงไปอีก รีบหาข้อแก้ตัวอธิบายทันที“เมื่อก่อนไม่ได้มีญาติที่ไหน แต่น้องชายคนนี้เขามาหาฉันเอง ฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าเขาเป็นลูกชายคนเล็กที่หายตัวไปของลุงฉัน ที่รักคุณเองก็รู้ ที่บ้านแม่ฉันไม่มีใคร ตอนนี้มีญาติเพิ่มมาอีกคน ก็ต้องดูแลกันเป็นเรื่องปรกติ”
“ที่คุณพูดมามันก็ถูก”นายสุภัทรพยักหน้ารับ ฟังแล้วก็รู้สึกค่อนข้างมีเหตุผลอยู่บ้าง
นางขยานีถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่วารุณีแวบหนึ่ง
วารุณียิ้มให้เธอ ไม่ได้เปิดเผยธาตุแท้ของเธอ
เพราะตอนนี้ยังไม่มีแผน ที่จะให้นายสุภัทรรู้เรื่องที่นางขยานีมีชู้
“คุณพ่อ”วารุณีเก็บรอยยิ้ม แล้วเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ ที่หนูมาที่นี่ ก็เพื่อมาเรียกร้องความยุติธรรมกับสิ่งที่คุณน้าขยานีทำลงไป พ่อคิดว่าควรจะจัดการยังไงคะ ?”
นายสุภัทรกระแอมไอออกมาเสียงเบา “แล้วเธออยากจะให้จัดการยังไง ?”
วารุณีหลุบตาลง “ให้เงินหนูยี่สิบล้าน หนูจะทำเป็นเหมือนไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น”
ไม่ใช่ว่าเธอใจดี หรือว่าเธอขี้ขลาด แต่เพราะเธอรู้ ยังไงนายสุภัทรก็ต้องปกป้องนางขยานี ต่อให้เธอจะมีหลักฐานในมือ ก็สู้อะไรนายสุภัทรไม่ได้
หรือต่อให้เธอจะบอกเรื่องที่นางขยานีมีชู้ นายสุภัทรก็คงจะช่วยนางขยานีปกปิด หนำซ้ำไม่แน่ว่าจะมาเล่นงานเธอที่เป็นลูกสาวอีกด้วย เพราะกลัวว่าลูกสาวอย่างเธอจะแพร่งพรายออกไป ฉะนั้นไม่สู้เธอมาเรียกร้องเอาผลประโยชน์จะดีกว่า ไว้มีโอกาส ค่อยคิดบัญชีกับนางขยานีทีหลัง
“ยี่สิบล้าน เธอไม่ไปปล้นเอาล่ะ!” นางขยานีตบฝ่ามือลงไปที่โต๊ะ
สีหน้าของนายสุภัทรก็ไม่สู้ดีเช่นกัน
วารุณีทำท่าแบมือออก “ยี่สิบล้านเยอะไป ? คุณทำลายเครื่องจักรของฉัน และยังคิดจะเอาชีวิตฉัน ฉันไม่แจ้งจับคุณเข้าคุก ก็ใจดีมีเมตตาเท่าไรแล้ว”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอกลอกตาไปมา แล้วขยับตัวเข้าไปใกล้นางขยานี “อีกเรื่องคุณน้าขยานี ฉันลืมบอกคุณไป คืนที่ชิงทรัพย์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ประธานนัทธีก็อยู่ในเหตุการณ์กับฉันด้วย เท่ากับว่า คุณเองก็เกือบจะฆ่าประธานนัทธีแล้วด้วยเช่นกัน !”
“อะไรนะ?”หัวสมองของนางขยานีอื้ออึงขึ้นทันที รู้สึกเหมือนราวกับโลกหมุน
นายสุภัทรเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ร่างทั้งร่างก็ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง
เขาในตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว นัทธีไปอยู่กับวารุณีได้ยังไง ในหัวสมองมีเพียงประโยคสุดท้ายของวารุณี‘เกือบฆ่าประธานนัทธี’ประโยคนี้สักพักกว่าจะมีสติขึ้นมาได้
“ยี่สิบล้านใช่ไหม ฉันจะให้!”นายสุภัทรโบกมือให้อย่างอ่อนแรง ราวกับแก่ชราขึ้นอีกหลายปี
หากไม่ให้จะทำอะไรได้ วารุณีสามารถรวมหัวกับนัทธีเพื่อเรียกร้องขอค่าเสียหายที่มากขึ้น
แม้ว่าเรื่องทั้งสองนี้จะไม่มีนัทธีร่วมด้วย แค่หลักฐานในมือของวารุณี แม้ว่าเขาจะสามารถปกป้องนางขยานีได้ แต่ก็คงต้องสูญเงินอีกเป็นจำนวนมาก ไม่สู้จ่ายค่าเสียหายอันน้อยนิดนี้เพื่อจบปัญหาทั้งหมดนั้นซะดีกว่า
“เยี่ยมเลยค่ะ คุณพ่อ นี่เป็นเลขที่บัญชีของหนู ”วารุณียื่นเลขที่บัญชีธนาคารที่ได้เตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว วางลงตรงหน้าของนายสุภัทร จากนั้นก็จงใจถามไปว่า “ คุณพ่อ เงินที่โอนมาให้ คงจะไม่ผูกพยาบาทเหมือนคุณน้าขยานี แล้วมาตามทำร้ายหนูใช่ไหมคะ ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางขยานีก็ความดันขึ้นทันที ตวาดเสียงดังอย่างโกรธเคือง “ไปให้พ้น!”
“ได้ค่ะ!”วารุณีโบกมือให้ แล้วจากไปอย่างอารมณ์ดี
นางขยานีขบริมฝีปากแน่นแล้วมองไปที่นายสุภัทร “ที่รัก……”
“คุณเข้าห้องไปแล้วปิดประตูเพื่อสำนึกผิดซะ ช่วงนี้ผมไม่ต้องการเห็นหน้าคุณ!”นายสุภัทรมือกุมหน้าอกอย่างเจ็บปวด
“ได้ค่ะ”นางขยานีพยักหน้ารับคำ ในใจเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เพราะวารุณีนังผู้หญิงแพศยานั้นคนเดียว เธอถึงได้ถูกกักบริเวณแบบนี้
รอก่อนเถอะ ครั้งนี้เอาชีวิตนังแพศยาคนนั้นไม่ได้ คราวหน้าก็อาจไม่แน่ !
วารุณีไม่รู้ว่านางขยานีไม่แม้แต่จะสำนึกผิด แต่กลับอาฆาตพยาบาทเธอมากขึ้นไปอีก เธอในตอนนี้เดินออกมาจากบ้านตระกูลศรีสุขคําแล้ว กำลังจะรายงานข่าวดีให้กับปาจรีย์ได้รับรู้ ทันใดนั้นก็เห็นรถที่คุ้นเคยคันหนึ่งจอดอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา
แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงที่ตัวรถ กระจกด้านข้างคนขับก็เลื่อนลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของนัทธี